หนุ่มเก๋งเทาดำโชว์รถไร้รอยชน ยันไม่ได้แข่งซิ่งกับเสี่ย Z4 ขอเพื่อนเสี่ยตุ้มอย่าโยนบาป (คลิป)

17 มิ.ย. 64

จากกรณีรถเก๋งสปอร์ต บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น Z4 ทะเบียน 3กก7558 กรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง คนขับ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และน.ส.เมย์ อายุ 18 ปี ที่นั่งมาด้วย เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ทะเบียน 1ขฐ9316 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งมาทางตรงมุ่งหน้าเข้าตัว จ.เพชรบูรณ์ ทำให้คนขับและคนที่นั่งข้างคนขับมาที่อยู่ในรถเก๋ง สวิฟต์ เสียชีวิตทันที 2 ราย คือ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี คนขับ และน.ส.วรรณกานต์ วรรณกายนต์ อายุ 29 ปี และคนขับบีเอ็มดับเบิ้ลยู เสียชีวิตด้วยนั้น

920702

ส่วนกรณีที่เพื่อนของนายสุรภักดิ์ ตั้งข้อสงสัยถึงรถเก๋งสีเทาที่ขับคู่กับรถของเพื่อน อาจไปเกี่ยวและเฉี่ยวกับรถเพื่อนจนรถเหินข้ามเลนหรือไม่ เพราะเก๋งดังกล่าวขับตีคู่มาก่อนไปหยุดดูเหตุการณ์ขณะรถเพื่อนเกิดเหตุ แล้วก็ขับไปเลย และในที่เกิดเหตุยังเจอชิ้นส่วนกันชนสีดำตกอยู่ด้วย

308120

นายธีรเดช อุทธอินทร์ อายุ 33 ปี คนขับรถเก๋ง ฮอนด้าซิตี้ สีเทา ที่ปรากฏในกล้องหน้ารถ พาทีมข่าวสำรวจตัวรถพบสภาพภายนอกรถยังไม่มีการล้าง ยังมีร่องรอยเปื้อนจากการลุยฝน และไม่มีร่องรอยเฉี่ยวชน หรือวัสดุของรถส่วนไหนของรถเสียหาย ส่วนภายในรถไม่มีกล้องบันทึกหน้ารถ

227715

นายธีรเดช บอกว่า ลูกสาวทำกล้องหลุดและลืมทิ้งไว้ที่บ้าน จึงไม่มีกล้องหน้ารถติดอยู่ ตนไม่ได้ขับรถแข่งกับรถ BMW แต่ก่อนเกิดเหตุตนเองเดินทางมาจากอำเภอหล่มสัก กำลังกลับเข้ามาทำงานกรุงเทพฯ ช่วงนั้นฝนตกตลอดทางถนนก็เปียก แต่ตนได้ขับรถในความเร็วประมาณ 110-120 กม./ชม. อยู่เลนขวาก่อนจะเห็นว่า BMW จี้ท้ายรถอยู่ และมีรถคันที่มีกล้องอยู่เลนซ้ายก่อน BMW จึงแซงไม่ได้ ตนเองจึงเหยียบคันเร่งเซงนำไป และฟอร์จูนเนอร์อีกคันก่อนเข้าเลนซ้ายให้ BMW แซงไป จากนั้นตนเองก็โยกกลับเข้าเลนขวา เป็นจังหวะที่ BMW นำไปได้ประมาณ 200 เมตร ก็เกิดอุบัติเหตุเห็น BMW อยู่เลนขวาและสบัดขึ้นเกาะกลาง ตนเองจึงชะลอรถทันที

272566

ส่วนที่มีคลิปเห็นว่ารถของตนชะลอ เพราะว่าบนถนนมีเศษวัสดุรถเต็มถนนไปหมด เพื่อหลบเข้าเลนซ้าย ยืนยันว่าไม่ได้เฉี่ยวชนกับ BMW ส่วนเศษวัสดุรถก็ไม่รถของตนแน่นอน อีกทั้งตนเองเป็นคนเห็นเหตุการณ์คนหนึ่งจังหวะอุบัติเหตุ BMW หมุน โดยไม่มีคู่กรณีคันอื่นไปเฉี่ยวชน ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยเฉพาะสีรถก็ไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีเทาดำ และไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน การที่ถูกพาดพิงกล่าวหานั้นก็รู้สึกเสียใจ อยู่ดี ๆ ถูกพาดพิง แต่คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้องใคร ขอแค่มีช่องทางให้ตนเองแสดงความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นก็พอ ส่วนการที่ชาวโซเชียลด่าก่อนนั้น อยากให้ตรวจสอบให้ดีก่อนด่า และไม่ได้โกรธใคร เพราะที่ผ่านมาตนไม่ใช่ว่าจะเงียบ แต่มีการชี้แจงในเพจต่าง ๆ ที่พาดพิงถึงรถของตน ตั้งแต่ 3 วันที่แล้ว

นอกจากนี้นายธีรเดช ได้แคปหลักฐานการคอมเมนต์หรือชี้แจงในคอมเมนต์เพจต่าง ๆ ไว้ทั้งหมด และได้เปิดเผยให้ทีมข่าวก็พบว่ามีการชี้แจงครบทุกมุม ทั้งการบอกเล่าเหตุ และการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ พร้อมย้ำเรื่องกล้องหน้าว่าหากไม่ลืมติดก็คงได้เห็นอีกมุม

611485

นางสาวชลธิชา ศรีวิพัฒ อายุ 39 ปี เป็นแฟนของนายธีรเดช ยืนยันว่า เห็น BMW แซงรถด้วยความเร็วก่อนเกิดอุบัติเหตุ เพราะตอนนั้นยังพูดกับแฟนอยู่ว่า BMW ขับไว เปิดประทุนด้วย แต่เมื่อเกิดเหตุก็ชะลอแต่ไม่ได้จอดดู เพราะอุบัติเหตุรุนแรงมาก จึงไม่มีความรู้ด้านการช่วยชีวิตคน อีกอย่างไม่อยากให้ภาพติดตาจึงไม่ลงไปดู ทั้งนี้ไม่รู้ว่าถูกโยง เพิ่งเห็นเพื่อน BMW ให้ข่าวและโยงมาถึงตนเองเมื่อเช้านี้ จึงยืนยันว่าวันนั้นเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนปกติ ไม่ได้แข่งกับ BMW แม้แฟนขับความเร็วก็จริง แต่ฝนตกถนนลื่น อีกอย่างรถตนแค่ซิตี้จะไปแข่งกับ BMW ได้อย่างไร จะไม่ใช้คำว่าแข่งก็ไม่ถูกต้อง ส่วนที่อ้างว่าพบเศษวัสดุรถตนสีดำ ก็ขอโต้แย้งว่ารถตนสีเทา ไม่ใช่สีดำ

สำหรับตนเองอยากยืนยันให้สังคมรับรู้ว่าตนเองและแฟนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรืองนี้ วันนั้นก็ใช้ถนนปกติ สิ่งสำคัญอยากให้รอฟังกันก่อน ส่วนเพื่อนเสี่ยตุ้มก็พูดจาพากพิงนั้นก็ถือว่าแรง โดยเฉพาะว่าบอกว่าหนี ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงทุกคลิปก็ชัดเจนแต่มาโยงตนเองเข้าไปเกี่ยวก็ไม่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกตนเองก็ไม่อยากฟ้องร้องใคร ไม่อยากมีปัญหา ขออย่างเดียวว่าสมควรมาขอโทษในสิ่งที่พาดพิงกันแค่นั้นก็พอ เพราะขณะเป็นข่าวคนที่ทุกข์ร้อนเป็นห่วงไม่ใช่แค่ตนเองและแฟน แต่มีทั้งคนในครอบครัว เพื่อน ๆ โทรมาไม่ขาดสาย การจะพาดพิงใครอยากให้คำนึงถึงความรู้สึกกันบ้าง

651331

ทั้งนี้ ภาพจากพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นรองผู้กำกับสอบสวน สภ.แห่งหนึ่ง ใน จ.เพชรบูรณ์ ที่ขับรถมาในทางเดียวกันและรถคันเกิดเหตุได้ขับแซงขึ้นไปเพียงไม่กี่นาที ก่อนที่จะไปเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวยังได้ลงไปให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ต้น ขณะนั้นไฟกำลังลุกไหม้ และก็ได้เข้าไปดับเพลิงด้วย

709571

รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานต่าง ๆ ทั้งสภาพรถรวมทั้งสภาพพื้นที่จุดเกิดเหตุ ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของทางหลวง ซึ่งอยู่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถจับความเร็วของรถคันเกิดอุบัติเหตุได้อยู่ที่ 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

576947

ส่วนจากคลิปไลฟ์ของสาวอายุ 18 ปีพูดว่า "ซิ่งเลย ๆ" นั้นไม่มีความผิด เนื่องจากช่วงเวลาห่างจากที่จุดเกิดอบุัติเหตุ ระยะห่างกัน 70 กิโลเมตร

626670

นอกจากนี้ ทีมข่าวสอบถามความคืบหน้า เกี่ยวกับการกู้ไฟล์ภาพจากกล้องหน้ารถของ นายเกียรติศักดิ์ หนุนวงษ์ อายุ 33 ปี ลูกชายของนายศรีศักดิ์ หนุนวงษ์ ผู้ที่ขับรถตามรถเก๋งซูซูกิ สวีฟต์ เปิดเผยถึงเรื่องเมมโมรี่การ์ดแบบ SD Card ในกล้องหน้ารถของพ่อว่า ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กขอให้ผู้เชี่ยวชาญและมีฝีมือด้านคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยกู้ไฟล์ภาพ
 
882701
 
หลังจากนั้นได้มีหลายคนติดต่อเข้ามา รวมถึงเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ช่วยกันกู้ไฟล์ภาพ แต่กู้ไฟล์ไม่ได้ เนื่องจากไฟล์มันถูกอัดทับกันซ้ำไป ซ้ำมาหลายรอบ ขณะเดียวกันไฟล์กู้ได้บางส่วน แต่เปิดภาพขึ้นมาไม่ได้ ตนเองได้คุยกับบริษัทกู้ไฟล์ภาพให้ข้อมูลว่า โอกาสที่จะกู้ไฟล์ภาพเป็นไปได้น้อย เพราะโดนอัดทับกันหลายรอบ
 
อย่างไรก็ตาม หากทางญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน อยากได้ SD Card เพื่อไปกู้ไฟล์ภาพคืนมา ตนเองยินดีส่งเมมโมรี่การ์ดให้ทางญาติของผู้เสียชีวิต ให้กองพิสูจน์หลักฐาน หรือผู้เชี่ยวชาญกู้ไฟล์ภาพต่อ ขณะเดียวกันตอนนี้ตนเองพักการกู้ไฟล์ภาพแล้ว เนื่องจากไม่มีใครกู้ไฟล์คืนมาได้
 
912573

นายการุณ โอสถ อายุ 46 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนเดินอยู่บนถนน เห็นรถบีเอ็ม z4 ขับแซงรถซิตี้ซึ่งอยู่เลนซ้าย จากนั้นรถบีเอ็มวิ่งเลนขวา แล้วเกิดอาการส่ายไปมา คล้ายประคองรถไม่ได้ ตนยังต้องหลบเพราะกลัวว่าจะขับมาชนตัวเอง เมื่อบีเอ็มขับผ่านตนไปก็ได้ยินเสียงดังตูมสนั่น จึงหันไปมองพบว่ารถบีเอ็มเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางไปชนสวิฟต์ที่ขับอยู่คนละฝั่ง

โดยก่อนเกิดเหตุรถบีเอ็มขับเร็วมาก เชื่อว่าความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน ส่วนรถซิตี้ก็ขับมาปกติ และตนไม่เห็นว่ามีการเกี่ยวหรือชนกันแต่อย่างใด เชื่อว่าบีเอ็มน่าจะเสียหลักจากการขับเร็วและเจอน้ำขังทำให้คุมรถไม่ได้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส