ผู้ว่าฯ สมุทรปราการเผยสัญญาณดี คุมสารเคมี หมิงตี้เคมีคอล ได้แล้วกว่า 80% คาดทำได้ตามแผน ก่อนจะขนย้ายสารเคมีไวไฟไปกำจัด
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 7 ก.ค.2564 ที่จุดเกิดเหตุบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 หมู่ 15 ซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายณัฐธัญ ละอองทอง ผจก.ส่วนปฏิบัติการบริหารภาวะฉุกเฉินกลุ่ม บ.ปตท. พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ และผู้เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการจัดการมลพิษสารเคมีเพลิงไหม้โรงงานตี้หมิงเคมีคอลจำกัด
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุสำหรับการคลี่คลายสถานการณ์คืบหน้าไปมาก โดยวันนี้ได้ประชุมกับผู้ชำนาญการจากหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจนได้ข้อสรุปว่าตอนนี้ปัญหามีอยู่สองส่วน คือ สารเคมีที่อยู่ในถังกับสารเคมีที่อยู่นอกถัง และได้มีการดำเนินการสารเคมีที่อยู่ในถังซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินการทุกอย่างด้วยการบูรณาการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชน ได้ร่วมมือกันทำงานและจะมาดูงานในตอนเช้าว่าระยะเวลาผ่านไปแล้วเป็นอย่างไร
ส่วนในเรื่องพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 1 กิโลเมตร ห่างจากจุดเกิดเหตุก็ต้องพิจารณาตาความเหมาะสม เมื่อเราจัดทำแผนได้ดีก็จะมาพิจารณากันอีกครั้งเนื่องจากต้องเอาสารเคมีออกเพื่อไปกำจัดเพื่อให้มีความปลอดภัยก็จะแจ้งให้พี่น้องประชาชนกลับสู่ที่พักได้ แต่ส่วนที่อยู่ด้านนอกออกไปนั้นเคลียร์พื้นที่แล้วไม่มีปัญหาก็ยังคงเหลือจุดที่ประชาชนอยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตรเท่านั้นที่ยังขอให้อยู่ที่ศูนย์อพยพไปก่อน ส่วนบ้านเรือนบางหลังที่มีความเสียหายไม่มากอาจจะซ่อมแซมไปก่อนแล้วเก็บภาพเพื่อมาเคลมในภายหลังแต่ต้องเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านนายณัฐธัญ ละอองทอง ผจก.ส่วนปฏิบัติการบริหารภาวะฉุกเฉินกลุ่ม ปตท.กล่าวว่า ในพื้นที่ภายนอกได้ใช้สารเคมีฉีดพ่นไปเพื่อมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าประมาณ 80% แล้วในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งคาดว่าคืนนี้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการนำสารเคมีอีกตัวหนึ่งเอาไปใส่ในถังเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดปฏิกิริยาหรือเรียกว่าสาร DEHA หรือ D5 ซึ่งสารตัวนี้จะทำหน้าที่ทำให้สารเคมีที่อยู่ในถังไม่เกิดความร้อนก็หมายถึงว่ามันไม่ระเบิดนั่นเอง
พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ในเรื่องของความเสียหายนั้นก็ถือเป็นสิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องร้องทางแพ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเรียกผู้เสียหายกับผู้ที่จะต้องมารับผิดชอบมาเจรจาในเรื่องค่าเสียหายกัน ส่วนในเรื่องคดีก็เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องหาว่าสาเหตุเกิดจากความประมาทของใคร ดังนั้นพี่น้องประชาชนไม่ต้องวิตกเบื้องต้นให้ท่านถ่ายภาพทรัพย์สินที่เสียหายไว้ แต่ถ้ามีเหตุที่จะต้องซ่อมแซมในทันทีอย่างนี้ก็ให้ดำเนินการซ่อมได้เลย ก็ให้ถ่ายภาพไว้ว่าซ่อมแซมอะไรไปเท่าไหร่ รวมทั้งเก็บใบเสร็จไว้ด้วยเพื่อจะได้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องต่อไป
ล่าสุด เช้าวันนี้ (8 ก.ค.) เวลา 07.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ชุดเข้าตรวจสอบและเก็บกู้สารเคมีไวไฟภายในโรงงานผลิตโฟมในซอยกิ่งแก้ว 21 ได้รับสัญญาณที่ดี เมื่อหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมกำลังกันทำงานเต็มที่เมื่อคืนที่ผ่านมา และหยุดภารกิจเมื่อประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมาด้วยการลำเลียงสารเคมี DEHA เข้าไปในในถังบรรจุสารเคมีไวไฟที่อยู่ในถังเก็บขนาดใหญ่เพื่อให้สารเคมีไวไฟนั้นกลายเป็นสารหลอมเหลวธรรมดาที่ไม่ติดไฟเพื่อจะได้ขนย้ายออกไปกำจัดต่อไป
เจ้าหน้าที่ผู้คุมการปฏิบัติงานเปิดเผยว่า อุณหภูมิของสารเคมีภายในถังที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องคอยเฝ้าระวังอยู่นั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสัญญาณแบบนี้ทางเจ้าหน้าที่น่าจะเคลียร์พื้นที่ได้ตามแผนการที่วางไว้ แต่จะมีอุปสรรคเล็กน้อยคือการลำเลียงสาร DEHA ด้วยเจ้าหน้าที่นั้นลำบากเพราะทางเดินมีแต่เศษซากปรักหักพังกีดขวางอยู่
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าขณะปฏิบัติภาะกิจเมื่อคืนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ลำเลียงสาร DEHA เข้าไปนั้นได้รับผลกระทบในระบบทางเดินหายใจ 2 นาย ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูที่เฝ้าระวังอยู่ได้รีบนำส่งโรงพบาลทันทีและอาการปลอดภัยแล้ว
