กรณีตำรวจสน.บางเสาธง รับแจ้งพบศพถูกฆาตกรรมฝังไว้ใต้พื้นบ้าน ภายในคฤหาสน์หรูพื้นที่ 4 ไร่ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โดยที่เกิดเหตุอยู่โซนที่กำลังสร้างร้านกาแฟขนาดใหญ่ ใต้พื้นบ้าน 2 ชั้น ด้านในสุดพบศพนายสิทธิโชค หรือ ช่างสน สาโรจน์ อายุ 42 ปี ชาวจ.กาญจนบุรี นอนหงายอยู่ใต้พื้นบ้าน สวมผ้าขาวม้าผืนเดียว กางเกงในสีแดง ถูกห่อด้วยผ้าม่านสีครีมและปิดบังด้วยแผ่นคอนกรีตสำเร็จ โบกปูนทับอีกครั้ง และนำฟูกที่นอนพิงกำแพงตัวบ้านไว้อีกชั้น
ล่าสุดวันที่ 18 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของแม่ช่างสน ในพื้นที่ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ สอบถามนางสุวดี เพ็ชรแขก อายุ 52 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวว่า ตนได้คุยกับลูกชายครั้งสุดท้ายวันที่ 2 ก.ค.64 โดยลูกเล่าให้ฟังว่าที่ทำงานมีคู่แข่ง เพื่อนร่วมงานจ้องอิจฉา คิดว่าหัวหน้ารักลูกชายของตนมากกว่า โดยอีกฝ่ายไล่ให้ลูกชายออกไปจากบ้าน พร้อมขู่ทำร้าย แต่ลูกชายบอกว่าไม่ไป เพราะเจ้าของบ้านไม่ได้ไล่ ซึ่งคนที่อิจฉาลูกชายอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ส่วนลูกชายของตนอยู่คนเดียว ไม่มีพรรคพวก
หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้คุยกับลูกชาย กระทั่งวันที่ 15 ก.ค.64 แฟนของลูกชายซึ่งอยู่จ.สระบุรี ทักแชตเฟซบุ๊กมาหาบอกว่าติดต่อนายสนไม่ได้ โทรศัพท์ไปแล้วก็ไม่รับสาย จนช่วงเย็นแฟนของลูกชายแชตมาอีกครั้งบอกว่า "โทรศัพท์หาสน แต่มีลุงแก่ ๆ เป็นคนรับสาย" เมื่อตนโทรไปปรากฏว่าเป็นชายแก่รับสายโทรศัพท์ลูกชายจริง และบอกตนว่าลูกชายของตนหายไปหลายวันแล้ว ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป แต่ของทุกอย่างในห้องก็ยังอยู่ครบ พัดลมก็ยังเปิดไว้ จนได้ทราบว่าลุงคนนี้เป็นคนสวน คอยปิดประตูเข้าออกบ้าน เห็นห้องลูกชายเปิดประตูเอาไว้ จึงเข้าไปดู เห็นโทรศัพท์วางอยู่เลยรับสาย
หลังจากนั้น ตนได้โทรศัพท์หาลุงคนสวนอีกครั้ง ปรากฏว่าลูกสาวของลุงเป็นคนรับ แต่ตนได้ยินลุงพูดกับลูกสาวว่า "ห้ามคุยจะคุยเอง เดี๋ยวตอบไม่ถูก" ตนจึงรู้สึกแปลกใจ จากนั้นตนก็หลอกถามเรื่อย ๆ ว่าห้องที่ลูกชายตนอยู่อาศัยเป็นอย่างไร ลุงบอกว่าเป็นห้องแถวคนงาน อยู่ตรงข้ามกับห้องตัวเอง อ้างว่าได้สำรวจหมดแล้ว ไม่เจอลูกชายของตนแต่อย่างใด
จากนั้นตนจึงโทรศัพท์ไปบอกนายสุวิทย์ ลูกชายอีกคนซึ่งอยู่ทางภาคกลาง ให้ไปตามหาพี่ชายเพราะไม่สามารถติดต่อได้ นายสุวิทย์จึงเข้าแจ้งความพร้อมนำตำรวจไปตรวจสอบที่บ้านจุดเกิดเหตุ โดยลุงที่รับโทรศัพท์ก็เดินไปดูด้วย พบว่าบริเวณหลังบ้านมีกลิ่นเน่า ลูกชายจึงถามว่ากลิ่นอะไร ลุงบอกว่าเป็นกลิ่นตัวเหี้ยที่เข้ามาตายบ่อย ๆ
ในวันที่ 16 ก.ค.64 ช่วงเย็น ตนจึงไปดูดวงที่ จ.กระบี่ โดยเป็นหมอดูจากลูกกรอก ซึ่งหมอดูบอกว่าส่งลูกกรอกไปดูแล้ว นายสนอยู่ในบ้านที่น้องชายเข้าไปหา เป็นจุดเดิมที่ได้กลิ่น ลักษณะเป็นป่ากล้วย มีต้นไม้ใหญ่เพิ่งปลูก แต่ช่างสนออกมาไม่ได้ เพราะมีบางอย่างปิดไว้ ทำให้มืดมองไม่เห็น ลักษณะเหมือนพื้นที่ดังกล่าวมีของที่คุ้มกัน หมอดูจึงทำของเพื่อเปิดทางให้ พร้อมกับบอกให้เข้าไปหาอีกรอบ
ประกอบกับน้องสาวของตนที่อยู่ จ.กาญจนบุรี ก็ไปดูดวงซึ่งพูดตรงกัน จึงตัดสินใจโทรศัพท์บอกลูกชายให้เข้าไปดูอีกรอบ จนเมื่อวานนี้ (17 ก.ค.64) ลูกชายเข้าไปที่ สน.บางเสาธง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า เริ่มมีเบาะแสแล้ว และเข้าไปค้นจุดเกิดเหตุจนเจอศพถูกฆ่าโบกปูนเอาไว้ ตนจึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน โดยทำกันเป็นกลุ่ม รวมถึงลุงที่อ้างว่าเป็นคนสวนน่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ตนยังสงสัยหัวหน้างานซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ทราบชื่อว่า นายสุพจน์ เพราะลูกชายเคยบอกว่ามีเพื่อนค้างเงินค่าแรง จำนวน 4-5 แสนบาท โดยคิดว่าน่าจะมีการวางแผนทำเป็นกระบวนการ
อย่างไรก็ตาม ตนเสียความรู้สึกมาก ๆ ลูกชายออกจากบ้านไปทำงานรับเหมาก่อสร้างอยู่เป็น 10 ปีแล้ว จุดเกิดเหตุก็เป็นร้านกาแฟที่หัวหน้างานจ้างให้ทำ แต่เมื่อลูกชายตนหายไป กลับไม่มีใครสนใจแม้แต่น้อย ทั้งนี้ตนจึงอยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ และจะขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับนางปราวตรี คนแรงดี 46 ปี ร่างทรงพระแม่ลักษมี และปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เปิดเผยว่า ตนเป็นร่างทรงมามากกว่า 3 ปี ปกติช่วยดูดวงสะเดาะเคราะห์ แต่ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงปิดสำนัก กระทั่งวันที่ 16 ก.ค.64 น้าของผู้เสียชีวิต เดินทางเข้ามาขอความช่วยเหลือในเวลา 16.30 น. ซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันที่องค์พ่อปู่โสมเฝ้าทรัพย์เป็นผู้เข้าทรง ตนก็จำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด เพราะร่างเป็นของตนแต่จิตขณะนั้นไม่ใช่ตน
โดยพ่อปู่บอกว่าได้ยินเสียงนายสิทธิโชค ที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งดวงจิตที่สัมผัสได้น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งศพก็อยู่ในบ้านไม่ได้หายไปไหน แต่ที่ไม่มีใครเห็นหรือได้กลิ่น เพราะเจ้าที่แรงไม่ให้พ่อปู่เข้ามายุ่ง เมื่อตนออกจากเข้าทรงก็มีอาการพะอืดพะอมและอ้วกหลายครั้ง ตนจึงแนะนำให้ญาติจุดธูป 16 ดอกขอขมา และบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเปิดทาง
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ติดตามข่าว และไม่ได้รู้จักกับนายสิทธิโชคมาก่อน เพิ่งจะมาทราบจากอดีตภรรยาของผู้เสียชีวิต ว่าเจอตัวแล้วแต่เสียชีวิต ตนก็รู้สึกตกใจจนขนลุก ส่วนสาเหตุที่คนตามไม่เจอสพ ตนไม่แน่ใจว่าเกิดจากที่นายสิทธิโชค เมาแล้วเผลอไปพูดลบหลู่ หรือผู้ก่อเหตุทำของบังตาหรือไม่ เพราะตนเป็นร่างทรงที่พ่อปู่โสมเฝ้าทรัพย์เข้ามาประทับร่างเท่านั้น
