กรณีเมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 5 ก.ค.64 ทางด้าน ร.ต.อ.ภิรมย์ มาลาสี รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ รับแจ้งว่ามีเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านวังหิน ตำบลบ้านเต่า อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ รุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์โรงพยาบาลอำเภอบ้านแท่น และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างพุทธธรรมฯ
ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย นอนคว่ำหน้า สภาพถูกฟันบริเวณศีรษะ ลำคอ จำนวนหลายแผล เลือดไหลนองท่วม จมกองเลือดอยู่ภายในบ้าน ทราบต่อมาชื่อนายสำรอง ศรนรินทร์ อายุ 65 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนี ยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิต ทราบต่อมาคือนายอนุชา ศรนรินทร์ หรือ หนึ่ง อายุ 42 ปี สารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าพ่อตัวเองจริง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเกตุเป็นบ้าน 2 ชั้น จุดที่เกิดเหตุอยู่บริเวณใต้ถุนชั้น 1 ของบ้าน พบคราบเลือดของผู้ตายใกล้ตู้เย็น ส่วนที่พื้นปูน ครอบครัวครัวล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ที่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุ เป็นกระต๊อบที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นที่อยู่อาศัย
นายกุล ผลภิญโญ เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อคืนวานนี้เวลาประมาณ 21.00 น. ตัวเองได้ยินเสียงดัง "ตับ ๆ ๆ" คล้ายคนกำลังตัดไม้ จากนั้นก็มีเสียงคนร้อง "โอ้ว โอ้ว" ซึ่งขณะนั้นตัวเองไม่ได้เอะใจว่าจะมีเหตุ เพราะคิดว่าคงเป็นอาการคลุ้มคลั่งของนายอนุชาตามปกติ หลังจากทุกอย่างเงียบตัวเองก็เห็นนายอนุชามานั่งที่หน้าบ้านของเขา ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านออกไป กระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. นายอนุชาได้มาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ พาตำรวจไปในบ้าน เห็นศพของนายสำรอง พ่อของนายอนุชาอยู่ในบ้าน ตนได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุเมื่อคืนก็เห็นสภาพศพนายสำรองมีบาดแผลเหวอะที่ศีรษะและลำคอ
ตัวเองมาทราบภายหลังว่าที่นายอนุชาเดินออกจากบ้านหลังก่อเหตุนั้น เพราะเขาได้เดินเท้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.บ้านแท่น ว่าเขาฆ่าพ่อเสียชีวิต แต่ตำรวจไม่เชื่อจึงมีการลงพื้นที่มาที่บ้านของนายอนุชากระทั่งพบศพนายสำรอง ส่วนสาเหตุที่นายอนุชาก่อเหตุฆ่าพ่อตาย คาดว่าคืนเกิดเหตุนายอนุชาน่าจะขอยืมรถจักรยานของพ่อ แต่พ่อไม่ให้ยืม
ตนยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอนุชาเป็นผู้ป่วยจิตเวชมากว่า 20 ปี ที่ผ่านมานายอนุชาไม่เคยมีประวัติทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวและคนในหมู่บ้าน แต่เห็นเขามีพฤติกรรมจับสะโพกผู้หญิง และชอบถอดกางเกงช่วยตัวเองในเวลาเห็นผู้หญิงเดินผ่าน
สำหรับนายอนุชา จะนอนที่กระต๊อบหน้าบ้าน ไม่ได้นอนในบ้านกับผู้เสียชีวิต จากที่ทีมข่าวตรวจสอบกระต๊อบของผู้ก่อเหตุพบว่ามีเสื้อผ้า และของใช้อยู่ในกระต็อบแห่งนี้ รวมทั้งสมุด 2 เล่มที่ผู้ก่อเหตุจะวาดลายเส้นเป็นวงกลมเกือบทั้งเล่ม นอกจากนี้ยังพบกระดาษที่ผู้ตายเขียนข้อความจับใจความไม่ได้ มีข้อความว่า "บัดนี้ลูกขอกราบแทบเท้าพ่อ"
นางสาวกาญจนา ศรณรินทร์ ลูกสาวผู้เสียชีวิตคนสุดท้อง เปิดเผยว่า คนตายมีลูก 4 คน คนก่อเหตุลูกคนโต เหตุการณ์เมื่อเวลา 01.00 น. มีญาติโทรไปบอกตัวเองว่าพ่อถูกพี่ชายฆ่า ตัวเองตกใจและเสียใจมาก ตนและแฟนหนุ่มจึงรีบเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการเพื่อกลับบ้าน ระหว่างที่ตัวเองเดินทางมาถึงลพบุรี ได้ยินเสียงกระแอมประมาณ 3-4 ครั้ง ที่ข้างหู ตนจำได้แม่นว่าเป็นเสียงพ่อ คาดว่าที่ได้ยินเสียง พ่อน่าจะมาบอกให้รับรู้ว่าพ่อไปสบายแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองคาดว่าพ่อคงไปพูดบอกหรือสอนพี่ชายที่ป่วยจิตเวช ทำให้พี่ชายไม่พอใจพ่อและไปคว้ามีดอีโต้มาทำร้ายจนเสียชีวิต สำหรับพ่อเป็นคนพูดจาโผลงผลาง พูดไม่เพราะ และจะชอบบอกสอนพี่ชายตลอดให้ทำงานบ้าน ให้กินยา ตัวเองเคยเตือนพ่อว่าอย่าไปพูดกับพี่ชายแบบนี้ ร่างกายพ่อก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง แต่พี่ชายร่างกายแข็งแรงทุกอย่าง ถ้าไปพูดให้เขาไม่พอใจ เขาจะทำร้าย ที่ผ่านมาพ่อและพี่ชายก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายกัน เคยแค่มีปากเสียงกันเท่านั้น ส่วนตัวแล้วตัวเองก็ให้อภัยพี่ชาย เพราะพี่อย่างไรก็คือพี่
นอกจากนี้ ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาหลังจากแม่เสียชีวิต ตนตั้งใจว่าจะเอาพ่อไปอยู่ด้วยที่ จ.สมุทรปราการ แต่พ่อก็มาเสียชีวิตเสียก่อน สำหรับนายอนุชา พี่ชายตัวเอง ป่วยจิตเวชหลังจากที่กลับจากทำงานที่สิงค์โปรเมื่อ 20 ที่แล้ว กลับมาเขาก็ป่วยจิตเวช และชอบเขียนข้อความลงในหนังสือ แต่ตัวเองก็อ่านจับใจความไม่ได้