จำแม่นรอยยิ้มโจรอุ้มหมา! เหยื่อโผล่อีกแฉสูญ 2 แสน พลาดท่าตั้งรหัส ATM เป็นเลขวันเกิด (คลิป)

จากกรณีนายอภิชาติ บุญเรือง อายุ 42 ปี และนางฑิญาตา บุญเรือง อายุ 38 ปี สามีภรรยาที่ก่อเหตุลักทรัพย์ตลอด 15 ปี โดยมีพฤติกรรมอุ้มสุนัขเบี่ยงเบนความสนใจเหยื่อ ก่อนสบโอกาสลักทรัพย์สิน โดยมีหมายจับคดีแรกเมื่อปี 2545 กระทั่งล่าสุดตำรวจปทุมธานี ได้นำหมายบุกค้นบ้านของผู้ต้องหาที่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 61 และยึดทรัพย์สินที่ถูกขโมยมากว่า 100 รายการ แต่คนร้ายไหวตัวทันหลบหนีไปได้ แล้วมีผู้เสียหายออกมาเปิดเผยเรื่องราวจำนวนมาก ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่าน : มุกใหม่! เหยื่อโจรอุ้มหมาโผล่อีก แฉวีรกรรมหิ้วกระเป๋ากวาดทรัพย์ ร้าน 20 บาทก็ไม่เว้น )

วันที่ 26 ส.ค.61 นางธารทิพย์ จิตใจกล้า เจ้าของธุรกิจขายบ้านน็อคดาวน์และเจ้าของร้านกาแฟ ผู้เสียหาย ในพื้นที่สภ.บางหลวง จ.นครปฐม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 61 เวลาประมาณ 11.00 น. นางฑิญาตา ผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์ป้ายแดงเข้ามาจอดที่ข้างร้านกาแฟ จากนั้นฝ่ายภรรยาเดินมาที่ร้านตน ทำทีเป็นลูกค้า โดยเข้ามาสั่งชามะนาว 1 แก้ว แต่ตนสังเกตเห็นว่าผู้ก่อเหตุกวาดสายตาไปทั่วร้าน พร้อมบอกว่า บ้านสวยขอชมหน่อยได้ไหม พร้อมกับเดินดูในร้าน

นางธารทิพย์ เผยว่า ในร้านจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือบริเวณหน้าร้าน และด้านในห้องพัก ซึ่งใช้สำหรับพักส่วนตัว รับประทานอาหาร และเก็บทรัพย์สิน โดยตนจะวางกระเป๋าเงินบนโซฟาในห้องนี้เป็นประจำ รวมถึงวันเกิดเหตุ เพราะปกติจะไม่มีคนนอกเข้ามาภายในห้องนี้ โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้เดินเข้าไปในห้องดังกล่าว เพียงยืนอยู่ที่หน้าประตู คล้ายว่าจะมาดูสถานที่ก่อนว่าร้านตนทรัพย์สินวางไว้จุดใด จากนั้นหญิงรายดังกล่าวก็รับน้ำดื่มและเดินกลับออกไป พร้อมกับขับรถคันก่อเหตุออกไปด้วย

หลังจากนั้น เวลาผ่านไปไม่นาน ตนก็สังเกตว่ารถคันก่อเหตุกลับมาอีกครั้ง แต่รอบนี้เป็นฝ่ายสามีเป็นผู้ลงมา โดยไม่มีสุนัข ไม่มีกระเป๋า แต่งตัวดี เดินมาคนเดียว เมื่อมาถึง ยังไม่ทันได้ก้าวขาขึ้นบันไดร้านตนก็สั่งกาแฟ 1 แก้ว จากนั้น ตนก็ชงกาแฟตามที่ชายรายดังกล่าวสั่ง โดยชายรายนี้ทำทีชมร้านตน ระบุว่าบ้านสวย ลมเย็น และปิดท้ายว่าขอเดินชมได้หรือไม่ ก่อนที่จะเดินไปทั่วร้าน และมุ่งเข้าไปในห้องหลังร้านซึ่งเป็นที่เก็บทรัพย์สิน ส่วนตัวพยายามมองตามแต่ก็ไม่ได้เดินตามเข้าไป เพราะติดชงกาแฟให้ผู้ก่อเหตุอยู่ ต่อมาไม่นานผู้ก่อเหตุกลับออกมา พอดีกับเวลาที่ตนชงกาแฟเสร็จ ผู้ก่อเหตุได้ชำระเงิน 40 บาท หากชำระเป็นธนบัตร 100 บาท ตนคงต้องเข้าไปดูกระเป๋าเพื่อหาเงินทอน แต่คนร้ายชำระเกือบพอดี ตนจึงทอนเพียง 10 บาท ทำให้ไม่ต้องเดินไปในห้อง และผู้ก่อเหตุเดินกลับออกไป โดยตนสังเกตความผิดปกติ คือชายรายนี้เดินถอยหลังลงไปจากร้านตน พร้อมพูดว่าเดี๋ยวติดต่อมาใหม่ บ้านสวย

นางธารทิพย์ เผยว่า กว่าตนจะรู้ตัวเวลาก็ผ่านไปร่วม 30 นาที ขณะนั้นมีลูกค้ารายหนึ่งมาซื้อของ ตนต้องไปหาเงินทอนในกระเป๋า ปรากฏว่ากระเป๋าหายไปทั้งใบ ซึ่งภายในมีเอกสารส่วนตัวเช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ สมุดธนาคาร เอทีเอ็ม และเงินสด 3,000 บาท ต่อมาตนจึงโทรศัพท์แจ้งธนาคารเพื่ออายัดบัตร แต่ธนาคารแจ้งว่า บัญชีถูกกดเงินไปหมดแล้ว ซึ่งเงินในบัญชีรวม 185,000 บาท หลังก่อเหตุ ตนได้ไปขอภาพกล้องวงจรปิด ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งคนร้ายไปกดเงินในบัญชีของตน โดยมีพฤติกรรมคล้ายเดิมคือ ฝ่ายภรรยากางร่มสีชมพูไปกดเงิน และมีท่าทางรีบ ซึ่งคนร้ายกดเงินไปทั้งหมด เนื่องจากตนใช้รหัสเป็นข้อมูลวันเกิด คาดว่า คนร้ายเดาจากเอกสารที่ได้ไป อย่างไรก็ตาม นางธารทิพย์ เผยว่า หลังทราบเรื่องตนแทบจะร้องไห้ เนื่องจากเป็นเงินเก็บทั้งชีวิต ตอนนั้นแทบจะเป็นลม ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้าย นอนไม่หลับอยู่หลายวัน หลังเกิดเรื่องตนก็ให้ช่างมาติดตั้งกล้องวงจรปิด ตอนนี้ภาวนาให้จับคนร้ายได้ เพราะมีผู้เสียหายหลายราย

วันที่ 26 ส.ค. 61 นางพรภัสสร ทัดละมัย ผู้เสียหาย ที่แจ้งความไว้ในพื้นที่ สน.โคกคราม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ตนถูกลักทรัพย์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 61 ร้านของตัวเองตั้งอยู่ย่านลาดปลาเค้า เป็นร้านจำหน่ายกรอบรูป คนร้ายฝ่ายสามีกางร่มสีชมพูเข้ามา สะพานเป้สีดำ ทำทีเป็นลูกค้าเข้ามาที่ร้าน พร้อมขอดูกรอบรูปภาพพระมหากษัตริย์ แล้วชมว่าภาพสวย ก่อนจะเลือกซื้อ พร้อมต่อรองราคา โดยเลือกรูปประมาณ 4-5 รูป รวมมูลค่าหลายหมื่นบาท โดยบอกให้ตนจัดแพ็คของอย่างดี พร้อมเขียนใบเสร็จให้ละเอียด จังหวะนั้นตนได้หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ เพื่อหยิบแว่นสายตา จากนั้นคนร้ายขอเข้าห้องน้ำ ไม่นานตนได้ยินเสียงคล้ายปิดประตูห้องน้ำ หลังจากเขียนใบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะยื่นให้คนร้าย แต่คนร้ายบอกว่าให้เอาไว้ก่อน จะขอไปเอารถมาจอดที่หน้าร้าน แล้วจะขนของขึ้นรถเลย เวลาผ่านไป 20 นาที คนร้ายก็ไม่กลับมา จากนั้น ตนหากระเป๋าเพื่อจะหยิบเงิน แต่ก็หาไม่เจอแล้ว จึงคิดได้ทันทีว่าต้องเป็นชายรายดังกล่าว ตนจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม จนกระทั่งมาเห็นข่าวภาพชายผู้ก่อเหตุ เป็นคนเดียวกับชายที่มาที่ร้านตน ขณะนั้น ตนสายตาไม่ดี แต่ก็ยังจำได้แม่น เพียงเห็นท่าทางการเดินในวงจรปิด ก็ยังจำได้ โดยในกระเป๋ามีทรัพย์มากกว่า 30,000บาท ทั้งเงินสด แว่นตาแบรนด์เนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ส่วนตัวเสียดายของที่หายไป อย่างไรก็ตาม ตนเฝ้ารอให้เจ้าหน้าที่จับตัวคนร้ายให้ได้ ตนจะรีบเดินทางไปชี้ตัว และตนยังจำรอยยิ้มของคนร้ายได้แม่น ส่วนตัวยอมรับว่าโกรธมาก เพราะเงินทุกบาทกว่าจะหามาได้