แม่ “พลทหารเก่ง” เผยพิรุธ เปลี่ยนตัวคนผิดแทงลูกดับ - พยานสำคัญกลับลำ อ้างไม่รู้เห็น (คลิป)

1 ก.ย. 61
กรณีนางรัชนก แซ่ลิ่ม อายุ 61 ปี แม่ของพลทหารบุญฤทธิ์ เอี่ยมสิริลักษณ์ หรือ เก่ง อายุ 21 ปี ทหารเกณฑ์สังกัดกองทัพภาคที่ 1 เข้าร้องกองปราบ เหตุลูกชายถูกแทงดับปริศนา แต่คดีไม่คืบ หลังออกไปสังสรรค์กับเพื่อนพลทหารแล้วทะเลาะกันเองจนแทงที่ลำคอ (อ่าน : จับ 2 เพื่อนร่วมกองร้อยฆ่า “พลทหาร” ดับ ร้านดังปัดช่วยคนผิด ย้ำเป็นเหตุทะเลาะวิวาท)
นางรัชนก แซ่ลิ่ม แม่ของผู้ตาย
วันที่ 31 ส.ค. 61 นางรัชนก แซ่ลิ่ม อายุ 61 ปี แม่ของนายเก่ง เล่าว่า คืนวันเกิดเหตุช่วงประมาณ 21.00 น. นายเก่งได้เข้ามากอดและอ้อนแม่เหมือนเช่นทุกวัน ก่อนจะออกไปดื่มเหล้ากับเพื่อนในละแวกบ้านย่านปิ่นเกล้า โดยหลังจากนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. หนึ่งในเพื่อนของผู้ตาย ได้ขับรถไปส่งนายเก่งที่ร้านอาหารก็ เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีเพื่อนส่งแชทข้อความมาหาโดยชวนออกไปที่ร้านอาหาร จนกระทั่งช่วง 01.00 น. ตนออกไปตามหาลูกที่วงเหล้าเดิมข้างบ้าน แต่พบว่านายเก่งไม่ได้นั่งอยู่ ตนเองจึงได้พยายามโทรไป จนกระทั่งมีคนรับสายแต่ไม่พูดใด ๆ แม้จะถามไปว่าลูกอยู่ไหนก็ไม่มีใครตอบ ตนเองก็พยายามโทรไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเสียงหลุดเข้ามาในโทรศัพท์ว่า “กำลังปั๊ม กำลังช่วยอยู่” และก็วางสายไป ตนเองด้วยความตกใจและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงโทรกลับไปซ้ำอีกครั้ง จนกระทั่งมีคนบอกว่าลูกถูกแทงและนำตัวส่งโรงพยาบาล ตนเองจึงรีบออกตามไปทันที
ภาพจำลองเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ
เมื่อไปถึงก็พบว่านายเก่งหมดลมหายใจไปแล้ว แต่แพทย์กำลังยื้อชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจ ซึ่งขณะนั้นแพทย์บอกว่าขอเวลา 30 นาทีเพื่อให้การช่วยเหลือ หากยังไม่ฟื้นก็ให้แม่ทำใจ ตนเห็นว่าลักษณะของลูกขณะนั้นมีเลือดไหลจากแผลกว้างบริเวณลำคอ โดยฉีกขาดตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงไหปลาร้า เป็นรอยลึกและยาวประมาณเท่ากำปั้น แต่ไม่พบว่าวัตถุที่ใช้แทงคืออะไรเพราะไม่ได้ถูกเสียบคาไว้ ส่วนในบาดแผลบริเวณร่างกายนั้นตนเองไม่ได้เปิดดูทั้งหมด โดยได้เปิดดูแค่เพียงครึ่งท่อนบน เพราะโรงพยาบาลใช้ผ้าคลุมไว้อยู่ แต่จากการสังเกตพบว่าไม่มีรอยฟกช้ำหรือรอยแผลจุดอื่น ประกอบกับผลชันสูตรศพตนเองก็ยังไม่ได้รับ เพราะมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นที่ทราบผล
ภาพจำลองเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ
หลังจากที่นายเก่งเสียชีวิตแล้ว มีนายทหารคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยและแสดงความเสียใจ พร้อมจะมอบเงินจำนวน 200,000 บาทให้กับครอบครัว ตนเองก็ไม่ขัดข้องอะไรเพราะยังเชื่อตามที่ตำรวจบอก จากนั้นเมื่อถึงเวลานัดรับเงิน นายทหารกลับบ่ายเบี่ยงที่จะมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้ และอ้างว่ามีหลักฐานใหม่ เชื่อว่าคนกระทำผิดคือคนอื่น ไม่ใช่นายสองที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ทำให้ตนเริ่มพบพิรุธในการเปลี่ยนตัวผู้กระทำผิด จึงได้เดินทางกลับไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง หลังจากที่ไปติดตามความคืบหน้ากลับมาถึงบ้าน นายทหารคนดังกล่าวได้โทรมาต่อว่าตน ทำนองว่าทำไมต้องไปแจ้งตำรวจหรือไปที่โรงพักอีกครั้ง เพราะเรื่องนี้ตนเองพร้อมที่จะเคลียร์ให้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ทำไมไม่อยู่เฉย ๆ ทำให้ตนตกใจกลัวว่าเหตุใดนายทหารถึงพูดลักษณะแบบนี้ ทั้งหมดนี้ที่ตัดสินใจเดินทางเข้าร้องต่อกองปราบ ก็เพราะว่าต้องการรู้ว่าใครคือคนฆ่าลูกของตนเองที่แท้จริง เชื่อว่าคงไม่ใช่การทะเลาะกันทั่วไป เพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นเป็นการแทงเข้าที่จุดสำคัญ และมีการชักชวนให้ลูกชายของตัวเองออกไปเจอที่ร้าน จึงเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นการเจตนาฆ่า
นางรัชนี ศิริทรัพย์ น้าของผู้ตาย
ด้านนางรัชนี ศิริทรัพย์ อายุ 54 ปี หรือ ผึ้ง น้าของผู้ตาย ยอมรับว่า ตนเกิดข้อสงสัยและอยากถามกับเพื่อนผู้เห็นเหตุการณ์ด้วยกันว่า เกิดอะไรขึ้นในคืนวันดังกล่าว โดยฝั่งที่มาขอขมาไม่ได้มีการพูด แต่ตนเองและญาติได้ฟังข้อเท็จจริงจากหนึ่งในเพื่อนผู้ตาย ทราบว่าเป็นเหตุทะเลาะวิวาทเกิดจากทหารรุ่นน้องตบหัวรุ่นพี่ในห้องน้ำที่ร้านอาหาร ขณะนั้นมีรุ่นพี่ในฐานะหัวหน้าที่อาวุโสที่สุดได้มีการเคลียร์และให้ทั้งสองฝ่ายขอโทษกันจนเรื่องจบลง จากนั้นก็มีหนึ่งในเพื่อนเรียกให้นายเก่งตามไปเจอที่ร้าน ส่วนตัวเชื่อว่าต้องการให้พรรคพวกมีจำนวนเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง โดยฝ่ายของคู่กรณีลุกขึ้นมาเต้นยั่วทำให้ฝ่ายของผู้ตายเกิดความไม่พอใจ จึงมีเรื่องเกิดขึ้น นอกจากนี้ นายต๊ะ เพื่อนของนายเก่งที่ได้รับบาดเจ็บจากขวดปากฉลามบาดเข้าที่กกหูด้านซ้าย ซึ่งในวันงานศพเจ้าตัวได้เดินทางมาร่วมงาน และบอกกับญาติว่า หากต้องการให้เป็นพยานหรือให้ข้อมูลด้านใดก็พร้อมเป็นพยานให้ จนกระทั่งวันต่อมาเจ้าตัวไม่ยอมพูดหรือตอบคำถามกับญาติ ๆ และเมื่อถามว่ายังคงจะเป็นพยานอีกหรือไม่ เจ้าตัวกลับบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น เพราะคืนนั้นค่อนข้างมืด ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เริ่มมีพิรุธด้วย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ