วันที่ 17 ส.ค. 61 เวลา 11.00 น. นายวรพล ปุ่นนอก อายุ 60 ปี ชาว ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้เข้ามาร้องเรียนผู้สื่อข่าวประจำ จ.นครราชสีมา เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิต สาขา อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ กลั่นแกล้งด้วยการตามตรวจค้นรถตู้ท่องเที่ยวของตัวเองนับสิบครั้ง ทั้งที่ไม่พบมีสิ่งผิดกฎหมายแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมกับโดนยัดเยียดข้อกล่าวหาลักลอบนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศโดยไม่เสียภาษี ก่อนที่จะโดนปรับในอีกข้อหาหนึ่ง คือมีบุหรี่ในครอบครองโดยไม่เสียภาษี เป็นจำนวนเงิน 24,806.40 บาท ทั้งที่ครอบครองบุหรี่ไม่เกิน 500 กรัม ซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
นายวรพล กล่าวว่า ตนเองนั้นเป็นผู้ประกอบการรถตู้นำเที่ยว ซึ่งจะนำนักท่องเที่ยวเดินทางข้ามไปที่ประเทศกัมพูชา บริเวณด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เป็นประจำ โดยช่วงระยะ 2 ปีมานี้ ถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิต อ.ประโคนชัย แสดงตัวตรวจค้นรถตู้ของตนมาแล้วถึง 7 ครั้ง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 ตนเองได้ขับรถมาจาก จ.สุรินทร์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวโดยสารมาทั้งหมด 10 คน พอมาถึง อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ก็ได้มีสรรพสามิตขอตรวจค้นรถ และพบบุหรี่ต่างประเทศ ที่นักท่องเที่ยวซื้อมา คนละ 1-2 ห่อ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่มีบุหรี่ไว้ในครอบครอง จำนวน 7 คน รวมทั้งของตนด้วย โดยในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ระบุว่าแจ้งข้อหานำเข้าบุหรี่ต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงควบคุมตัวทั้ง 7 คน ไปที่สำนักงานสรรพสามิต อ.ประโคนชัย ระหว่างที่เจรจากัน หัวหน้าสรรพสามิต อ.ประโคนชัย ก็ได้เรียกตัวตนเองและภรรยา เข้าไปในอีกห้องหนึ่ง โดยไม่อนุญาตให้นำเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดไป และเรียกร้องเงินจำนวนกว่า 34,000 บาท เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเอาเรื่อง แต่ตนเองไม่ยอม เพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมที่จะไปขึ้นศาลชี้แจงความจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็อ้างว่า การเดินเรื่องขึ้นศาลมีขั้นตอนมากมาย ต้องใช้เวลานาน ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเสียเวลาเปล่า อีกทั้งถ้าศาลตัดสินคดีแล้วจะมีโทษหนักทั้งจำและปรับ ต่อมาเมื่อไปถึง สภ.ประโคนชัย ได้มีการต่อรองอยู่นานกระทั่งตกลงว่าจะยอมเสียค่าปรับ เป็นเงินจำนวน 24,806.40 บาท เพราะไม่อยากให้นักท่องเที่ยวต้องเสียเวลา เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็อายุมากแล้ว 60-80 ปี แต่เจ้าหน้าที่กลับเขียนปรับในข้อหา มีบุหรี่ในครอบครองโดยไม่เสียภาษี ซึ่งเป็นคนละข้อหาที่เจ้าหน้าที่อ้างในที่เกิดเหตุ โชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าว ตนเองได้บรรทุกคลิปวิดีโอไว้หมดแล้ว
ตนจึงได้ร้องเรียนเรื่องนี้ไปที่สำนักงานสรรพสามิตภาค 3 ซึ่งเรื่องก็ถึงอธิบดีกรมสรรพสามิตแล้ว โดยทางสำนักงานสรรพสามิตภาค3 แจ้งว่าอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย ซึ่งต้องใช้ระเวลานานกว่า 2 เดือน หลังจากนั้นช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงเดือนสิงหาคมมานี้ รถตนเองก็ถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิต อ.ประโคนชัย พยายามดักตรวจค้นรถอีกถึง 3 ครั้ง มีกระทั่งนำสุนัขทหารมาดมกลิ่นหาสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งก็ไม่พบอะไร ทำให้ตนเองรู้สึกไม่สบายใจนัก เพราะทำให้นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถของตนเอง เริ่มไม่เชื่อมั่นและลดน้อยลงไปจำนวนมาก จากเดิมที่เคยได้นักท่องเที่ยวเหมาไปเกือบทุกวัน ตอนนี้เหลือแค่เดือนละ 3-4 เที่ยวเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นธรรมกับตนเองที่ทำมาหากินโดยสุจริต
ตนเองจึงต้องมาร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรม เพราะรู้สึกว่าขณะนี้ถูกคุกคามและไม่ปลอดภัย เกรงว่าวันใดวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น โดยขณะนี้กำลังรวบรวมพยานและหลักฐาน เพื่อที่จะนำไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตกลุ่มนี้ ทั้งทางแพ่งและอาญา ในหลายข้อหา อาทิ ประพฤติมิชอบ กักขังหน่วงเหนี่ยว และทำให้เสียทรัพย์ เป็นต้น โดยคาดว่าน่าจะแจ้งความได้ในสัปดาห์หน้า
ด้าน เจ้าหน้าที่สรรพสามิตภาค 3 ให้ข้อมูลว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนของนายวรพลเอาไว้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า นายวรพลนำบุหรี่เข้ามาเกินจำนวนหรือไม่ ส่วนเรื่องที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่มีการเรียกเก็บเงิน ข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างการสอบสวนเช่นกัน หากเจ้าหน้าที่เรียกเงินจริงก็ต้องลงโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น
เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เปิดเผยข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่เกินจำนวนหรือรับจ้างขนบุหรี่ เมื่อเจอด่านตรวจ ผู้นำเข้าจะใช้วิธีกระจายบุหรี่ ให้ผู้อื่นครอบครอง เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นก็ไม่สามารถจับกุมได้ เพราะไม่ได้นำเข้าเกินจำนวน ซึ่งเจ้าหน้าที่เรียกวิธีนี้ว่า “กองทัพมด” ส่วนกรณีของนายวรพลจะเข้าข่ายหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า ตามกฎหมายกรมสรรพสามิตอนุญาตให้ครอบครองบุหรี่ที่ไม่ได้เสียภาษีครั้งละไม่เกิน 500 กรัม โดยบุหรี่ 1 มวน มีน้ำหนักประมาณ 1 กรัม ในจำนวนบุหรี่ 1 ซอง จะมีบุหรี่ 20 มวน มีน้ำหนักรวมประมาณ 20 กรัม สำหรับบุหรี่ 1 คอตตอน หรือ 1 ห่อ จะมีบุหรี่ 10 ซอง น้ำหนัก 200 กรัม หากมีกระจายไปคนละ 2 คอตตอน หรือมีน้ำหนัก 400 กรัม ก็จะไม่มีความผิด ส่วนกรณีของนายวรพล ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เจ้าหน้าที่ขอเวลาในการสรุปสำนวนการสอบสวน
ขณะเดียวกันทีมข่าวสอบถามนายวรพล ได้ยืนยันว่าตนเองไม่ได้นำเข้าบุหรี่เกินจำนวน แล้วนำไปฝากผู้โดยสาร ยืนยันว่านำบุหรี่เข้ามาไม่เกิน 2 ห่อ หรือ 2 คอตตอน พร้อมย้ำว่า ตนเองถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ่อยครั้ง ซึ่งไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน เมื่อสอบถาม เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีคนร้องเรียนให้ตรวจสอบ