ไอ้หื่นขี้ยาบุกบ้านคร่อมสาว บีบคออุดปาก สื่อบุกที่กบดานเจอคนเร่ร่อน (คลิป)

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “Social Hunter Reborn V4” โพสต์เรื่องราวของชายปริศนาเข้ามาภายในบ้าน โดยระบุว่า “ชายเสื้อน้ำตาลได้แอบเดินเข้ามา ภายในบ้านหลังหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปที่ห้องนอน พยายามจะขืนใจสาวที่นอนอยู่ในบ้าน แต่สาวผู้เสียหายร้องตะโกนให้คนช่วย ทำให้ชายเสื้อน้ำตาลตกใจ รีบวิ่งหนีออกจากบ้าน เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง แถวย่านลาดพร้าว เมื่อวันที่ 6 ก.ค.64 ที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งความเอาไว้แล้ว แต่ยังตามจับไม่ได้ บ้านหลังนี้เจ้าของเดิมได้ตกแต่งเอาไว้เป็นผับ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเจ้าของใหม่ เปิดเป็นร้านขายตู้แช่”

ล่าสุดวันที่ 11 ก.ค.64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังร้านจุดเกิดเหตุ ซึ่งเดิมเคยเป็นสถานบันเทิง หลังจากที่ช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด จึงไม่สามารถเปิดกิจการได้ตามปกติ จึงได้หันมาขายตู้แช่มือสอง

น.ส.ชม (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เสียหาย พาทีมข่าวไปชี้จุดในร้าน โดยเริ่มต้นจากโซฟานอกร้านที่ใกล้กับโต๊ะสนุ๊ก ซึ่งเป็นจุดที่ชายปริศนา เข้ามาภายในร้านก่อนที่จะเข้าไปก่อเหตุด้านใน เพื่อก่อเหตุกับผู้เสียหาย แต่บริเวณทางเข้ามีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่จำนวน 2 ตัว จับภาพพฤติกรรมของคนก่อเหตุได้ชัดเจน ซึ่งช่วงหนึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพวินาทีที่ชายปริศนาเข้ามาภายในร้าน และมีลักษณะหันมาเล่นกับกล้อง ทำเป็นสัญลักษณ์เอานิ้วชี้แตะไว้ที่ปาก ทำนองว่าห้ามส่งเสียงดัง ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะนำของไปวางเอาไว้ที่โซฟาด้านนอก โดยคนก่อเหตุได้นำหมวกปากเป็ด หน้ากากอนามัย ถอดรองเท้าทิ้งเอาไว้ และทำทีเดินย่องเข้าไปด้านในร้าน จุดที่ผู้เสียหายนอนอยู่

จากนั้นน.ส.ชม ยังได้พาทีมข่าวเข้าไปภายในร้าน ซึ่งด้านในมีลักษณะไฟสองสว่างไม่มาก โดยผู้เสียหายนอนอยู่บริเวณโซฟาสีแดง มีลักษณะเป็นตัวยู ซึ่งผู้เสียหายมักจะนั่งทำงานอยู่บริเวณจุดดังกล่าว แต่ในวันเกิดเหตุเผลอหลับ เนื่องจากทำงานทั้งวันจนเกิดอาการอ่อนเพลีย จึงล้มตัวลงนอนที่บริเวณโซฟา จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้เข้ามาก่อเหตุหวังข่มขืนและบีบคอ เธอจึงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือได้ ทำให้พนักงานที่อยู่ด้านหลังของร้านวิ่งออกมาดู ก่อนผู้ก่อเหตุจะวิ่งหนีไป

น.ส.ชม เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า หลังจากที่ตนล้มตัวลงนอนที่โซฟา เพราะเหนื่อยจากการทำงานที่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาโดนที่ขา ทีแรกก็คิดว่าพนักงานในร้านปลุกให้ตื่น แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาพบว่ามีชายปริศนากำลังเอาหน้ามาประชิด จึงตกใจและใช้มือผลักใบหน้าของชายปริศนา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายปริศนาใช้มือบีบรัดคอของตน และใช้มืออีกข้างปิดปาก ตนจึงพยายามกรีดร้องจนพนักงานมาเห็น ผู้ก่อเหตุจึงได้รีบวิ่งออกไปเพื่อหยิบของที่วางเอาไว้ด้านนอก และออกไปจากร้านโดยเร็ว

ส่วนตัวยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ ไม่รู้ว่ามีคนปริศนาเข้ามาในร้าน เพราะถ้าดูจากกล้องวงจรปิดจะเห็นลักษณะการเดินไม่เต็มเท้า เดินแบบคนย่องเบา อีกทั้งยังมีการถอดรองเท้าทำให้ไม่ได้ยินเสียงเดินบนพื้น และตนยังสังเกตพฤติกรรมของคนก่อเหตุว่า มีลักษณะเล่นกับกล้องวงจรปิด ซึ่งตนก็ไม่รู้ความหมายว่า ทำไมถึงต้องมีพฤติกรรมแบบนั้น

ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าชายปริศนาไม่ได้หวังเรื่องของการขโมยทรัพย์สินหรือของมีค่า เพราะในวันดังกล่าวตนเผลอหลับ และโทรศัพท์หล่นออกจากมือตกอยู่บนพื้น ซึ่งชายปริศนาก็ไม่ได้หยิบมือถือไปด้วย อีกทั้งบนโต๊ะก็ยังมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กวางอยู่ รวมถึงยังมีของมีค่าอื่น ๆ กลับไม่หายแต่อย่างใด ตนจึงเชื่อว่าชายคนนี้หวังที่จะข่มขืนหรือกระทำอนาจาร เมื่อตนนำภาพไปให้คนในพื้นที่ดู ส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่าเคยเห็น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนที่ไหน ทราบเพียงว่าไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง

ข่าวยังเดินทางลงพื้นที่ไปย่านลาดพร้าว 55 ทราบจากรายงานแจ้งว่าเป็นที่อยู่ของชายปริศนาที่ไม่มีบ้าน มักจะมารวมตัวและอาศัยอยู่ในย่านนี้ ทีมข่าวได้เจอกับ นายพงษ์เทพ คิดค้า อายุ 39 ปี วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พาทีมข่าวเดินทางเข้าไปภายในซอยแคบ เมื่อเข้าไปถึงท้ายซอยจะเป็นลักษณะตัวอาคารพาณิชย์หลังเก่าถูกปล่อยทิ้งร้าง สังเกตว่าจะมีที่นอนและจุดที่คล้ายกับมีคนมาอาศัยอยู่

นายพงษ์เทพ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวว่า จุดที่ตนพาทีมข่าวย้อนกลับมาดูวันนี้ เป็นที่อยู่ของชายปริศนาตามภาพที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด โดยช่วงประมาณ 5-6 วันก่อน ตนยังเจอผู้ชายคนนี้มาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่วันนี้ไม่รู้ว่าหลังเกิดเหตุแล้วหลบหนีหรือออกจากพื้นที่ไปแล้วหรือไม่ และตนมักจะพบเห็นชายคนดังกล่าวเดินหิ้วของไปมาผ่านออกเข้าซอย และบางครั้งก็อาจจะมั่วสุมดื่มสุรา 

หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ยังมีเคสของผู้หญิงคนหนึ่งถูกชิงมือถือกลางซอย ซึ่งแฟนหนุ่มของผู้หญิงคนดังกล่าวมาสอบถามที่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ตนก็ชี้ให้เข้าไปดูที่พักของกลุ่มคนจรข้างใน จนถึงทุกวันนี้ก็ยังติดตามตัวคนก่อเหตุไม่ได้ ที่สำคัญไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแลเป็นกรณีพิเศษ กลัวว่าจะเกิดเหตุซ้ำอีกหรือไม่ 

นายอัชนะ ศิวรมย์ หรือ ปอ อายุ 30 ปี พนักงานร้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตอนนั้นนายจ้างตื่นขึ้นมาแล้วนอนต่อ ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร จึงเข้าไปหลังร้านเพื่อคุยโทรศัพท์กับแฟน จากนั้นไม่นานคาดว่าชายปริศนาได้เดินตามหลังเข้ามา ซึ่งตอนนั้นตนยอมรับว่าไม่ได้ยินเสียงคนเดินเข้าร้าน จากนั้นได้ยินเสียงกรีดร้องลั่นร้าน ตนจึงได้รีบเปิดประตูออกมาพบว่าชายปริศนาได้วิ่งออกจากร้านไปแล้ว จึงไม่รู้ว่ามีการก่อเหตุอะไรบ้าง

หลังจากเกิดเหตุตนได้นำภาพของชายปริศนา ซึ่งสวมใส่หมวกไปไล่สอบถามกับชาวบ้านในละแวกนี้ โดยคนส่วนใหญ่ต่างพูดตรงกันว่า “คุ้น ๆ” แสดงว่าอาจเป็นคนที่อยู่ในละแวกนี้ แต่ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหน และยังมีวินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่อ้างว่าเมื่อวานนี้ (10 ก.ค.64) ก็ยังพบเห็นคนเดินไปมาอยู่ไม่ไกลจากร้าน ตนจึงเชื่อว่าหลังจากชายคนนี้ก่อเหตุแล้ว คาดว่ายังอาศัยอยู่ในละแวกนี้  

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้รับกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ก่อนที่ชายปริศนาจะเข้ามาก่อเหตุกับผู้เสียหายภายในร้าน โดยมีลักษณะทำทีนั่งอยู่บริเวณเต็นท์สีขาว มีโต๊ะไม้วางอยู่ ซึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ และเดินไปมาก่อนที่จะเข้ามาก่อเหตุภายในร้านและก่อเหตุดังกล่าว