สาวโต้ซื้อทองปลอมทำพ่อผูกคอตาย สะใภ้โบ้ยหลานสลับเก๊ เจอร้านทองแฉพิรุธ (คลิป)

กรณีร.ต.อ.สุริยา ใจใหญ่ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ในเขตพื้นที่ ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จึงได้ประสานแพทย์เวร รพ.ลำปลายมาศ และหน่วยกู้ภัยอัมรินทร์ใต้ตอบโต้ภัยพิบัติบุรีรัมย์ รุดไปร่วมตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในบ้านพบศพ นายสมัน อายุ 92 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย

ล่าสุดวันที่ 23 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังบ้านของผู้เสียชีวิต ในพื้นที่ ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยโลงศพของผู้ตายได้ตั้งอยู่ในบ้าน ตรงกับจุดที่นายสมัน ได้ผูกคอตาย

นายภุชงค์ แม้นรัมย์ อายุ 72 ปี ลูกชายคนที่ 2 ของนายสมัน ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับนายสมัน พ่อของตนที่เสียชีวิต มีลูกทั้งหมด 8 คน ได้แก่ นายสมาน ลูกคนที่ 1 ตนซึ่งเป็นลูกคนที่ 2 นายสนั่นลูกคนที่ 3 นายเตียน ลูกคนที่ 4 นางพลอย ลูกคนที่ 5 นายนิด ลูกคนที่ 6 นายอำนวย ลูกคนที่ 7 และน.ส.น้ำอ้อย ลูกคนที่ 8 ซึ่งทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัว ส่วนตนและภรรยาก็ดูแลนายสมัน และปลูกบ้านอาศัยติดกัน

ในวันเกิดเหตุเวลา 07.00 น. ของวานนี้ (22 มิ.ย.64) ตนเดินเอายาและนมเข้าไปให้พ่อในบ้าน กระทั่งเห็นพ่อผูกคอตายที่บริเวณหน้าห้องน้ำ สาเหตุที่พ่อตัดสินใจผูกคอตายน่าจะมาจาก เมื่อประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา น.ส.น้ำอ้อย ลูกสาวคนที่ 8 อายุ 56 ปี ได้แต่งงานกับสามีชาวต่างชาติ โดยวันแต่งงานได้นำสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท มาใส่มือเป็นของขวัญให้พ่อ พ่อจึงดีใจมาก และยังทำล็อกเก็ตกรอบทอง เป็นภาพคู่พ่อกับแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วมาแขวนไว้ให้อีกด้วย

กระทั่งช่วงกลางเดือนมิ.ย.64 พ่อของตนเริ่มล้มป่วยโรคความดันและเบาหวาน แต่ไม่มีเงินรักษา ในวันที่ 20 มิ.ย.64 พ่อจึงถอดสร้อยคอให้กับนางละเมียด แม้นรัมย์ ลูกสะใภ้ เพื่อนำไปขายที่ห้างทองในตัวอำเภอลำปลายมาศ กระทั่งไปถึงร้านและตรวจเช็กจนทราบว่าเป็นทองปลอม พ่อก็รู้สึกเสียใจมาก พร้อมกับพูดว่า "เดี๋ยวกูจะไปผูกคอตาย เดี๋ยวกูจะไปให้รถชนตาย" จากนั้นตนก็ไม่คิดว่าพ่อจะมาก่อเหตุผูกคอตายจริง ๆ 

หลังเกิดเหตุตนและญาติ ๆ จึงตั้งข้อสงสัยกับ น.ส.อรอนงค์ หลานสาวที่พ่อเคยไปอาศัยอยู่ด้วยก่อนหน้านี้ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าจะเป็นคนเปลี่ยนทองปลอม ซึ่งหลานสาวคนดังกล่าวเป็นลูกของน.ส.น้ำอ้อย ลูกสาวผู้ที่ซื้อทองให้กับพ่อ ส่วนน.ส.น้ำอ้อย ตนเชื่อว่าเขานำทองแท้มาให้พ่อ เพราะวันที่เขาแต่งงานยังมีพี่น้อง 3 คน รวมทั้งภรรยาของตนที่ได้ทองแท้

อย่างไรก็ตาม น.ส.อรอนงค์ ก็ยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้มาร่วมงานศพพ่อของตัวเองอีกด้วย ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ยอมรับว่าเปลี่ยนเอาทองปลอมมาให้พ่อของตน ส่วนทางด้านน.ส.น้ำอ้อย เขาก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเขาก็ยืนยันว่าให้ทองคำแท้กับพ่อตั้งแต่แรก และอยากให้พ่อไปสบาย

ภายหลังจากให้สัมภาษณ์นายภุชงค์ ระบุว่า ไม่ขอเอาเรื่องน.ส.อรอนงค์ อยากให้ทุกอย่างจบแต่เพียงเท่านี้ ทุกคนก็ถือว่าเป็นญาติกัน และทางญาติก็ไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อน.ส.อรอนงค์ และน.ส.น้ำอ้อยกับทีมข่าวแต่อย่างใด เพราะไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย

นางละเมียด แม้นรัมย์ ลูกสะใภ้ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา นายสมัน พ่อของสามีได้ปลดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทให้ตน พร้อมบอกว่า "เอาทองไปขายให้หน่อย กูไม่มีเงินติดตัวแล้ว จะได้มีเงินไปหาหมอ" จากนั้นวันที่ 21 มิ.ย.64 ตนได้นำทองคำเส้นดังกล่าว ไปขายที่ร้านทอง ในตัวอำเภอลำปลายมาศ พอไปถึงร้านทองเจ้าของร้านได้บอกกับตนว่า "ไม่ใช่ทองแท้ ไม่รับซื้อ" จากนั้นตนจึงเดินทางกลับบ้าน เพราะขายทองไม่ได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ตนได้แจ้งกับนายสมัยว่าเป็นทองแท้ จากนั้นนายสมันได้พูดว่า "เสียใจ ไม่อยากอยู่แล้ว อยากไปฆ่าตัวตาย"

สำหรับตนเชื่อว่าทองคำเส้นดังกล่าวตอนแรกเป็นทองแท้ เพราะตอนที่น.ส.น้ำอ้อย แต่งงานกับสามีชาวต่างชาติ นอกจากเขาจะให้ทองกับนายสมันแล้ว เขายังให้แหวนทองคำน้ำหนัก 1 สลึงกับตนด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ได้นำแหวนไปขาย ก็ปรากฏว่าเป็นทองคำแท้ ทั้งนี้ตนคิดว่าน่าจะมาจากก่อนหน้านี้นายสมัน ได้ไปอาศัยอยู่กับหลานสาว ชื่อน.ส.อรอนงค์ ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตนจึงคิดว่านายสมัน น่าจะถูกเปลี่ยนทองหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าน.ส.อรอนงค์ เป็นผู้ที่เปลี่ยนทองคำไปจริง ตนก็พร้อมให้อภัย เพราะทุกคนเป็นญาติกัน อยากให้ทุกอย่างจบเพียงเท่านี้ 

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังร้านทองในตัวอำเภอลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าของร้านทองดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.64 นางละเมียด ได้เดินทางมาที่ร้านจริง พร้อมกับแจ้งว่า "ช่วยเช็กทองให้หน่อย" แต่ทางร้านไม่มีเครื่องมือที่เช็กทองคำได้ จึงได้แจ้งกับนางละเมียดว่า "ทางร้านไม่มีเครื่องมือเช็กทองคำ" จากนั้นนางละเมียดก็เดินออกจากร้านไป ซึ่งทางร้านยืนยันว่าไม่ได้บอกกับนางละเมียดว่า ทองเส้นดังกล่าวเป็นทองแท้หรือทองปลอม