ฤๅษีพิการหนีสื่อ! เพื่อนบ้านไม่เชื่อขืนใจสาว 17 ย้อนถามกลัวคำสาปมากกว่าถูกปล้ำหรือ (คลิป)

จากเหตุการณ์นายสุรสิทธิ์ พละศักดิ์ หรือ ร่างทรงปู่ฤๅษีตาไฟ ถูกอ้างว่าเป็นคนข่มขืนสาววัย 17 ปีในวันที่ 26-27 ส.ค.61 ซึ่งมีนายทวีเป็นคนอาสาขับรถมารับทั้งนายสุรสิทธิ์และสาววัย 17 ปี จากนั้นนายทวีก็พาทั้งหมดเข้าเมืองศรีสะเกษ เปิดรีสอร์ตเพื่อทำพิธี โดยนายทวีเปิดห้องให้ตัวเองกับลูก 1 ห้อง ให้ ร่างทรงฤๅษีกับสาววัย 17 ปี อีก 1 ห้อง โดยต่อมาครอบครัวของสาววัย 17 ปี ได้เข้าแจ้งความว่าถูกนายสุรสิทธิ์ข่มขืน ซึ่งคนในหมู่บ้านบอกว่ายังไม่เชื่อว่านายสุรสิทธิ์จะลงมือก่อเหตุนั้น (อ่าน : ก๊วน “ฤๅษีพิการ” โต้ขืนใจสาว 17 ชี้ใส่ร้ายหวังเงิน – ญาติเหยื่อฉะกลับ ยันเด็กดีไม่โกหก)

วันที่ 11 ก.ย. 61 ทีมข่าวเดินมาที่บ้านของนายสุรสิทธิ์ ใน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พบว่าบ้านปิดเงียบ โดย นางเหมียว (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน ระบุว่า แม่ของนายสุรสิทธิ์น่าจะไปทำไร่ ส่วนตัวนายสุรสิทธิ์ ตนไม่ทราบว่าหายไปไหน ส่วนกรณีที่เป็นข่าวนั้น ตนไม่เชื่อว่านายสุรสิทธิ์จะข่มขืนเด็กอายุ 17 ปีจริง เพราะเจ้าตัวพิการ แขนขาลีบมาตั้งแต่เกิด ไม่มีกำลังหรือเรี่ยวแรงจะทำแบบนั้นได้ เท่าที่ตนเห็นนายสุรสิทธิ์ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แม้แต่จะนั่งยังต้องมีหมอนพิงข้างหลัง การหยิบจับสิ่งของก็ทำไม่ได้ นอกจากมีคนยัดใส่มือให้จับ เพราะมือกำอยู่ตลอดเวลา โดยตนเคยเห็นคนยัดปากกาใส่มือนายสุรสิทธิ์ ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถวาดเป็นรูปวงกลมในกระดาษได้ แต่ไม่สามารถเขียนหนังสือได้ นอกจากนี้ เจ้าตัวก็ไม่เคยเล่นโทรศัพท์ และตนก็คิดว่ากดโทรศัพท์ไม่ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าฝ่ายผู้หญิงน่าจะขัดขืนได้ เพราะแค่ผลักเบา ๆ นายสุรสิทธิ์ก็ล้มแล้ว โดยที่อีกฝ่ายอ้างว่าไม่กล้าขัดขืน หรือขอความช่วยเหลือ เพราะนายสุรสิทธิ์ข่มขู่ว่าครอบครัวจะมีอันเป็นไปนั้น ตนคิดว่าอันดับแรก ผู้หญิงน่าจะต้องห่วงความปลอดภัยของตัวเองก่อน และเรื่องอื่นค่อยมาคิดหาทางแก้ปัญหาทีหลัง เพราะตนก็เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่หากมีคนมาทำแบบเดียวกัน ตนไม่มีทางยอมถูกข่มขืนแน่นอน ทั้งนี้ ตนรู้สึกสงสารครอบครัวของนายสุรสิทธิ์ที่ต้องมาเจอข่าวแบบนี้ และยืนยันว่า ตนและเพื่อนบ้านรายอื่น ไม่ได้ปกป้องเจ้าตัว เพราะมีผลประโยชน์ แต่เชื่อเพราะเห็นว่านายสุรสิทธิ์พิการจริง ทั้งนี้ ส่วนที่ชาวบ้านเริ่มนับถือร่างทรงฤๅษี เพราะเจ้าตัวเคยบอกคนที่กำลังจะมีเคราะห์ และเป็นไปตามที่เจ้าตัวพูดจริง จึงเริ่มมีคนนับถือ และเข้ามาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ซึ่งก็เป็นการทำน้ำมนต์ทั่วไป โดยส่วนใหญ่ก็เป็นคนนอกพื้นที่เข้ามา โดยชาวบ้านในพื้นที่มีแค่บางส่วนเท่านั้นที่นับถือ