เฒ่าระทมเขยบุกไล่ที่พังบ้านยับ สาวร่ำไห้โต้เนรคุณ แฉพ่อติดพนันห่วงผลาญหมดตัว (คลิป)

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความร้องสื่อขอความช่วยเหลือ ด้วยข้อความพร้อมกับคลิปภาพ มีข้อความว่า "ลูกสาวแท้ ๆ พาผัวและพวกมารุมทุบตีชายชราผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า เพื่อบีบไล่ให้ออกจากบ้านไป..." โดยจากคลิปภาพจะเห็นว่าคนที่ถ่ายคลิปพยายามจะวิ่งไปที่บ้านหลังดังกล่าว ขณะที่วิ่งไปถึงก็จะเห็นว่ามีกลุ่มคนที่กำลังทำลายข้าวของ แล้วก็มีปากเสียงกัน ก่อนตะโกนออกมาว่าอย่าเข้ามายุ่ง แต่ชาวบ้านก็พยายามบอกให้หยุด จากนั้นก็จะเห็นคนกลุ่มดังกล่าวเดินไปเดินมารอบบ้าน แล้วคนที่ใส่เสื้อสีฟ้าก็ปีนเข้าไปในบ้าน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของนายพยุง เชื่องช้าง อายุ 72 ปี อาศัยอยู่กับลูกสาว ส่วนลูกชายอยู่ในเรือนจำ แต่สามีใหม่ของลูกสาวก็ไป ๆ มา ๆ อยู่บ้านหลังนี้ตลอด ส่วนปมปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบ้านที่มีการโอนซื้อขายบ้านกันระหว่างลูกสาวกับสามีใหม่ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว

ล่าสุด วันที่ 10 ก.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ซอยตะปาน 7 ต.ตะปาน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะที่ทีมข่าวของเราไปถึงก็พบว่ามีชาวบ้านมานั่งกันอยู่ที่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุ ลักษณะบ้านหลังนี้เป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ติดกับถนนลาดยางภายในหมู่บ้าน

จากการตรวจสอบความเสียหาย พบมีรอยแตกที่กระจกบานเกล็ดหน้าบ้าน มีเศษกระจกตกอยู่บนพื้น และหน้าต่างข้างบ้านถูกงัดพังเสียหาย หน้าต่างที่ถูกงัดเสียหายยังถูกวางไว้ที่นอกบ้านและข้างในบ้าน ส่วนภายในบ้านมีร่องรอยความเสียหายเล็กน้อย ซึ่งตัวบ้านถูกล็อกด้วยกุณแจเอาไว้ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ข้างบ้านยังมีไม้ที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุวางไว้

ว่าที่ร้อยตรีหญิง เพ็ญสุดา ชูประดิษฐ์ อายุ 29 ปี เพื่อนบ้านที่โพสต์ขอความช่วยเหลือ บอกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 9 ก.ค.64 มีเด็ก ๆ ที่เล่นอยู่ข้างบ้านหลังเกิดเหตุมาบอกกับตนว่ามีคนมาทำร้ายคุณตาพยุง แล้วก็ได้ยินเสียงคุณตาพยุงร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงวิ่งไปดู ปรากฏว่าเห็นลูกสาวของคุณตาพยุงกับสามีใหม่ของเขา แล้วก็พวกอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน กำลังทำลายทรัพย์สินบ้านของคุณตาและก็พยายามเข้าไปทำร้ายคุณตา แต่โชคดีที่คุณตาล็อกประตูอยู่ในบ้าน จากนั้นกลุ่มคนที่มาทำร้ายคุณตาก็งัดหน้าต่างเข้าไปทำร้ายคุณตาแบบในภาพที่ตนถ่ายเอาไว้ได้ ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้เลยว่าคุณตาถูกทำร้ายอะไรบ้าง จากนั้นก็โทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้มาตรวจสอบ แต่คนกลุ่มดังกล่าวได้หลบหนีไปก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจะมาถึง

ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวคุณตาพยุงและสามีของเขาจะมีปัญหาและมีปากเสียงกับคุณตาพยุงเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีการลงไม้ลงมือกัน ครั้งนี้หนักสุด ที่ตัดสินใจโพสต์ข้อความช่วยเหลือเพราะว่าสงสารคุณตาที่ต้องมาถูกลูกสาวแท้ ๆ พาสามีใหม่กับพวกมารุมทำร้าย

ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมคุณตาถึงถูกคนกลุ่มดังกล่าวมาทำร้าย และพยายามขับไล่ออกจากบ้านหลังนี้ เพราะก่อนหน้านี้สามีใหม่ของลูกสาวคุณตาเคยประกาศบอกชาวบ้านว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขา สามีเก่าของลูกสาวคุณตาขายบ้านหลังนี้ให้กับเขาแล้ว จึงพยายามขับไล่คุณตาให้ออกจากบ้านหลังนี้มาโดยตลอด

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะซื้อขายกันจริงเท็จหรือไม่ไม่มีใครรู้ ที่รู้ก็คือบ้านหลังนี้ถูกโอนชื่อเป็นชื่อของสามีใหม่ไปแล้ว ส่วนที่ตนโพสต์ขอความช่วยเหลือก็อยากให้คุณตาพยุงได้รับความเป็นธรรม สงสารคุณตาที่ต้องมาถูกลูกสาวและสามีใหม่ไล่ออกจากบ้าน แล้วก็ลงไม้ลงมือทำร้ายกันจนบาดเจ็บ

เวลา 14.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางมะเดื่อ เจ้าของคดี ลงพื้นมาตรวจสอบที่บ้านของคุณตาพยุง เก็บหลักฐานและตรวจสอบความเสียหาย หลังจากช่วงเช้าของวันนี้ คุณตาพยุงได้ไปแจ้งความและให้ปากคำกับร้อยเวรเจ้าของคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายพยุง เชื่องช้าง อายุ 72 ปี เล่าว่า เมื่อคืนนี้คนร้ายมากัน 5-6 คน มายืนตะโกนท้าท้ายให้ตนออกไปคุยที่หน้าบ้าน แต่ตนไม่ได้ออกไป แล้วก็ล็อกประตูที่ด้านใน หลังจากนั้นเขาก็เอากุญแจมาล็อกทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน บอกว่า "งั้นถ้ามึงไม่ยอมออกมาคุย ก็อยู่ข้างในไปก็แล้วกัน" หลังจากนั้นตนก็ตะโกนว่า "ช่วยด้วย ๆ" จนเพื่อนบ้านมาช่วย คนก่อเหตุถึงจะยอมหยุดแล้วก็ออกจากบ้านไป

ก่อนหน้านี้ตนยอมรับว่ามีเรื่องทะเลาะกับลูกสาวอยู่บ้าง ส่วนเรื่องบ้านที่เป็นปมเหตุจริง ๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นของสามีคนก่อนของลูกสาว ซึ่งสามีคนก่อนเขาปลูกบ้านหลังนี้ไว้ให้หลานสาวอยู่ จนกระทั่งสามีคนก่อนของลูกสาวเสียชีวิตไป ตนก็เป็นคนดูแลบ้านหลังนี้มาโดยตลอด แต่ก่อนที่สามีคนก่อนจะเสีย ลูกสาวได้ไปมีสามีใหม่แล้วก็ทิ้งหลานสาวไว้กับตนที่บ้านหลังนี้ ตนเป็นคนรับหน้าที่เลี้ยงดูหลานมาตลอด

ส่วนวันเกิดเหตุตนก็เพิ่งมารู้ว่าลูกสาวโอนบ้านไปให้สามีใหม่ของลูกสาวแล้ว แต่ตนไม่เชื่อ ถ้าซื้อขายจริงต้องทำเรื่องมาให้ถูกต้อง
นายชำนาญก็เอาแต่ยืนยันว่าเป็นเจ้าของบ้าน ทั้งหมดก็คือสาเหตุที่เขามาทำร้ายตน ถ้าลูกสาวฟังอยู่อยากจะบอกว่าขอให้ลูกอยู่ให้สุขสบายก็แล้วกัน อย่าให้ต้องมาลำบากแบบตน แต่ตนคิดว่าลูกสาวก่อนจะสบายอาจจะต้องเข้าไปอยู่ในคุก เพราะตอนนี้ตนได้แจ้งความไว้แล้ว

นอกจากนี้ ก็ขอฝากถึงสามีของลูกสาวว่า "ขอให้โชคดี สงสัยต้องเข้าไปอยู่ในคุกด้วยกัน ยังไงก็ต้องเข้าคุก ที่พูดไปก็ขอให้เขาได้ยินและขอให้เขาทั้ง 2 คนเข้าไปสงบสติอารมณ์ในคุกกันสักพัก"

นายชำนาญ ดำรงวิชพงศ์ อายุ 47 ปี สามีใหม่ของลูกสาวนายพยุง เปิดใจว่า วันที่เกิดเหตุยอมรับว่าตนเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าวจริง เนื่องจากตนตั้งใจจะไปล็อกบ้าน เพราะว่าบ้านหลังนี้ลูกสาวของนายพยุงได้ขาย และโอนกรรมสิทธิ์ให้กับตนแล้ว ในราคา 150,000 บาท แต่นายพยุงกลับบอกว่า "จะมาล็อกประตูได้ไง นี่บ้านกู มึงไม่มีปัญญาซื้อบ้านหลังนี้หรอก" ตนจึงบันดาลโทสะ ทุบไปที่บานเกล็ดจนแตกละเอียด หลังจากนั้นก็เดินไปทำลายหน้าต่าง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปหานายพยุง เนื่องจากตนเห็นว่าเพื่อนบ้านถือปืนมา คนที่ถือปืนมาก็คือสามีของคนที่ถ่ายคลิปเอาไปโพสต์

จากนั้น ตนก็บอกให้พรรคพวกที่มาด้วยกันเดินทางกลับ เนื่องจากตนกลัวจะมีเรื่องกันบานปลาย ถ้าไม่กลับก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ที่บอกว่าตนทำลายข้าวของหรือทรัพย์สินของนายพยุง ยอมรับว่าทำร้ายจริง แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายนายพยุง เนื่องจากตนเข้าไปในบ้านไม่ได้ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาตั้งนานแล้ว ตนกับภรรยารับพฤติกรรมของนายพยุงไม่ได้ จึงพยายามขับไล่
แต่เขาก็ไม่ยอมออกไปจากบ้าน

พฤติกรรมของนายประยงค์ เป็นคนไม่ทำงานทำการ และขี้เยี่ยวไม่เป็นที่เป็นทาง ทำให้บ้านสกปรก ติดการพนันงอมแงม ชอบทำร้ายร่างกายหลานสาวอยู่บ่อยครั้ง เหตุผลที่ภรรยายกกรรมสิทธิ์ให้นั้น เป็นเรื่องคุณธรรมระหว่างพ่อลูก ภรรยาจึงยกกรรมสิทธิ์ให้ตนเป็นคนไล่ เพราะว่าภรรยาของตนเพิ่งโอนกรรมสิทธิ์ให้กับตนเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่วนประเด็นที่เขาแจ้งความเอาผิดตนกับภรรยานั้น ตนคิดว่าตนไม่ผิด เพราะว่าทรัพย์สินที่ทำลายลงไปคือกรรมสิทธิ์ของตน เรื่องทำร้ายร่างกายก็ไม่มีหลักฐานมาเอาผิดตนได้

นายชำนาญ ฝากบอกถึงนายพยุงว่า ขอให้มึงไป ตายโหงและก็ไปให้พ้น ๆ เพราะว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของตน ส่วนที่สังคมมองว่าตัวเองผิด ก็อยากจะบอกกับสังคมว่าอย่าดูแค่เหตุการณ์ในคลิปอย่างเดียว และอยากให้นึกถึงความอัดอั้นตันใจของตนที่มีต่อคนแก่คนหนึ่ง ซึ่งวัน ๆ ไม่ทำอะไรเลย คนที่ถ่ายคลิปแล้วก็เอาไปโพสต์โดยไม่คิดอะไร อยากจะบอกว่าผัวมึงนั่นแหละเป็นคนผิด เพราะว่าผัวมึงถือปืนออกมา ยืนยันว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นถูกต้อง เพราะตนตั้งใจจะไปล็อกบ้านอย่างเดียว ไม่ได้คิดจะไปทำร้ายใคร

นางสาวนภัสสร ชูประดิษฐ์ อายุ 34 ปี ลูกสาวของนายพยุง กล่าวทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุตนยอมรับว่าตนเดินทางไปกับไนายชำนาญ สามีใหม่ และพวกอีก 2 คนจริง ตั้งใจจะไปล็อกบ้านเท่านั้น และก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปทำอะไรพ่อ แต่พอไปถึงพ่อก็ด่าด้วยคำหยาบคาย และก็เอาแต่ยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของพ่อ พ่อเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าบ้านหลังนี้เขาเคยสร้างอะไรขึ้นมาบ้าง ซึ่งบ้านหลังนี้ตนสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงร่วมกันมากับสามีเก่า ส่วนบ้านของพ่อและที่ดินของพ่อ พ่อขายทิ้งไปหมดแล้ว เพราะว่าพ่อติดการพนัน ไม่ทำมาหากิน แล้วก็ชอบทุบตีลูกสาวของตน ตนเคยพาลูกตนหนีออกไปหาบ้านเช่าแล้ว 1 ครั้ง ส่วนตัวพ่อเองก็อยู่สุขสบายในบ้านหลังนี้มาโดยตลอด

ซึ่งสังคมจะประณามเรื่องนี้อย่างไร ตนก็ไม่สนใจแล้ว เพราะตนทนไม่ไหวจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อไม่ทำมาหากินยังไม่พอ ยังทำความสกปรกในบ้าน ขี้เยี่ยวในมุ้ง เวลาอยากกินกาแฟก็ชอบใช้ลูกสาวตนไปทำให้ ถ้าลูกสาวไม่ทำให้ ก็จะทุบตีและทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง พฤติกรรมแบบนี้มีมานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยตอนยังเด็ก ๆ จนแม่ของตนทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของพ่อแล้วก็ผูกคอตายไปตั้งแต่ตอนมีอายุได้ 7 ขวบ และตั้งแต่เล็กจนโตพ่อก็ไม่เคยดูแลหาเลี้ยงตนมาเลย ตนดิ้นรนด้วยตัวเองมาตลอด มีสามีมากี่คนพ่อก็จะเอาแต่เกาะสามีตนกิน

เหตุการณ์ครั้งนี้ตนไม่เคยคิดจะทำร้ายพ่อแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าตนยังมีจิตสำนึกความเป็นคนอยู่ เขาเป็นพ่อแท้ ๆ ตนจะไปทำร้ายเขาได้อย่างไร พ่อของตนมีที่อยู่เยอะแยะ แต่พ่อไม่ยอมไป บอกว่าจะอยู่เพื่อขัดขวางความสุขของตน ทั้งนี้ ตนอยากจะฝากบอกกับคนที่ถ่ายคลิปแล้วเอาไปโพสต์ว่าให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดี คนที่ผิดคือเขานั่นแหละที่ถือปืนออกมาเมื่อคืนนี้ ทำแบบนี้ก็ถือว่าผิดเต็ม ๆ

อยากจะบอกกับสังคมที่เสพข่าวเรื่องนี้ ว่าจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ความคิดของแต่ละคน ถ้าไม่เป็นคุณ คุณไม่รู้หรอก ตนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ มีใครบ้างที่จะไม่รักพ่อตัวเอง แต่ตนก็อยากถามว่าพ่อเคยรักตนบ้างไหม มาม่าห่อเดียวก็ยังไม่เคยซื้อให้ ที่ผ่านมาได้เงินอะไรมาก็จะเอาไปเล่นหวย เล่นไพ่จนหมดตัว ตอนนี้ถ้าพ่อฟังอยู่ก็อยากจะให้พ่อย้ายออกไปจากบ้าน เพราะว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของตนแล้ว

นายณัฐพงษ์ กาญจนธนากุล อายุ 29 ปี สามีของคนถ่ายคลิป บอกว่า จริง ๆ แล้วที่เขาเห็นว่าตนถือปืน ไม่ใช่เรื่องจริง สิ่งที่เห็นไม่ใช่ปืน เป็นไม้กับเหล็ก แล้วตนก็ไม่ได้คิดออกไปมีเรื่องหรือทำร้ายใคร แค่อยากจะไปห้ามคนที่มาทำร้ายตาพยุงเท่านั้น ถ้าพวกเขาเห็นว่าตนถือปืนออกไปจริง ให้แจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับตนได้เลย