กรณีผู้ใช้เฟชบุ๊ก Bank'z Natee ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่เต้นในงานศพ หน้าเมรุเผาศพของผู้เสียชีวิตคือ นายณัฐพล แก้วสี หรือ เอมม่า ที่เป็นเพื่อนสนิท พร้อมกับระบุข้อความว่า "นี่คือเรื่องจริง เหตุการณ์จริง ๆ พวกเราไม่ได้ตั้งจะเล่นหรือล้อเลียน เหตุมีอยู่ว่า ทุกคนช่วยกันเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ต่างคนก็เดินไปที่รถด้วยกัน
หันหลังให้ไม่ถึง 15 นาที อยู่ ๆ สัปเหร่อ ก็วิ่งมาหาพวกเราบอกว่าให้กลับไปบอกลาเอ็มม่าอีกที่หน่อย ไฟเผาไม่ไหม้ ควันเมรุไม่ออกเลย พวกเราก็ยังงง ๆ กับสิ่งที่เขาบอก เพราะเราก็ล่ำลากันจนหมดทุกอย่างเเล้ว. ญาติเอ็มม่าเดินตามมาอีกคน บอกพวกเราว่า ไปบอกให้เอ็มมันไปดีหน่อยลูกไม่ให้ห่วงอะไรแล้ว. ด้วยความที่พวกเราก็ไม่ได้นึกอะไรเยอะเพราะต่างคนก็บอกลากันหมดแล้วเลยเดินตามไปหน้าเมรุแล้วตะโกนบอกให้ไปดี อย่างห่วง บอกลาต่าง ๆ นานา แต่ควันก็ยังไม่ออก
สัปเหร่อเลยอุทานว่าทำไมมันไม่ยอมไหม้วะ ด้วยความที่เราเป็นคนปากไว ชอบพูดอะไรเล่น ๆ กับเพื่อน พลั้งปากพูดออกมาว่า "อะ! ถ้ายังไม่ยอมไปนี่จะเปิดเพลงวิ่งว่าวให้เต้นละนะ" ปล. เวลาทำงานกิจกรรม นางจะชอบร้องเพลงนี้นันทนาการทุกงาน แล้วสัปเหร่อดันได้ยินสิ่งที่เราพูดออกมา บอกว่าเปิดเลยไหมล่ะ ไม่ถึงนาทีเพลงวิ่งว่าวเปิดขึ้นแล้วญาติ ๆ กับคนในนั้นก็วิ่งมาบอกว่าเต้นส่งเขาหน่อย ผ่านไปเกือบครึ่งเพลงจวนจะจบ จู่ ๆ ได้ยินเสียงสัปเหร่อตะโกนบอกว่า โหควันออกป่องเมรุเต็มเลย สงสัยเขาคงไม่อยากให้เพื่อนเศร้า และหลังจากนั้นไฟก็ไหม้ตามปกติ..."
ทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟชบุ๊กของนายเอ็มม่า พบว่ามีการลงข้อมูลว่าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ รวมถึงเคยได้รับรางวัล Misster Star Surin 2018, Mister Tourism World Thailand 2019, เดือนนิเทศศาสตร์ ของมหาวิทยาลัย
ล่าสุด วันที่ 16 มิ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังวัดระเริงสามัคคี ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา สถานที่จัดพิธีฌาปนกิจนายณัฐพล แก้วศรี หรือ เอ็มม่า อายุ 25 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษเชื้อราลงปอด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.64 และเผาศพไปเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 64 นั้น
นางเขียว สัปเหร่อ ที่เผาศพ เปิดเผยว่า วันเผาศพของนายเอ็มม่า 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตัวเองได้ราดน้ำมันและจุดไฟเผาศพผู้ตายช่วงแรก ๆ ก็มีไฟลุกโชนออกปล่องเมรุตามปกติ.
จากนั้นตัวเองได้นั่งเฝ้าเมรุเพื่อรอดูศพ เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที เพื่อนของผู้ตายกำลังจะเก็บของกลับบ้าน ตัวเองสังเกตเห็นว่าไฟที่ศพเริ่มที่จะดับ จึงได้เดินไปบอกเพื่อนของผู้ตายว่า "น้องยังกลับไม่ได้ มาลาเพื่อนก่อน เพื่อนน่าจะเป็นห่วง" จากนั้นเพื่อน ๆ ของเอ็มม่าจึงบอกว่า "เดี๋ยวจะเต้นส่งท้ายให้มึงแล้วกัน"
จากนั้นเพื่อนของเอ็มม่าเป็นผู้ชาย 4 คน ก็ได้เต้นส่งท้ายให้กับเอ็มม่าที่หน้าเมรุ เปิดเพลงวิ่งว่าว ของศิลปิน คำมอด พรขุนเดช ซึ่งเป็นเพลงที่เอ็มม่าชอบมากมาใช้ประกอบการเต้น ซึ่งพอเพื่อน ๆ ของผู้ตายเต้นไปได้ครึ่งเพลง ประมาณ 1 นาทีครึ่ง ปรากฏว่าเปลวไฟในเมรุก็เริ่มลุกโชนขึ้น พร้อมกับมีควันออกปล่องไฟ จากที่ตอนแรกควันไม่ออกเลยแม้แต่น้อย เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองรู้สึกตกใจเล็กน้อย ตั้งแต่ตัวเองเป็นสัปเหร่อมาประมาณ 2-3 ปี ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ศพที่ผ่านมาจะเผาไหม้ทุกศพ ส่วนสาเหตุที่ศพเอ็มม่าเผาไม่ไหม้คิดว่าเขาน่าจะห่วงเพื่อนหรือญาติ
นายบี (นามสมมติ) อายุ 29 ปี เพื่อนสนิทน้องเอ็มม่า เล่าว่า ช่วงที่ออกไปเต้นนั้นเป็นตอนช่วงเวลาที่ได้ร่ำลาเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลาประมาณ 17.00 น. ได้เก็บข้าวของ เตรียมเดินทางกลับต่างจังหวัด จนกระทั่งมีสัปเหร่อเดินปรี่เข้ามาบอกว่าตอนนี้ศพเผาไม่ไหม้ ช่วยบอกลาเพื่อนอีกครั้งหน่อย เมื่อตนมองดูเห็นว่าไฟในเตาเผาที่ลุกไหม้ในตอนแรกนั้นก็ได้มอดดับลงไป และไม่มีควันไฟออกจากปล่องเมรุ จึงพูดคุยกับเพื่อน ๆ และเข้ามาบอกลากันอีกครั้ง และมีเพื่อนคนกนึ่งพูดขึ้นมาว่า "ไปเต้นอยู่บนสวรรค์นะ ไปร้องเพลงวิ่งว่าวให้จบนะ" และสัปเหร่อจึงถามว่าจะร้องเพลงเต้นให้เพื่อนไหม ตนและเพื่อนจึงตกลงตัดสินใจเต้น
ในระหว่างที่เต้นเพลงนี้นั้น เพียงไม่นานได้ครึ่งเพลง ไฟในเตาที่มอดดับลงนั้นกลับลุกเผาไหม้ขึ้นมาอีกครั้ง และสามารถเผาได้ ทุกคนก็รับทราบว่าน้องเอ็มม่าสามารถรับทราบถึงสิ่งที่เพื่อน ๆ จะสื่อถึง ขณะนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่จากที่ไฟมอดก็ลุกติดขึ้นมา เพราะตนก็เชื่อว่าตัวน้องเอ็มม่าคงรับรู้ถึงสิ่งที่เพื่อนทำให้ ตนคิดว่าเอ็มม่าอาจจะอยากให้เพื่อนที่มางานนั้นไม่ต้องการให้กลับบ้านด้วยความโศรกเศร้า อยากให้เพื่อนมีความสุข สนุกเฮฮา จากที่ตนรู้จักเอ็มม่ามานั้นเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน เป็นคนที่สร้างความสุขให้เพื่อนเสมอ เห็นเพื่อนเศร้าเมื่อไรก็จะพยายามหาวิธีเล่นตลกให้เพื่อนมีร้อยยิ้มได้เสมอ
อีกทั้งเพลงวิ่งว่าวนั้นถือว่าเป็นเพลงประจำตัวของ เขา เมื่อเวลาออกงานต่าง ๆ หรืองานนันทนาการจะเป็นเพลงที่ใช้ร้องเต้นเสมอ แต่ไม่เคยร้องเพลงนี้จบสักครั้ง จึงคิดว่าการเต้นครั้งนี้ คือการร้องเต้นเพื่อนน้องจนจบเพลง และก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งอยากบอกถึงเอ็มม่าว่าคิดถึงน้องมาก ๆ ต่อไปนี้ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ความคิดถึงความห่วงใยยังมีให้โดยตลอด
ดร.หลวงปู่ชุมสาย อภิปัญฺโญ เจ้าอาวาสวัดระเริงสามัคคีธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ศพของนายเอ็มม่าเผาไม่ไหม้ในช่วงแรกนั้น อาตมามีความคิดเห็นว่าวิญญาณของผู้ตายเขาอาจเป็นห่วงเพื่อนของเขา หลังจากนายเอ็มม่าเสียชีวิตได้ 1 วัน วิญญาณเขาจะออกจากร่าง เพื่อไปพบกับยมฑูต และวันที่ 2 วันที่ 3 หลังจากเสียชีวิต วิญญาณของนายเอ็มม่าเขาจะกลับมาดูญาติพี่น้องรวมถึงเพื่อน ๆ ที่มาร่วมงานศพของเขา ซึ่งอาตมาคาดว่าวิญญาณของเอ็มม่าเขาได้เห็นหน้าญาติและเพื่อน ๆ เขาอาตเกิดความเป็นห่วง จึงเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่อาตมาจำพรรษามา 23 พรรษา ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ศพเผาไม่ไหม้แล้วให้เพื่อน ๆ มาเต้น ก่อนที่ศพจะเผาไหม้ลักษณะนี้มาก่อน สำหรับนายเอ็มม่าเท่าที่อาตมาได้สัมผัสเขาก็เห็นว่าเขาเป็นเด็กที่กตัญญูต่อบุพการี เป็นคนดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองก็คิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องอาถรรพ์แต่อย่างใด โดยหลังเผาศพนายเอ็มม่าทุกอย่างในวัดเป็นปกติ ไม่มีเรื่องวิญญาณแต่อย่างใด