เฒ่านอนป่วยฉุนเพื่อนบ้านสตาร์ตรถดัง คว้ามีดฟันหัว คนเจ็บชี้เป็นสิทธิ์โชว์ท่อไม่ดัง (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลเชียงใหม่เมดิคอลเซ็นเตอร์ เข้าตรวจสอบเหตุผู้ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธมีดฟันกลางศีรษะ เหตุเกิดที่หน้าร้านลาบไม่มีชื่อ ย่านตลาดประตูก้อม ถ.สุริยวงศ์ ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่

ที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายฉัตรชัยตัมภีภุชงค์ อายุ 48 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ นั่งจมกองเลือดรอความช่วยเหลือ มีบาดแผลถูกมีดฟันเข้าที่บริเวณศีรษะ ความยาวประมาณ 15 เซนติเมตรและที่ข้อศอกด้านซ้าย ความยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร กู้ภัยได้ให้การปฐมพยาบาลห้ามเลือดก่อนที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชอย่างเร่งด่วน

วันที่ 12 ก.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุหน้าร้านลาบ บ้านของผู้บาดเจ็บ และผู้ก่อเหตุอยู่ซอยด้านข้าง ห่างจากร้านลาบประมาณ 300 เมตร บ้านของผู้บาดเจ็บอยู่ด้านขวา และบ้านของผู้ก่อเหตุอยู่ด้านซ้ายมือ ห่างกันประมาณ 5 เมตร

นายฉัตรชัย อายุ 48 ปี ผู้บาดเจ็บ พบมีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะเย็บประมาณ 20 เข็ม มีรอยถลอก บริเวณใบหน้า และที่แขนขวาเย็บ 8 เข็ม และยังมีรอยถลอกตามขา และเท้า เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนเองได้ติดเครื่องรถจักรยานยนต์ เพื่อที่จะเอาไปส่งของตามปกติและได้ออกไปแวะบริเวณร้านลาบ เป็นคนรู้จักของตัวเอง

ตนเองหันหลังให้กับบริเวณซอยที่ออกมา จากนั้นนายอุดมก็ได้มาทางด้านหลังของตนเองขณะที่ตนเองยังไม่ทันตั้งตัวและได้มีการใช้มีดฟันที่ศีรษะตนเอง 2 ครั้ง ก่อนตนเองพยายามจะหลบ และมีดมาโดยบริเวณแขนซ้ายบองตนเองบาดเจ็บ พยายามลงจากรถจักรยานยนต์เพื่อที่จะตั้งตัว และได้มีการต่อสู้กันอยู่สักพัก ก่อนที่นายอุดมจะหยุด และตนเองก็นั่งรอเจ้าหน้าที่กู้ภัย ด้วยอาการบาดเจ็บ

ตนเองเพิ่งจะเดินทางมาที่เชียงใหม่ เพื่อทำธุระ ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา และใช้รถจักรยานยนต์คันนี้มานานแล้วไม่เคยมีปัญหามาก่อน นายอุดมเคยมากล่าวตักเตือนตนเองว่าให้ไปสตาร์ตรถหน้าปากซอย เพราะนายอุดมมีโรคประจำตัว แต่ตนเองก็ไม่ทำตาม เพราะยืนยันว่านี่คือสิทธิส่วนบุคคล ตนเองสตาร์ตรถหน้าบ้านของตนเอง ไม่ได้ไปสตาร์ตที่หน้าบ้านของนายอุดม และยืนยันว่าตนเองไม่ผิด และนายอุดมไม่น่าทำกันถึงขนาดนี้ และก่อนหน้านี้นายอุดมยังเคยพูดกับคนอื่น ๆ ว่าจะมาฟันหัวตัวเอง

หลังจากนี้ คงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถึงที่สุด ไม่มียอมความแน่นอน คงพูดคุยกันไม่ได้แล้ว ต่างคนต่างอยู่ รถจักรยานยนต์คันนั้นก็ยังใช้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น

รถจักรยานยนต์ของนายฉัตรชัย จากการตรวจสอบก็พบว่าสภาพรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า แอร์เบลด เป็นไปตามปกติตามมาตรฐานของโรงงาน ไม่ได้มีการดัดแปลงท่อรถให้เสียงดังขึ้นแต่อย่างใด

นายอุดม แย้มศิริ อายุ 71 ปี ผู้ก่อเหตุ ให้ทีมข่าวดูแผลถลอก บริเวณเข่าทั้งสองข้างที่หกล้มระหว่างต่อสู้ รวมถึงยังพาไปดูจุดที่นายฉัตรชัย เคยติดเครื่องรถด้วย พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 64 เวลาประมาณ 09.00 น. ขณะที่ตนเองกำลังนอนพักผ่อนอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของบ้าน และอยู่ในอาการนอนไม่หลับ ซึ่งจำเป็นต้องนอนตอนกลางวันเนื่องจากมีอาการป่วยเป็นเบาหวาน และความดัน จนกระทั่งนายฉัตรชัย ได้สตาร์ตเครื่องรถจักรยานยนต์เสียงดัง ยอมรับว่าโมโหมากและเกิดบันดาลโทสะ ยั้งอารมณ์ไม่อยู่ หยิบมีดตัดหญ้าเดินตามนายฉัตรชัยไปถึงถนนหน้าปากซอย แต่นายฉัตรชัยจอดรถจักรยานยนต์ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ตนเองใช้มีดฟันเข้าไปที่หัวของนายฉัตรชัย

จากนั้น มีการยื้อยุดฉุดกระชากกัน จนกระทั่งตนเองหกล้ม และหัวเข่าทั้งสองข้างมีรอยถลอก ขณะเดียวกันนายฉัตรชัยก็มีการพยายามต่อสู้กับตัวเองด้วย แต่ตนเองพยายามกำมีดไม่ให้นายฉัตรชัยแย่งไปได้ โดยขณะนั้นไม่มีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเข้ามาห้าม ก่อนที่นายฉัตรชัยจะให้ภรรยาโทรแจ้งตำรวจและรออยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งตนเองก็ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณนั้นไม่ได้หลบหนีไปไหน

สาเหตุที่ตนเองต้องใช้มีด เพราะถ้าหากไปต่อสู้กับนายฉัตรชัยด้วยมือเปล่าคงจะสู้ไม่ไหว เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ประกอบกับตัวเองอายุมากแล้วน่าจะได้รับบาดเจ็บ ตนเองอยู่ที่นี่มากว่า 40 ปีแล้ว นายฉัตรชัยปกติจะอยู่อาศัยที่กรุงเทพฯ และเพิ่งจะมาอยู่บริเวณข้างบ้านได้เพียงประมาณ 4 เดือน ก่อนหน้านี้นายชัดชัยมีการสตาร์ตรถจักรยานยนต์เสียงดังใกล้กับหน้าบ้านของตนเอง ตนเองต้องการที่จะพักผ่อน เนื่องจากช่วงกลางคืนตนเองนอนไม่หลับจึงออกใบเตือน และพูดคุยกันดี แต่นายฉัตรชัยก็ไม่ยอม จนกระทั่งมีการสตาร์ตรถเสียงดังหลายครั้ง ตัวเองเตือนเป็นรอบที่สอง และนายฉัตรชัยก็พูดว่า "ทำไม นี่บ้านกู" และเกิดอาการไม่พอใจ จนตนเองบอกหลายครั้งว่าให้ไปติดเครื่องยนต์ด้านนอก เพราะตนเองกำลังพักผ่อน แต่เขาก็ไม่ฟัง

ตนยอมรับว่าตนเอง ยังไม่ได้พูดคุยกับนายฉัตรชัย และจะไม่ขอโทษด้วย เพราะตนเองเหลืออดมาก หลังจากนี้คงต่างคนต่างอยู่ และคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ตนเองเพิ่งจะได้รับการประกันตัวออกมาจาก สภ.เมืองเชียงใหม่ ลูกชายใช้เงินสดจำนวน 100,000 บาท