เมญ่า นนธวรรณ เตรียมย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพื่อลูก แต่ไม่ทิ้งวงการแน่นอน

30 มิ.ย. 64

ขึ้นแท่นสวมมงเป็นดาวในโลกออนไลน์ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับคุณแม่สุดแซ่บอดีตนางงาม เมญ่า นนธวรรณ ที่กลายเป็นอีกคนที่ติดเทรนด์ฮิตเพราะเธอไอเดียเก๋ไก๋สุดบรรเจิดสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่เห็นจนกลายเป็นรายได้ที่ตามมา เมื่อได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เผยว่าทุกคลิปที่ตัวเองทำนั้น มาจากความตั้งใจของตัวเธอเองทั้งหมด แถมยังถ่ายเอง ตัดเองอีกต่างหาก พร้อมยังเผยแพลนในอนาคตที่วางไว้ว่าเตรียมตัวย้ายไปอยู่ต่างประเทศแบบจริงจังเพื่อลูก แต่ยังไม่ทิ้งวงการแน่นอน

s__73236621

ถาม อยู่ดีๆ เข้าสู้วงการ TikTok ได้ยังไง ทำไมถึงเลือกที่จะมาอยู่เป็นดาวในวงการนี้ จะมาโดดเด่นในนี้

เมญ่า : เอาจริงๆ มันไม่ได้เริ่มจากการตั้งใจจะโดดเด่นค่ะ แต่เป็นความไม่รู้จะทำอะไรในช่วงโควิดปีแรก มันเป็นความว่างของคนที่ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากเลี้ยงลูก เราก็คิดว่าว่างๆ เราก็แก้เครียดยังไง เราก็มีความสามารถอยู่เล็กๆ น้อยๆ ที่จะเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข เป็นทางเดียวที่เราจะสามารถทำให้คนอื่นได้ เพราะว่าเราไม่ได้มีเงินเยอะ ก็เลยคิดว่าเปลี่ยนให้คนมีความสุขในการได้ดูคลิปเราดีกว่า เริ่มจากไม่ได้ทำอะไรมาก จนมันมีบางคลิปที่เริ่มดัง คงเป็นคลิปพี่เจ้ยที่ดังแรกๆ เลย ซึ่งคลิปนั้นเราทุ่มเทมาก ถ่ายจนถั่วงอกในจานคือทานหมดเลย เราเป็นคนที่ทำอะไร เราจะทำให้สุด เพื่อให้คนดูสนุก แล้วเราก็ไปดูคลิปต้นฉบับเขาทำอะไร เขาพูดอะไรแล้วก็มานั่งคิดว่าเราจะทำอะไรให้มันคล้ายกับเขา หรือว่าเราจะทำอะไรตรงไหนให้มันเปลี่ยนให้มันต่างจากเขา เพราะว่าไม่ใช่ทุกอันเราจะมา Copy ให้เหมือนเขาทุกอันก็ไม่ได้ เหมือนหนึ่งคลิป หนึ่งคำพูดมันสามารถแสดงได้หลายแบบ เราจะเห็นได้ว่าครีเอเตอร์แต่ละคนก็จะมองภาพไม่เหมือนกัน

ถาม มีกำหนดไว้ว่าต่อหนึ่งอาทิตย์จะต้องทำคลิปออกมาให้ได้กี่อัน

เมญ่า : มีค่ะ ช่วงที่เราอยู่ที่ไทย มีลูกค้าเริ่มสนใจให้เรารีวิว เราก็ต้องมานั่งคิด จะขายยังไงให้ลูกค้า คุยกับลูกค้าว่าอยากได้แบบไหนคะ ก็คิดไอเดียแล้วไปเสนอ แล้วเราก็ทำกราฟให้เขาดู ต้องจริงจังเลย เราให้เขาเลือกว่าชอบแบบไหน อันไหนลูกค้าโอเคที่สุด ก็ต้องวางแผนว่าถ้าลูกค้าเป็นสีนี้ เราก็ต้องไปหาชุดที่ใส่แล้วเข้ากับแบรนด์ของเขา ส่วนเวลาถ่าย เมญ่าก็ไม่ได้มีทีมหรือว่าอะไร คนเดียวเลยค่ะ เราก็ตั้งกล้อง แล้วก็ตัดต่อเองค่ะ เหมือนบางคลิปเรามีไอเดียว่าอยากจะแต่งตัวแบบนี้ แต่งตัวชุดไทย เราก็ต้องไปประสานหาชุดไทย แต่งหน้าทำผมเอง แล้วให้คนที่บ้านถ่ายให้ค่ะ

ถาม มาอัปเดตกันต่อกับคุณลูกตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วเอ่ย

เมญ่า : ตอนนี้ 2 ขวบ 9 เดือนแล้วค่ะ ตอนนี้ถ้าถามว่าแฮปปี้กับชีวิตระดับไหน ก็ระดับหนึ่งนะคะ ด้วยความที่อยู่ไทยด้วย ตอนที่อยู่สเปน เราก็จะมีความอยากหลายอย่างที่แบบว่าทำไม่ได้คิดถึงเพื่อน อยากจะไปกินอันนี้ ก็ไปไม่ได้ ทำไม่ได้ ซึ่งก่อนที่เราจะกลับมาไทยเราก็จะจดไว้เลยว่าเราอยากจะทานอะไร

s__73236626

ถาม แปลว่าส่วนมากตอนนี้คือไปมาระหว่างไทยกับสเปน แล้วเราใช้หลักอะไรว่าตอนนี้เราจะอยู่ที่ไหน

เมญ่า : มันแล้วแต่สิ่งแวดล้อมมากกว่าค่ะ ตอนนั้นที่เลือกจะกลับมาที่ไทยเพราะว่าที่ไทยสงบกว่าในเรื่องของโควิด ตอนนั้นก็ไม่ค่อยจะมีเคสแล้ว แล้วบ้านที่โน่นวันละ 3-4 หมื่นคน เพราะฉะนั้นเราเลยคิดว่าเรากลับมาอยู่ที่ไทยดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของลูกด้วย เราก็ไม่กล้าพาเขาออกไปไหนเลย

ถาม อีกอันหนึ่งซึ่งแปลกก็คือเวลาที่ไปอยู่ไกลบ้านไกลเมือง เวลาที่มีคนโทรไปหา เราน่าจะดีใจ แต่เมญ่ากลับไม่ชอบเลยเวลาที่มีโทรศัพท์จากที่บ้านโทรไปหา

เมญ่า : ถ้าเป็นเพื่อนโทรมารีบรับเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นครอบครัวโทรมา เราจะใจไม่ดี มันจะมีความกลัวว่าเวลาที่เรารับสายที่บ้านจะเป็นอย่างนี้นะ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า เรากลัวค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้ มันทำใจไม่ได้ ถ้าเกิดมันเกิดแล้ว พอเราเห็นเบอร์จากที่บ้านโทรมา เราใจเต้นรัวๆ ตลอดเลย แต่จริงๆ แล้วเขาโทรมาหาเรา เพราะว่าเขาคิดถึง แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ลูกเกิดอุบัติเหตุที่หมากัดน้อง คุณยายเขาก็อยากคุยกับหลาน เขาก็จะวีดิโอคอล หนูก็แบบไม่อยากให้เขาเห็นเลยว่าหลานเจ็บ ซึ่งเราก็ต้องลงรูปหลานตลอด แต่เราก็แต่งก่อนลงด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราไม่ได้เห็นช่วงที่เขากัดลูกเรา เพราะเราทำอาหารอยู่ แล้วคุณสามีอยู่กับลูกคุยโทรศัพท์ แล้วหมาก็เดินตามเข้าไปด้วย ซึ่งก็เป็นหมาของสามีที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆเราก็ถามเขาว่าน้องไปตีน้องหมาไหม ก็ไม่ได้ตีหรือทำอะไร แต่หมาเขาอาจะรำคาญ เขาก็เลยกัดที่หน้าแล้วเนื้อที่หน้าเขาเลย แล้วภาพที่เราเห็นคือเลือดเต็มหน้าลูกเราเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาวนามาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น ขออย่าให้เกิดขึ้นที่หน้าของลูกเราเลย

s__73236627

ถาม แล้วเราไว้ใจหมาตัวนี้อีกไหม

เมญ่า : ไม่เลยค่ะ เราบอกเขาว่าถ้าอยากเลี้ยง เรากลับบ้านเลยนะ เขาก็แบ่งเขตในบ้านให้ เพราะคุณพ่อเขาเป็นคนที่เลี้ยงรวมกับคน แล้วคือเด็กมันค่อนข้างจะคุมยาก

ถาม ที่บอกว่าไม่สามารถให้คุณยายรู้ได้ เพราะว่าคุณยายรักหลานมาก ไม่เคยตีเลย

เมญ่า : ใช่ค่ะ เพราะด้วยความซนของลูกหนู สามารถหล่นลงมาแล้วไหปลาร้าหักได้ ซนแบบลิงเรียกพี่ จนเราต้องยกมือไหว้ลูก แล้วบอกเขาว่าขอร้องเถอะลูกพ อก่อน ซึ่งเวลาที่เราอยู่ที่สเปน ถ้าเขาดื้อ เราจะบอกให้เขาไปสงบอยู่ในห้อง หรือ เข้ามุม ซึ่งพอมาที่ไทย แม่บอกเราว่าเราเอาลูกไปขังไว้  แต่คือทุกครั้งที่เราให้เขาอยู่ในห้อง เราก็นั่งอยู่กับเขา รอจนกว่าเขาจะสงบนะคะ วิธีการเลี้ยงของเรากับแม่ไม่เหมือนกัน เราก็เลยต้องปล่อยให้แม่ทำแบบเอาที่เขาสบายใจที่จะทำไปเลยแล้วค่อยไปปรับใหม่ที่โน่นค่ะ

ถาม แต่เร็วๆ นี้เรากำลังย้ายไปอยู่ที่สเปน กึ่งๆ ที่จะลาวงการบันเทิงเลยไหม

เมญ่า : ไม่ได้เชิงจะลาวงการค่ะ ดูงานมากกว่า เราก็พยายามรับงานที่ไม่ผูกมัดตัวเองมาก งานที่เราสามารถบินไปบินกลับได้ แต่ ณ ตอนนี้ น้องกำลังจะ 3 ขวบ เราก็เริ่มที่จะวางแผนดูที่ดูทางเรื่องของการเรียนแล้ว ก็อยากให้น้องเรียนที่โน่น อาจจะต้องวางแผนว่ายังไงให้การเรียนของลูกโอเคแล้วไม่กระทบกับงานแม่ แต่แม่ก็ต้องเน้นทางโน้นเป็นหลัก มันเหมือนการวางแผนล่วงหน้า เพราะว่าเราไม่รู้ว่าตอนไหนจะเกิด เพราะขนาดที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ดีๆ แล้วโควิดก็เข้ามา ชีวิตพังกันก็เยอะ แต่ถ้าเราไปอยู่โน่นสิ่งที่เรากังวลที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องสุขภาพของพ่อกับแม่ เราไปอยู่โน่น คนในครอบครัวเราต้องอยู่แบบโอเคนะ พี่สาว พี่ชาย สามารถดูแลท่านแทนเราได้ในระหว่างที่เราอยู่ที่โน่น วางแผนเรื่องการเงินว่าเขาต้องใช้เท่าไหร่ ที่เรากลับมารอบนี้ เราก็พยายามหาเงินเพื่อที่จะได้เก็บไว้ตามแผนที่เราวาง ซึ่งมารอบนี้เรากลับมาก็ผิดแผน จากที่ว่ามาหลายเดือนน่าจะมีงานเยอะ แต่ปรากฏว่าสามเดือนไม่มีงานเลย ที่มาในรายการ ต้มยำอมรินทร์ คืองานแรกในรอบสามเดือนเลยค่ะ ตอนนี้ก็อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยเพราะเมญ่าเชื่อว่าในสถานการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิด สิ่งที่ทำได้คือทำใจแล้วก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับมันให้ได้มากที่สุด หาโอกาสเท่าที่เราจะทำได้ ขอให้สถานการณ์แย่ๆ นี้ผ่านไปโดยเร็ว ทำให้เราทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกับอย่างมีความสุขโดยเร็วกับครอบครัวค่ะ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส