พลทหารถูกซ้อมโคม่า เมียอุ้มท้องฉะรุ่นพี่ ไม่สำนึกปิดบังปมทำร้าย (คลิป)

ความคืบหน้าวันที่ 24 ส.ค. 61 ภายหลังจากที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล กรมแพทย์ทหารบก จ.ลพบุรี เปิดเผยอาการของพลทหารคชา มีภาวะหัวใจหยุดเต้น แพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจ จนกระทั่งกลับมามีชีพจรอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว จึงต้องใช้การต่อท่อช่วยหายใจ นอกจากนี้พบว่าไตไม่ทำงาน จึงต้องใช้การล้างและฟอกไตเพื่อจำกัดของเสียนั้น (อ่าน : พ่อแม่คาใจ “พลทหารคชา” ถูก 3 รุ่นพี่ซ้อม แต่ร่างกายไม่พบรอยทำร้าย)

น.ส.รุ่งฤดี สีหะวงค์ และนายคมฉัน พะชะ แม่และพ่อของพลทหารคชา พะชะ เปิดเผยว่า วันแรกที่ตนสังเกตร่างกายลูก พบว่ามีรอยลักษณะคล้ายกับรอยรองเท้าแต่ร่างกายไม่ได้ช้ำ ซึ่งหมอก็กังวลว่าจะมีภาวะไตวาย หลังจากนั้น จึงรอสังเกตอาการประมาณ 4 ชั่วโมง ก็ไม่พบว่ามีอาการบวมช้ำขึ้น ทั้งนี้ตนไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นรอยจากการถูกแพทย์ปั๊มหัวใจหรือไม่

ทั้งนี้ ครอบครัวยังไม่ได้สอบถามกับเพื่อนในค่ายทหาร ทราบเพียงว่าลูกมีอาการน็อก หัวใจหยุดเต้น ผู้พันจึงไปตรวจสอบหาสาเหตุมาให้ครอบครัว ซึ่งผู้พันก็ยอมรับว่ามีทหารรุ่นพี่ 3 คนเป็นผู้ทำร้าย โดยที่ครอบครัวไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุทำร้ายในลักษณะอย่างไรบ้าง เพราะสภาพร่างกายภายนอกไม่มีบาดแผลรอยช้ำ นอกจากนี้ นิสัยส่วนตัวของลูกชายก็เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ร่าเริง ไม่มีศัตรู เวลากลับบ้านก็มีรุ่นพี่ที่สนิทกันโทรศัพท์หาเป็นประจำ ตนจึงคิดว่าลูกไม่มีเรื่องบาดหมางกับพวกเขามาก่อน ตนคิดว่าเป็นนิสัยส่วนตัวของรุ่นพี่มากกว่า เพราะลูกชายมีการย้ายกองพันไป กองพันที่อยู่นี้ไม่ใช่กลุ่มรุ่นพี่ที่สนิทคลุกคลีกัน พอย้ายไปเจออีกกองพันหนึ่งจึงเขม่นกัน คาดว่าน่าจะเป็นความหมั่นไส้กันมากกว่า นายคมฉัน กล่าวว่า ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่ทั้ง 3 คนมากราบขอโทษ ส่วนตัวมองว่าเขาคงไม่ได้สำนึกผิดอะไร พอสอบถามก็ไม่ตอบอะไร แต่ทั้งนี้ ตนมองว่าคน 3 คนนั้นเป็นคนไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษา ไม่มีภาวะในการเป็นผู้นำมากพอที่จะเป็นรุ่นพี่ใคร สำหรับคนที่มองว่าอาจจะเป็นการถูกซ่อมแบบทหาร ตนมองว่าการซ่อมต้องเป็นระดับของนายสิบ นายร้อย หรือนายพัน ถึงจะสั่งซ่อมได้ แต่เหตุการณ์นี้ลูกชายตนถูกเรียกไปกระทืบ ไม่ใช่การถูกซ่อม อย่างไรก็ตาม ตนยังยืนยันว่าอโหสิกรรมให้ทั้ง 3 คน ไม่ขอจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกัน แต่หลังจากนี้ครอบครัวก็จะนำใบรับรองแพทย์ไปแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 3 คนต่อไป

ขณะที่น.ส.วรรณิสา บุญตา ภรรยาของพลทหารคชา เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนสบายใจขึ้นบ้างแล้ว หลังจากที่โรงพยาบาลช่วยชีวิตแฟนหนุ่มไว้ และกำลังรักษาอาการไม่ให้สมองบวมมากขึ้นจากเดิม ทั้งนี้ จากที่ได้พูดคุยกับผู้พันของค่ายทหาร ก็ได้ให้คำยืนยันกับครอบครัวว่าจะช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มที่ หากขาดเหลืออะไรก็สามารถที่จะแจ้งได้ ส่วนตัวยังคงติดใจกับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน แม้ว่าพวกเขาจะเข้ามากราบขอโทษแล้ว แต่ตนก็ยังสงสัยว่าสาเหตุใดทำไมต้องทำกันขนาดนี้ เรื่องแบบนี้ไม่น่ามาเกิดกับครอบครัวตน เพราะตอนที่มาถึงโรงพยาบาลก็ได้รับแจ้งว่าแฟนตนเกิดอาการช็อกแล้วหมดสติ ตนก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะโดนซ้อมจากรุ่นพี่ จนกระทั่งตอนนี้ค่อนข้างวิกฤติแล้ว ซึ่งหากผู้พันไม่มาแจ้งว่ามีผู้ก่อเหตุ ตนก็คงไม่ทราบ ซึ่งที่ผ่านมาแฟนตนไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับการย้ายกองพัน เขาเป็นคนชอบพูดเล่น ไม่เคยเล่าเรื่องจริงจังอะไรให้ฟัง ทั้งนี้ตนไม่ติดใจอะไรกับค่ายทหาร เพราะเชื่อว่าผู้บังคับบัญชาไม่ได้ทราบเรื่องการกระทำของรุ่นพี่ด้วย