จากกรณีกระแสในโลกออนไลน์ ร่วมกันแฉพฤติกรรมของ บอย สกล ที่อ้างว่าตัวเองเคยศึกษาในโรงเรียนชั้นนำของประเทศ ก่อนศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการเผยแพร่ภาพที่ถือป้ายในงานกีฬาประเพณี โดยนายสกลอ้างว่าเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 1 ปี ก่อนซิ่วไปเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุดมีประเด็นเงินรุ่นของ ม.บูรพา ที่นายสกลเบิกใช้จ่ายไปหลายแสนบาท และเงินจำนวนดังกล่าวหายไปนั้น (อ่าน :
“บอย สกล” ถูกแฉอีก! เพื่อน ม.บูรพา โดนเก็บเงินรุ่นหายเฉียดล้าน พิรุธชิ่งออก เหลือแค่พัน)
วันที่ 13 ก.ย. 61 ที่บ้านพักของนายสกล หรือ บอย ที่ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา เป็นบ้าน 2 ชั้น มีรั้ว ภายในบริเวณบ้าน มีพื้นที่ปลูกห้องเช่าประมาณ 10 ห้อง หน้าบ้านมีรถสองแถวจอดอยู่ โดยในบ้านปิดล็อกประตูไว้
โดย
เพื่อนบ้าน ให้ข้อมูลว่า นายสกล อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก บ้านหลังนี้มีย่าของนายสกลอยู่เท่านั้น ส่วนพ่อแม่น่าจะไปอยู่ที่อื่น โดยส่วนตัวที่รู้จักนายสกล ก็เป็นคนน่ารัก ไม่เกเร หน้าตาดี ทั้งนี้ ตนเพิ่งทราบข่าวนายสกล เมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา ส่วนตัวก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนายสกลจึงมีข่าวเช่นนี้ เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้สนิทกันมาก ส่วนย่าของนายสกล ตนก็ไม่เคยคุยด้วย เนื่องจากเจ้าตัวทำอาชีพขับรถสองแถว กลับมาก็ช่วงเย็นแล้ว
ขณะที่เพื่อนบ้านอีกราย บอกว่า ช่วงก่อนจะมีข่าว นายสกลกลับมาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อช่วง 10 วันก่อน ซึ่งนายสกลบอกว่าจะเดินทางไปเรียนที่ต่างประเทศ เมื่อตนเห็นข่าวก็ตกใจ เพราะส่วนตัวคิดว่านายสกลเป็นคนดี ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ อีกทั้งย่าของนายสกลก็มีฐานะ
นอกจากนี้
นักศึกษารายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ตนไม่ได้สนิทกับนายสกล เพราะนายสกลไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่พอทราบข่าวก็ตกใจ และรู้ทันทีว่าเป็นคนที่เคยอยู่ในซอยบ้านตนมาก่อน แต่ตนเคยเจอนายสกลแค่ตอนเด็ก ๆ เพราะเมื่อโตขึ้น ตนก็ไปเรียนที่กรุงเทพฯ จึงไม่ได้เจอกันอีก
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางมาที่คอนโดมิเนียมของนายสกล ย่านสามย่าน เป็นคอนโดที่มีนักศึกษาพักอยู่จำนวนมาก โดย
นิติบุคคลของอาคาร แจ้งว่า เคยเห็นนายสกลเข้าพักก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณ 3-4 เดือน โดยห้องที่พักเป็นห้องที่มีเจ้าของห้องปล่อยให้เช่า ซึ่งเจ้าของห้องยังคงแวะมาตรวจห้อง จ่ายค่าส่วนกลางเป็นระยะ
นางล้อม (นามสมมติ) แม่บ้านอาคาร เปิดเผยว่า ตนเคยเจอกับนายสกล ล่าสุด เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว เจอที่ลอบบี้ของคอนโด โดยนายสกลมาพร้อมกับเพื่อน จากนั้นตนก็ไม่เจออีก ทั้งนี้ ครั้งที่เจอล่าสุด นายสกลก็แต่งตัวปกติ ใส่เชิ้ต กางเกงทั่วไป ไม่ใช่ชุดนักศึกษา โดยขณะที่นายสกคุยกับเพื่อนที่ลอบบี้ ตนได้ยินว่ามีการพูดคุยกันว่าเรียนจบกันแล้ว กำลังเตรียมตัวไปทำงานต่างประเทศ โดยนายสกลบอกว่า แม่ทำงานอยู่ต่างประเทศ แล้วจะเดินทางไปทำงานคล้ายกับที่แม่ทำเช่นเดียวกัน ส่วนบุคลิกภายนอก ตนเชื่อถือว่าเป็นคนมีฐานะ และเข้าใจว่าพ่อแม่ของนายสกลก็คงมีฐานะ เนื่องจากเด็กที่พักอยู่ที่นี่ ก็เป็นคนมีฐานนะ และตลอดเวลาที่นายสกลพักอาศัยอยู่ ตนไม่เคยเจอพ่อแม่ของนายสกลแวะมาเลย
ทั้งนี้ ตนเห็นนายสกลใส่ชุดนักศึกษาคล้ายชุดทำงาน จึงไม่แน่ใจว่าแต่งตัวไปที่ใด ส่วนลักษณะนิสัย นายสกลเป็นคนร่าเริง ทักทายพูดคุยกับคนอื่น ๆ มีเพื่อนค่อนข้างมาก อัธยาศัยดี โดยจากพฤติกรรมที่เป็นข่าว ตนก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าลักษณะที่เห็น จะกลายเป็นคนที่หลอกลวงหรือโกหกคนอื่น
ด้าน
นายอู๋ (นามสมมติ) เพื่อนที่เคยร่วมค่ายกิจกรรมกับนายสกล เปิดเผยว่า ครั้งนั้นตนได้ร่วมงานกับนายสกล เป็นค่ายวิชาการที่จัดต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตนสนิทกับนายสกลพอสมควร และหากน้อง ๆ ในค่ายเจอกับปัญหา นายสกลจะเป็นคนให้คำแนะนำ ช่วยแก้ปัญหา โดยนายสกลจะดูแลฝ่ายเหรัญญิก ทำงานร่วมกับประธาน เบิกจ่ายจะต้องผ่านประธานทั้งหมด ไม่สามารถนำเงินออกไปใช้เองได้ ตนจึงไม่ทราบว่าจะมีการโกงหรือนำเงินออกไปใช้ส่วนตัวหรือไม่ แต่นายสกลมักเล่าถึงเพื่อนเก่า ๆ ว่า ค่ายเดิมเป็นอย่างไร ใครนิสัยเสียอย่างไร โดยตนก็ไม่ทาบถึงเจตนาว่า ทำไมถึงต้องนำมาพูด เหมือนเป็นการประจานคนอื่นให้ฟัง หรือยุให้คนอื่นไม่ถูกกันหรือไม่
ช่วงหนึ่งก่อนเป็นข่าว นายสกลมาชักชวนให้ตนไปเปิดค่ายอีกหนึ่งค่าย ซึ่งเป็นค่ายเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล เพราะตนชอบฟุตบอล นายสกลก็ชอบเช่นเดียวกัน ประกอบกับต้องการช่วยเหลือและให้โอกาสเด็กต่างจังหวัด จึงได้ตกลงไปทำกิจกรรมค่ายขึ้นมา 1 ฉบับ เพื่อเสนอสภานักศึกษา ซึ่งนายสกลอ้างว่าต้องการจัดการค่ายเอง ไม่อยากให้มีกระบวนการที่ยุ่งยาก ไม่มีระบบที่ซับซ้อน ทำอะไรก็ได้ ไม่เล่นพรรคเล่นพวก โดยนายสกลอาสาเขียนร่างเอง และนำกรรมการค่ายมาเองทั้งหมด จนเกิดเรื่องขึ้น มีการตรวจสอบรหัสนักศึกษาพบว่า ปลอม ไม่มีตัวตน ทำให้มีการสาวถึงรายชื่อคนอื่น ๆ ก็พบว่า รายชื่อที่ดึงมา เป็นนักศึกษาศิษย์เก่า ที่จบไปแล้ว เมื่อปี 2555-2556 เป็นนักศึกษารหัส 2551 ทั้งหมด แต่นายสกล กลับดึงชื่อมาใช้และปลอมรหัสเป็นปี 2557-2558
ส่วนที่มีเพื่อนบางส่วน อาจเป็นคนสนิทคนละกลุ่มกับตนเอง ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อ ร่วมถึงโพสต์บนโลกออนไลน์ว่า นายสกล มีมุมดีอื่น ๆ ทั้งการช่วยเหลือคนอื่นนั้น ส่วนตัว เชื่อว่าคนเราทุกคนก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่สังคมควรให้โอกาสเขาในการพิสูจน์ตัวเอง ว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ หรือเกิดจากความผิดปกติอะไร เพราะแม่ว่าเพื่อนป่วยไม่สบายขณะทำกิจกรรมค่าย นายสกลยังอาสาไปส่งที่โรงพยาบาล
นายอู๋ เล่าต่อว่า ตนเชื่อว่านายสกลป่วยเป็นโรคจินตนาการเอง ทำให้การกระทำที่แสดงออกมา เป็นแบบโกหกไม่เนียน ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่ติดอยู่ในจิตนาการ คิดไปเองว่าตัวเองเป็นแบบไหน อย่างไร ต้องการหน้าตาทางสังคม ได้รับการยอมรับ ดังนั้นเชื่อว่าควรได้รับการรักษา หากตรวจแล้วว่าป่วยจริงตามที่หลายคนมอง ก็ควรรักษาจากโรคนี้ แต่เมื่อพิสูจน์ว่าไม่ป่วย ก็ควรได้รับโทษทางกฎหมายต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ 60 : 40 ที่ว่านายสกลจะป่วย เพราะเคยมีรุ่นพี่หลายคนออกมาระบุทำนองลักษณะนี้ และเหตุผลที่นายสกลเลือกที่จะสร้างเรื่องในจิตนาการของตัวเองที่จุฬาฯ เพราะเชื่อว่าเป็นสถาบันใหญ่ มีชื่อเสียง มีสังคมที่ดี สามารถหลอกตัวเองได้ สร้างการยอมรับทางสังคมได้ดี และช่วงที่นายสกลทำกิจกรรม หรืออ้างตัวว่าเป็นนักศึกษา ก็ไม่เคยเห็นมีพฤติกรรมเชิงชู้สาว หรือคบหากับใคร ตลอดการทำกิจกรรมแทบไม่เห็นว่ามีแฟน