กรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานกิ่งแก้ว หรือบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเม็ดโฟมพลาสติกเลขที่ 87 หมู่ 15 ซอย 21 ถ.กิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้บ้านพักอาศัยประชาชนที่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่าแม้เพลิงที่ลุกไหม้จะเริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงต้องควบคุมเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ว่าราชการ จ.สมุทรปราการ ประกาศชัดเจนเช่นเดียวกันว่า ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในรัศมี 5 กิโลเมตรเข้าพื้นที่เด็ดขาด
เมื่อทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจหมู่บ้านต่าง ๆ เป็นบ้านจัดสรร แบบทาวน์โฮม 3 ชั้น, ทาวน์โฮม 2 ชั้น และบ้านแฝด ประมากกว่า 200 หลังคาเรือน อยู่ห่างจุดเกิดเหตุถึง 2 กม. มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 หลัง
โดยหมู่บ้านดังกล่าวก่อสร้างมาประมาณ 15 ปี ราคาแต่ละหลังเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท พบว่าเริ่มมีผู้พักอาศัยทยอยเข้าสำรวจบ้านของตัวเอง และยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน เริ่มห่วงบ้านและคืนนี้ก็จะนอนในบ้านของตัวเอง ขณะที่นิติหมู่บ้านได้ใช้โดรนถ่ายภาพสำรวจความเสียหายให้ลูกบ้านทั้งหมด และแต่ละหลังที่เสียหายมีประกันภัยเข้ามาดูแลในเบื้องให้แล้ว
สำหรับบ้านหลังแรกที่ทีมข่าวได้มีโอกาสเข้าดูความเสียหาย เป็นบ้านน.ส.วนิดา (สงวนสกุล) อายุ 43 ปี เป็นบ้านแฝดขนาด 67.4 ตรว. ความเสียหายส่วนใหญ่เป็นฝ้าเพดานหน้าบ้าน หล่นลงมาทับรถยนต์ Volvo ได้รับความเสียไปด้วย และกระจกหน้าบ้านแตกเสียหาย
น.ส.วนิดา เปิดเผยว่า ในส่วนของตนความเสียหายค่อนข้างเยอะกว่าบ้านหลังอื่น ๆ อาจจะเป็นเพราะบ้านอยู่ระหว่างช่องลมพอดี จึงตรงกับรัศมีของโรงงาน เมื่อมีเหตุระเบิดแรงจึงพุ่งเข้ามาอย่างจัง ยอมรับว่าตกใจมาก กอดลูกและสามี ก่อนที่จะออกลงมาดู เมื่อเปิดม่านก็เห็นไฟรุกท่วมผ่านหลังคา ตอนนั้นขาสั่น ลงมาเปิดประตูหน้าบ้านไม่ออก จึงสองดูตรงหน้าต่างปรากฏว่าฝ้าห้องโถงหน้าบ้านร่วงลงมาทับรถยนต์ได้รับความเสียหายไปด้วย
สำหรับตนไม่ได้มีความรู้เรื่องการเยียวยา แต่เบื้องต้นมีประกันภัยที่ทำเอาไว้ได้ให้คำปรึกษาและตนได้นำช่างเข้ามาดูและประเมินความเสียหายเบื้องต้น ทั้งนี้ตนจำเป็นที่จะต้องใช้เงินประกันในการซ่อมแซมบ้านไปก่อน หากฝนตกลงมาอาจจะเสียหายมากกว่านี้
บ้านหลังถัดมาที่ทีมข่าวเข้าไปสำรวจ เป็นบ้านของนายสมบัติ กิจอัจฉรานุกูล อายุ 57 ปี ลักษณะเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 29 ตรว. ความเสียหายส่วนเป็นฝ้าเพดาน ทั้งห้องโถง ห้องครัว และห้องน้ำ
นายสมบัติ เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 03.02 น. ตนได้ยินเสียงคล้ายระเบิดทั้งข้างบนและข้างล่างของบ้าน รวมถึงจุดที่ตนเองนอนอยู่ ฝ้าได้หล่นลงมาทับตัว โชคดีไม่เป็นอะไร แต่รู้สึกตกใจสะดุ้งลุกออกจากที่นอน ปรากฏว่ามีเศษฝ้าเต็มตัวไปหมด จึงเดินสำรวจความเสียหายภายในบ้าน ปรากฏว่าทั้งครัว แล้วก็ห้องน้ำฝ้าเพดาน ได้รับความเสียหาย
ในส่วนของตน เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.64) หลังจากประกาศให้อพยพ ตนก็ยังไม่กล้าออกจากพื้นที่ ทำได้แค่ไปอยู่ที่ป้อมรปภ.หน้าหมู่บ้าน เพราะว่าห่วงบ้านและวนกลับเข้ามาดูบ้านอยู่หลายรอบ จากนั้นพอมีการประกาศให้อพยพทันที ตนจึงได้ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่คลองขันแตก ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปแค่ 500 เมตร เพราะหวังว่าจะได้เห็นควันไฟอยู่ใกล้ ๆ เพื่อสังเกตสถานการณ์ เนื่องจากตนเป็นห่วงบ้าน
ในช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ตนก็วนมาที่ป้อม รปภ.หมู่บ้านอีกครั้ง ก่อนกลับเข้ามานอนที่บ้านเวลาประมาณ 04.00 น. ยอมรับว่าห่วงบ้านมาก ๆ ไม่กล้าออกจากพื้นที่ เพราะบ้านซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ตอนนี้โชคดีมีประกันที่เข้ามาดูแลเบื้องต้น ส่วนจะเยียวยาเมื่อไรก็ยังรอคำตอบ ส่วนคืนนี้คงไม่ออกไปไหน ตนจะพักอาศัยอยู่ในบ้าน เพราะมั่นใจว่าสถานการณ์อาจจะดีขึ้นพอสมควรแล้ว
ส่วนบ้านหลังที่ 3 เป็นบ้านของ น.ส.อัยยรัช พลอยมุข อายุ 43 ปี บ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาด 57 ตรว. ความเสียส่วนใหญ่เป็นประตูและหน้าต่างหลุด หากไม่เร่งซ่อมแซมมีโอกาสหลุดออกจากผนังได้
น.ส.อัยยรัช เปิดเผยว่า ขณะนั้นได้ยินเสียงดังมาก ๆ คิดไปต่าง ๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้น และสันนิษฐานว่าฟ้าผ่าหรือไม่ ในใจตอนนั้นไม่กล้าลุกออกจากเตียง เมื่อมองผ่านหน้าต่างเห็นแสงวูบวาบ ตนพยามที่จะเปิดหน้าต่างออกไปดูแต่ปรากฏว่าหน้าต่างก็เปิดไม่ได้ จึงเดินขึ้นไปสำรวจบนชั้น 3 ปรากฏว่าประตูก็เปิดไม่ได้เช่นเดียวกัน จากนั้นจึงพยามเปิดโซเชียลมีเดียเช็กข่าวสารต่าง ๆ จนทราบว่าโรงงานในซอย 21 ระเบิด ก่อนเห็นชาวบ้านเต็มถนนหน้าบ้าน
สำหรับหมู่บ้านตนยังไม่มีหน่วยงานเข้ามาสำรวจ เบื้องต้นเป็นส่วนของนิติบุคคลที่ดูแลลูกบ้านเป็นอย่างดี ให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลช่วยเหลือเป็นอย่างดี ส่วนตนจะเร่งหาช่างมาสำรวจหลังคาจะได้แก้ทันฝนตก เพราะหากฝนตกลงมาจะเสียหายหนักกว่าเดิมแน่ ๆ
ส่วนตัวเมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้พักอาศัยอยู่ในบ้าน แต่ไปพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง วันนี้เมื่อเช็กข้อมูลว่าพอจะเข้ามาในพื้นได้บ้างแล้ว ตนจึงรีบเดินทางมาสำรวจบ้าน เบื้องต้นคิดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นตามลำดับ จึงตัดสินว่าคืนนี้จะเข้าอาศัยนอนที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเยียวยาตนมองว่าควรมีการประกาศ และเริ่มจัดลำดับการเยียวยาได้แล้ว ในส่วนของตนซึ่งเล็กน้อยไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ขอให้เร่งเยียวบ้านที่เสียหายมากก่อนเป็นอันดับแรก
ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่บ้านพาทิโอ บางนา-วงแหวน ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงงาน พบว่ามีบ้านเรือนได้รับความเสียหายเกือบทุกหลังคา ลักษณะเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น ความเสียหายที่พบคือฝ้าด้านหน้า หน้าต่าง ประตูกระจกแตก บางหลังหน้าต่างหลุด ขณะลงพื้นที่ยังได้กลิ่นสารเคมีอยู่ตลอดเวลา
นางศิริพร นาคมุสิก เจ้าของบ้านหลังหนึ่ง กล่าวว่า ในบ้านพบความเสียหายทั้งกระจก ประตู และหน้าต่างแตก เหล็กดัดหลุด ฝ้าชั้น 2 ตรงโถงบันไดร่วง ฝ้าห้องนอน 3 ห้องมีรอยทรุด ช่วงเกิดเหตุตนนอนหลับอยู่กับแฟน ปรากฏว่ามีเสียงดังเหมือนฟ้าร้อง ก่อนจะได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมยของรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน และเสียงกระจกแตก ตอนนั้นคิดเพียงฟ้าร้อง
ทั้งนี้ ตนเปิดวงจรปิดดูพบว่าตู้เย็นในหน้าบ้านที่เปิดเป็นร้านขายน้ำดื่มกลับเปิดเอง จึงลงมาดูที่ชั้น 1 เมื่อเปิดประตูออกมาก็ตกใจ เพราะฝ้าหลังคาเปิดออก และออกจากบ้านไม่ได้ เพราะประตูเหล็กดัดล้ม ความเสียหายตอนนี้ประมาณ 1.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินคร่าว ๆ ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล ซึ่งในระหว่างนี้ตนต้องไปพักบ้านญาติก่อน ส่วนตัวอยากให้โรงงานรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ตนเพิ่งมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่ถึง 2 ปี และไม่เคยเจอเหตุแบบนี้มาก่อน
กรมควบคุมมลพิษ คำนวณค่าความเข้มข้นของสารสไตรีนในพื้นที่ไฟไหม้จังหวัดสมุทรปราการ โดยใช้ Box Model ซึ่งใช้ข้อมูลอัตราการระบายจากแหล่งกำเนิด มาประมวลผลร่วมกับสภาพอุตุนิยมวิทยาของพื้นที่ โดยคำนวณจากรัศมี ใน 3 ระยะดังต่อไปนี้ ระยะ 1 กิโลเมตร 3 กิโลเมตร และ 5 กิโลเมตร
ระดับที่ 1 มีค่า 20 ppmระดับที่ 2 มีค่า 130 ppmระดับที่ 3 มีค่า 1,100 ppm
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลกระทบจากควันพิษดังกล่าว หากประชาชนอยู่ในรัศมี 5 กม. ให้อพยพด่วนที่สุด ส่วน 7 กม. ให้เฝ้าระวังสูงสุด และ 10 กม. ให้เฝ้าระวัง ซึ่งควันพิษอาจส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความเสี่ยงป่วยจาก 4 กลุ่มโรค ดังนี้ 1.กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว 2.กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูกและลำคอ 3.กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น อาการคันตามร่างกาย มีผื่นแดงตามร่างกาย และ 4.กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น อาการแสบหรือคันตา ตาแดง น้ำตาไหล และมองภาพไม่ค่อยชัด ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นต้น หากได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป
