“เซฟฟานี่” โอดค่าใช้จ่ายดูแลพ่อหนัก! ต้องวิ่งหางานเสริม (คลิป)

ผ่านมากว่า 4 เดือนแล้ว ที่คุณพ่อของนักแสดงสาวเซฟฟานี่ เกิดอุบัติเหตุรถชน จนมีอาการบาดเจ็บสาหัส ที่พัทยา เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา จนถูกนำตัวส่งไปรักษาที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลชลบุรี หลายคนก็อยากรู้ อาการตอนนี้เป็นยังไงแล้วบ้าง ล่าสุด เจอสาวเซฟฟานี่ ก็เลยต้องคว้าตัวมาอัปเดตอาการป่วยของคุณพ่อ และถามถึงค่าใช้จ่ายตอนนี้ หนักขนาดไหนคะ

เซฟฟานี่ กล่าวว่า คุณพ่ออยู่โรงพยาบาลมาสี่เดือนแล้ว ถ้าเทียบกับช่วงแรก ๆ อาการดีขึ้นเยอะเลย บริเวณเท้าที่เป็นแผลเป็นใหญ่ ก็ศัลยกรรมเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอให้หาย แล้วก็ติดเรื่องกระดูก กระดูกที่หักยังไม่เข้าที่ ยังมีเหล็กดามเอาไว้ ถ้าออกอาจจะมีการอักเสบนิดหน่อย คุณหมอก็อัปเดตอาการทุกอาทิตย์ว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าอาจจะใช้เวลานิดหนึ่ง ก็พยายามให้คุณพ่อกินเยอะ ๆ ทานโปรตีนเยอะ ๆ ดื่มนมเยอะ ๆ แต่ก็เข้าใจค่ะ ว่าคุณพ่ออายุเยอะแล้ว ต้องใช้เวลา

คาดว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะออกได้ "อันนี้ก็พยายามถามคุณหมอตลอดนะคะ แต่พอถามคุณหมอบอกว่ายังไม่อยากบอกจริง ๆ เพราะว่าบางทีมันก็จะมีอาการแทรกซ้อน มีการติดเชื้อ มีการดื้อยา คุณหมอก็เลยบอกว่าบอกไม่ได้จริง ๆ ถ้าให้เดาจากตอนนี้ ก็อาจจะสองเดือน เราก็ไม่แน่ใจ แต่อยากให้เขาหายเร็ว ๆ เพราะเชฟกับคุณแม่ก็วิ่งไปวิ่งมาชลบุรีทุกอาทิตย์เลย ก็เหนื่อยทั้งคู่ แต่เราก็ต้องไปให้กำลังใจเขาตลอด เพราะเขาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมาสี่เดือนแล้ว สภาพจิตใจเขาก็ค่อนข้างแย่ ทุกครั้งที่เขาได้เห็นหน้าเซฟกับคุณแม่ก็จะดีขึ้น" เซฟฟานี่ กล่าว

ตอนนี้มีอะไรน่าเป็นห่วงไหม "ก็น่าจะแค่อาการติดเชื้อค่ะ แล้วก็มีแผลกดทับนิดหน่อยตรงขา แต่ว่าคุณหมอและพยาบาลทุกคนก็ดูแลคุณพ่ออย่างดี เชื่อว่ายังไงมันก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ" เรื่องคดีความมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง "เรื่องมันก็เกิดขึ้นค่อนข้างนานแล้ว แล้วช่วงนั้นเชฟก็เริ่มจะทำงานแล้วด้วย เราก็เลยไม่ค่อยมีเวลา ให้มันยืดไปกว่านี้แล้ว เพราะว่าเซฟทำงานคนเดียว แล้วเราก็ต้องดูทั้งพ่อทั้งแม่ แถมเราเป็นลูกคนเดียวด้วย เพราะฉะนั้นเราก็เลยตัดสินใจที่จะจ้างทนายดูคดีให้เรา"

ตอนนี้ค่าใช้จ่ายใครดูแล "ตอนนี้เซฟออกไปก่อนทั้งหมด แล้วเราก็เลยให้ทนายมาดูเรื่องนี้ เพราะทางเซฟเองก็ค่อนข้างหนัก" เดือนละเท่าไหร่ที่เรารับภาระอยู่ "ขอไม่เอ่ยดีกว่า แต่มันก็หนักสำหรับเซฟ หนูอายุ 24 เองนะ แล้วหนูก็ต้องดูแลทั้งครอบครัว แล้วเราก็ไม่ได้มีงานอะไรเยอะขนาดนั้น โชคดีที่เรายังมีงานพาร์ทไทม์ที่เราทำไปด้วยเรื่อย ๆ ได้ ทำควบคู่กันไป ถ้ามีงานเสริมอะไร เราก็พยายามหาทำเรื่อย ๆ ทำได้เราก็ทำ เพราะว่าเราก็เต็มที่กับครอบครัวอยู่แล้ว เราไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับคนรอบข้างเราด้วย เราก็เลยพยายามทำเต็มที่ แต่ก็เชื่อว่าเดี๋ยวก็คงจะผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ก็ยังไหวอยู่ค่ะ"