ต้องบอกว่าตราบใดที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยยังไม่ดีขึ้น ประชาชนทุกระดับชั้นก็ย่อมได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า อย่างเช่นคนบันเทิงอีกหนึ่งคน "เกษม คมสันต์" เจ้าของเพลงดัง จดหมายฉบับสุดท้าย จากเดิมที่เคยเป็นศิลปิน ร้องเพลง รับงานแทบทุกวัน จับเงินหลักล้านจนชินมือ แต่เพราะโควิด-19 ทำพิษ งานร้องเพลง งานโชว์ตัวหายหมด ขาดรายได้ไม่ต่างอะไรกับชาวบ้านคนอื่น ๆ
ทั้งนี้ "เกษม คมสันต์" จึงต้องผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายขนมจีนริมถนน ตั้งชื่อว่า หนมจีน P’เษม ทำเองจ้า อยู่ตรงบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อคลองเปรมประชากร โดยมีการโพสต์ภาพร้านตัวเอง พร้อมข้อความมองโลกในแง่บวกก่อนเปิดร้าน ดังต่อไปนี้
"เพราะโควิดทำพิษ ผมเลยได้กำไรชีวิต กลายเป็นนักธุรกิจพันร้าน (โซ่พันร้านตอนเก็บของ) พิกัด ข้างเซเว่นเลียบคลองเปรมประชากร ก่อนถึง บ. เวิร์คพ้อยท์ 500 เมตร 11 โมงเป็นต้นไป แซ่บ สะอาด ทุกขั้นตอน สู้กันต่อไปครับเพื่อนเอ้ย...ลุย...เฮ้...ลุยยยย"
โดย "เกษม คมสันต์" ถือฤกษ์เปิดร้านไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 ได้รับกระแสตอบรับและแรงอุดหนุนจากแฟนคลับ รวมถึงคนบันเทิงเพียบ โดยเฉพาะศิลปินนักร้องรุ่นใหญ่อย่าง ทศพล หิมพานต์, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, วิด ไฮเปอร์ , จอมขวัญ กัลยา, ภูพาน เพชรปฐมพร และเรือนรอง ไพลิน
ล่าสุดวันที่ 17 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังร้านของ "เกษม คมสันต์" ซึ่งร้านก็เป็นสไตล์เล็ก ๆ น่ารัก ๆ มีขนมจีนน้ำยาอยู่ 2 เมนู คือ น้ำยาป่า ใส่น้ำตาคนเลว และ น้ำยากะทิ นี่สิจดหมายฉบับสุดท้าย ชุดละ 40 บาท
“พี่เกษม” บอกว่า ร้านเปิดไปเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 จนถึงวันนี้ก็ 15 วันแล้ว แต่ละวันลงทุนไม่เกิน 700 บาท และมีรายได้วันละ 3,000-4,000 บาทรวมทุนแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าแตกต่างจากตอนที่มีคอนเสิร์ตก่อนโควิด-19 เพราะตอนรายได้ต่อวันสูงถึงประมาณ 20,000 - 60,000 บาท ยิ่งช่วงเทศกาลก็ได้ถึงขั้นวันละ 100,000 บาท รวมแล้วบางเดือน มีรายได้จากการร้องเพลง เล่นคอนเสิร์ต และออกรายการประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนเรื่องของภาระค่าใช้จ่ายที่มีในตอนนี้ก็เหลืออยู่อีก 500,000 บาท เป็นค่าผ่อนบ้านที่ต้องจ่ายงวดละ 18,000 บาท
สำหรับสาเหตุที่ตนหันมาขายขนมจีน เพราะก่อนหน้านี้ก็ทำกินเองอยู่แล้วกว่า 20 ปี พยายามสะสมรสชาติขนมจีนแต่ละภาค เพื่อมาปรับให้เป็นรสชาติของตัวเอง จนกลายเป็นสูตรปัจจุบัน ซึ่งทุกครั้งที่ทำกินเพื่อนก็จะบอกว่าอร่อยมาก อยากกินอีก ซึ่งยอมรับว่าเคยมีความคิดอยากจะเปิดร้านขายอยู่เหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาก่อนสถานการณ์โควิด-19 งานคอนเสิร์ตเยอะมาก ต้องเดินทางตลอด ปลีกตัวไม่ได้เลย บวกกับตนมองว่าหากจะเปิดร้านก็ต้องอยู่ขายที่ร้าน เพราะเวลาแฟนคลับมาจะได้เจอหน้า ไม่ใช่เปิดร้านตั้งไว้แต่ไม่มีตัวเอง
กระทั่งโควิด-19 เข้ามา ยอมรับว่ารอบ 1 รอบ 2 ก็พอทนแต่ พอรอบ 3 งานร้องเพลงหายหมด มีแต่รายจ่ายทุกวัน ก็เลยมองว่าถ้าปล่อยแบบนี้ไปอีกนานก็คงแย่ จึงใช้โอกาสนี้ผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายขนมจีนเต็มตัว เพื่อหารายได้เข้าบ้านบ้าง ซึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตนต้องบอกเลยว่าทำให้คิดย้อนกลับไปในอดีตหลาย ๆ อย่างว่าไม่ควรใช้ชีวิตโดยประมาท และพยายามใช้ประสบการณ์จากทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมาสอนชีวิตตัวเอง อย่านอนรอความหวัง แล้วมันจะทำให้เรามีความสุขในยามที่สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแบบนี้
ทั้งนี้แม้กระแสสังคมจะตั้งคำถามว่า การออกมาขายของแบบนี้ กลายเป็นศิลปินตกอับ ตนเข้าใจความคิดของคนและไม่อายด้วยที่ต้องมาขายขนมจีนข้างถนน แค่ต้องปรับตัวเรื่องค่าใช้จ่ายก็เท่านั้น เพราะดีกว่านอนอย่างเดียว อนาคตมีแพลนจะเปิดสาขาต่อไปด้วย ฝากบอกถึงแฟน ๆว่าตนยังคงคิดถึงงานร้องเพลงและไม่ได้หายไปไหน หากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติก็จะกลับไปร้องเพลง พบปะแฟนเพลงที่รักแน่นอน เพราะตนมี 2 เพลงใหม่ที่เตรียมจะมอบให้กับทุกคนด้วย หลังโควิด-19 หายไป
