เผยนาทีโจ๋ชั่วบุกห้องน้ำรร. มีดคัตเตอร์จี้ บีบคอหวังขืนใจป.1 โหดขู่ฆ่า สั่งห้ามร้อง (คลิป)

8 ก.ย. 61
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 61 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง คนร้ายบุกเข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่ติดกับรั้วของโรงเรียน โดยใช้มีดจี้เด็กนักเรียนหญิงชั้น ป. 1 อายุ 7 ปี หมายจะข่มขืน แต่เด็กหญิงรอดมาได้ หลังจากที่เพื่อนเด็กนักเรียนที่มาเข้าห้องน้ำและเห็นเหตุการณ์ จึงตะโกนเรียกครูให้มาช่วย ขณะที่คนร้ายสามารถหลบหนีไปได้ (อ่าน : พิสูจน์นาทีโจ๋ชั่ว บุกห้องน้ำ รร. หวังขืนใจ ป.1 จุดเสี่ยงรั้วเตี้ย – ลุงเชื่อพวกเมายา)
ห้องน้ำของโรงเรียน จุดเกิดเหตุ
วันที่ 7 ก.ย. 61 พนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร ได้สอบปากคำพ่อแม่และญาติของเด็กอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อประกอบในสำนวนทางคดี ด้านชุดสืบสวนก็เร่งลงพื้นที่เพื่อหาตัวคนร้าย ซึ่งพบว่าเป็นวัยรุ่นชาย ตัดผมสั้น รูปร่างสูงผอม และมีผิวสองสี ส่วนมีดคัตเตอร์ที่ใช้ก่อเหตุนั้นไม่ได้ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ คาดว่าคนร้ายจะนำติดตัวไปด้วย ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ริมรั้วกำแพงของโรงเรียน
ขณะที่วันนี้ โรงเรียนเปิดเรียนการสอนตามปกติ แต่ครูประจำชั้น ป.1 แจ้งว่าผู้ปกครองของเด็กได้โทรมาลาให้น้องได้พักอยู่ที่บ้าน ยังไม่พร้อมให้มาเรียน หากหลังจากนี้ดีขึ้น จึงจะให้กลับมาเรียนได้ตามปกติ ระยะนี้เกรงว่าหากส่งน้องมาเรียน กลัวว่าจะได้รับอันตราย ส่วนบริเวณรอบรั้วโรงเรียน ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมรั้วที่ได้รับความเสียหายชำรุด เพื่อป้องกันกรณีคนปีนรั้ว หรือเข้ามาตามช่องที่รั้วชำรุด
นายวีรศักดิ์ ปัญญาวงค์ นักการภารโรงของโรงเรียน
นายวีรศักดิ์ ปัญญาวงค์ นักการภารโรงของโรงเรียน เปิดเผยว่า ตั้งแต่เป็นภารโรงมาเกือบ 20 ปี ไม่เคยเห็นการก่อเหตุลักษณะเช่นนี้ และยอมรับว่าในพื้นที่ก็ไม่เคยมี ประกอบกับโรงเรียน หรือตำบลข้างเคียงก็ไม่เคยเกิดลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกัน ส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นในโรงเรียนและในพื้นที่ ซึ่งตนได้รับมอบหมายจาก ผอ.โรงเรียน ให้แต่งกิ่งตัดต้นไม้ที่รกทึบ และซ่อมแซมรั้วที่ผุพัง ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่ เนื่องจากปกติคนในพื้นที่จะรู้จักกันดี แต่หลังเกิดเหตุน้อง ป.1 บอกว่า จำคนร้ายไม่ได้และไม่รู้จัก แต่จะเป็นใครนั้นตนก็เดาไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็น แต่เชื่อว่าจะเป็นคนที่ขับรถไปมา คนแปลกหน้า หรือกลุ่มพวกโรคจิต ส่วนสภาพจิตใจครูและนักเรียนในโรงเรียนยอมรับว่าดีขึ้นบ้าง แต่ก่อนหน้านี้อาจจะดีกว่า แต่ตอนนี้ทุกคนปฏิบัติตัวตามปกติแล้ว และเชื่อว่าหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถดำเนินการจับกุมคนร้ายได้
นางจันทร์ ย่าของเด็ก ป.1 ผู้เสียหาย
ด้านนางจันทร์ อายุ 83 ปี ย่าของเด็ก ป.1 ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่อง ตนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ มีความกังวลตลอดเวลา บางครั้งได้มีโอกาสคุยกับหลานสาวก็ร้องไห้ เพราะสงสาร โดยขณะที่โจรโรคจิตบีบคอหลานสาว หลานบอกกับตนว่า เจ็บมาก โดยโจรได้นำเอาเทปสีขาวมาปิดปากไว้ ไม่ให้ส่งเสียงดัง พร้อมนำมีดคัตเตอร์จี้ไว้ และบอกว่า “เงียบ อย่าส่งเสียง หากเสียงดัง จะฆ่า” โดยจังหวะที่โจรโรคจิตเข้าประชิตตัว แล้วเผลอยกมือขึ้นสูงระดับอก ทำให้หลานสบโอกาสวิ่งหลบหนีไปได้ แต่จะประชิดตัวหรือบีบคอนานหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่กล้าถามหลาน กลัวจะกระทบจิตใจ และหลานสาวจะร้องไห้อีก ส่วนตัวถือว่าโชคดีที่ลูกหลานไม่เป็นอะไรมากไปกว่านี้
ภาพจำลอง ขณะเกิดเหตุคนร้ายบุกทำร้ายเด็กหญิง ป.1 ในห้องน้ำโรงเรียน
ภาพจำลอง จุดที่เด็ก ป.1 ได้รับบาดเจ็บบนร่างกาย
โดยหลังจากที่ตนเจอกับหลานสาวแล้ว พบว่าที่คอมีรอยแดง ใต้ตาซ้ายมีรอยช้ำเขียว ซึ่งอาจเกิดจากขณะที่หนีโจร ไปโดนกับขอบประตูห้องน้ำ หรือข้อศอกของโจรก็ได้ และหลานยังเล่าว่า ชายโรคจิตสวมเสื้อสีดำ ผอมสูง ผิวขาว และไม่น่าจะใช่คนในพื้นที่ เพราะไม่เคยเห็นหน้า โดยปกติหากเป็นคนในพื้นที่ และหมู่บ้านใกล้เคียง จะนึกชื่อและหน้าออกทั้งหมด ขณะเดียวกันสภาพจิตใจน้องดีขึ้น หลังไปพบแพทย์และได้อยู่กับพ่อแม่ก็ไม่ตกใจกลัวแล้ว โดยญาติจะไม่ปล่อยให้น้องอยู่บ้านเพียงลำพัง กลัวว่าจะวิตกและคิดมาก ส่วนจะย้ายโรงเรียนหรือไม่นั้นก็ยังไม่ทราบ ต้องถามพ่อแม่ของหลานอีกครั้ง แต่คาดว่าคงจะไม่ย้าย เพราะเกรงว่าจะเดินทางลำบากมากขึ้น
เจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้าง ใกล้โรงเรียน
ส่วนการก่อเหตุของคนร้าย ที่ใช้อุปกรณ์ก่อเหตุเป็นมีดคัตเตอร์และเทปกาวนำมาปิดปากเด็กนั้น ทีมข่าวเดินทางไปยังร้านวัสดุก่อสร้างภายในย่านโรงเรียน ห่างเพียง 500 เมตร พบร้านวัสดุก่อสร้างร้านใหญ่ที่สุดใน ต.ชมพู ทีมข่าวสอบถามว่า ในช่วงวันที่เกิดเหตุ 3 ก.ย. - 4 ก.ย. 61 มีชายต้องสงสัยสวมเสื้อสีดำ สูงขาว อายุประมาณ 26-30 ปี มาซื้อมีดคัตเตอร์ และเทปกาวที่ร้านหรือไม่ โดยร้านค้าระบุว่า ที่ร้านมีคนมาซื้อมีดคัตเตอร์เป็นประจำ วันละมากกว่า 10 อัน เพราะเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ดังนั้น จึงไม่ทราบว่าชายที่ก่อเหตุคือใคร หากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำภาพผู้ต้องสงสัยมาให้ตนดู ก็อาจจะเดาได้ว่ามาซื้อที่ร้านหรือไม่ แต่ตนไม่เห็นทั้งอุปกรณ์ก่อเหตุและหน้าของคนร้าย จึงตอบไม่ได้ว่ามีคนร้ายมาซื้อหรือไม่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ