บีบหัวใจ! ลูกสาว 8 ขวบอยู่กับศพพ่อป่วยโควิด ขอบอกรักครั้งสุดท้าย ก่อนไปรักษาตัว (คลิป)

12 ก.ค. 64

กรณีเรื่องราวน่าเศร้าของหนูน้อยผู้ป่วยโควิด-19 วัยเพียงแค่ 8 ขวบ “ด.ญ.ทัดดาว” ที่รอเตียงรักษาร่วม 5 วันอยู่ภายในบ้านซอย 6 หมู่บ้านพฤกษา 79 ลำลูกกา จ.ปทุมธานี กับคุณแม่ “น.ส.นิดา” หรือ “นิด” (สงวนนามสกุล) ที่คอยดูแลน้องกันแค่ 2 คน เนื่องจากคุณพ่อของน้องวัย 61 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งมานานเกือบ 5 ปี เพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 ที่ชั้น 2 ของบ้านจากการติดเชื้อโควิด-19

737723

ล่าสุดวันที่ 12 ก.ค.64 เวลาประมาณ 11.30 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับการป้องกันด้วยการเว้นระยะห่าง นักข่าวสวมใส่ชุด PPE สวมหน้ากากอนามัยให้ตัวเองและไมค์ ฉีดสเปรย์ทุก ๆ 5-10 นาที ในช่วงที่พูดคุยกับ “คุณนิด” ถึงไทม์ไลน์ของครอบครัว ก็ทราบว่าน้องและคุณพ่อน่าจะรับเชื้อโควิด-19 มาจากเพื่อนบ้าน ที่ไปเล่นด้วยกันบ่อย ๆ

titled

วันที่ 29 มิ.ย.64 น้องเริ่มมีอาการไข้

วันที่ 1-2 ก.ค.64 คุณพ่อเริ่มมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ แต่ยังไม่เอะใจว่าจะพบเชื้อโควิด-19 เพราะคิดว่าอาการป่วยโรคมะเร็งของพ่อแค่กำเริบ

วันที่ 3 ก.ค.64 เพื่อนบ้านบอกว่าติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ทั้งครอบครัวต้องกักตัวตั้งแต่วันนี้

วันที่ 6 ก.ค.64 คุณแม่กับน้องไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล

วันที่ 7 ก.ค.64 คุณพ่อเริ่มอาการทรุด ทานน้อย จิบได้แค่น้ำข้าวต้ม กลืนลำบากเพราะเจ็บคอมาก ทำให้กินยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งและอาการป่วยยาก มีไข้ 37.7 องศาเซลเซียส ไอ ถ่ายเหลว แต่เข้าห้องน้ำไม่ได้ จึงพาไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลประจำที่รักษาโรคมะเร็ง

วันที่ 8 ก.ค.64 ผลตรวจออกมาว่าน้องกับคุณพ่อติดเชื้อโควิด-19 แต่คุณแม่ผลเป็นลบ โรงพยาบาลจึงบอกให้คุณแม่เตรียมเก็บเสื้อผ้ารอไว้ หากเตียงว่างจะมารับไปรักษาที่โรงพยาบาล

271451

น.ส.นิดา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้โรงพยาบาลแนะนำให้สามีกินเกลือแร่ และเตรียมถังออกซิเจน บวกกับช่วงบ่ายหมอที่อนามัยใกล้บ้านก็เข้ามาวัดออกซิเจนในเลือด ซึ่งผลออกมาคือต่ำมาก จึงแนะนำให้สามีไปหาหมอ ไม่อย่างนั้นอาจเสียชีวิต ตนก็พยายามติดต่อไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับโควิด-19 กระทั่งวันที่ 9 ก.ค.64 ทนอาการป่วยจากทั้ง 2 อย่างร่วมกันไม่ไหว เริ่มมีอาการซึม ร้องไห้สะอื้นและพยายามบอกกับตนว่า “เป็นห่วงลูกมาก ๆ อยากอยู่รอดจนถึงลูกขึ้น ป.5” ก่อนที่จะเสียชีวิตไปอย่างสงบ เนื่องจากออกซิเจนในเลือดต่ำ ในช่วงเที่ยง บนชั้น 2 ของบ้าน

วันที่ 10-11 ก.ค.64 คุณแม่และลูกก็รักษาตัวแยกห้องกันอยู่ในบ้านชั้น 1 โดยมีเพื่อนสนิทของคุณแม่ที่ผลตรวจออกมาว่าเป็นลบ คอยมาดูแลอยู่ในบ้านด้วย

วันที่ 12 ก.ค.64 เวลา 11.30 น. โรงพยาบาลลำลูกกา ปทุมธานี ส่งรถหน่วยกู้ชีพ มูลนิธิเพชรเกษม มารับ “น้องทัดดาว” ไปเอกซเรย์ปอด และพาตัวแม่กับเพื่อนสนิทไปตรวจหาเชื้อโควิด-19

189581

อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าวินาทีนั้นมันบีบหัวใจมาก ๆ เพราะลูกสาวที่นอนอยู่ชั้น 1 หลังจากรู้ว่าพ่อตัวเองเสียชีวิต ก็ขึ้นไปบอกรักพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกลับลงมาชั้น 1 ต่อมาช่วงเย็นที่ทางรถมูลนิธิมารับศพพ่อไปเผา ลูกสาวก็บอกกับตนว่า “แม่ บ้านเรารู้สึกแปลก ๆ เนอะ ไม่มีหน้าพ่อแล้ว” ด้วยสีหน้าแววตาที่เศร้า ทางโรงพยาบาลลำลูกกาก็โทรศัพท์มาหาตนแจ้งว่า “น้องทัดดาว” ได้เตียงแล้ว โดยในวันที่ 12 ก.ค.64 จะส่งรถมารับ แต่ตนไปด้วยไม่ได้ ซึ่งตอนนั้น ลูกสาวก็ได้ยิน แล้วพูดออกมาเลยว่า “ถ้าให้หนูไปคนเดียว หนูยอมตายไปอยู่กับพ่อดีกว่า ถ้าหนูจะต้องจากแม่ไปอีก”

939204

ทั้งนี้ตอนนั้นตนช็อกมาก แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว ก็เลยพยายามตั้งสติ บวกกับโชคดีที้หมอโทรมาเช็กอาการบอกว่าน้องไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีแค่ไอ เจ็บคอเล็กน้อย ซึ่งในระยะเวลาที่น้องรอเตียงประมาณ 5 วัน ตนก็พยายามใช้สมุนไพร ขิง ข่า ตะไคร้ ทั้งอบ ทั้งต้มให้น้องกินเรื่อย ๆ เพราะน้องไม่เคยป่วย จึงกินยายาก ส่วนอาการของตนตอนนี้ก็มีเพียงแค่อาการเหนื่อยจากการไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน บวกกับสภาพจิตใจหลังสูญเสียสามี ไม่ได้มีอาการป่วยอื่น ๆ ซึ่งวันนี้ก็จะเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลลำลูกกา

สุดท้ายนี้ “คุณนิด” ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลผู้ป่วยให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องของเตียงที่ไม่เพียงพอ วัคซีนที่ล่าช้า การตรวจโควิด-19 ก็อยากให้มีอย่างทั่วถึงทุกเขต เพื่อลดภาวะแออัดและลดยอดผู้ติดเชื้อ และลดการสูญเสีย

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส