จากกรณีที่นายศุภชัย ทัฬหสุนทร กระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญารัชดา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีของนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือ เต้ ลูกชาย ที่เสียชีวิตจากการถูกของมีคมแทง หลังจากไปเล่นน้ำสงกรานต์ ในวันที่ 15 เม.ย. 59
วันที่ 3 ส.ค. 61 นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เตรียมเดินขบวนเข้าร้องเรียนกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เร่งรัดคดีการเสียชีวิตของเต้ นักศึกษาร่วมสถาบัน เนื่องจากยังอีก 7 คดีที่ยังไม่มีความคืบหน้า
นายนาว นักศึกษาอุเทนถวายที่เคยโดนยิง เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 60 ที่ด้านหน้าสถานศึกษา เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน จุดที่เกิดเหตุ คือบริเวณป้ายชื่อสถาบัน จากนั้นมีคนร้ายขี่รถมอเตอร์ไซค์มา 2 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ มาจากซอยจุฬา 12 เมื่อใกล้ถึงจุดที่ตนอยู่ ก็ชะลอรถ และใช้อาวุธปืน ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าเป็นปืนอะไร คาดว่าเป็นปืนลูกโม่ ยิง 5 นัด แต่โดนแขนซ้าย เพียง 1 นัด หลังจากนั้นมีเพื่อนที่อยู่ในโรงเรียนแจ้งความ แต่คดีไม่คืบหน้า ยังจับคนร้ายไม่ได้ ใช้เวลารักษาตัวประมาณ 6 เดือน ตอนโดนยิงรู้สึกตนใจมาก ส่วนสาเหตุนั้น ตนไม่ทราบ แต่มองว่าเป็นข้อพิพาทระหว่างสถาบัน และมีหลายคดีใน สน. พื้นที่รับผิดชอบ คือ สน.ปทุมวัน และสน.ดินแดง ที่ยังจับคนร้ายไม่ได้
ทั้งนี้ ญาติที่บ้านบอกว่าไม่อยากให้เรียนที่นี่ แต่ตนได้คุยกับที่บ้านว่า อยากเรียนให้จบก่อน เพราะตั้งใจว่าจะเรียนที่นี่ตั้งแต่แรก ทุกวันนี้ระวังตัวมากขึ้น เวลาเดินผ่านหน้าโรงเรียนจะรีบเดิน และส่วนตัวไม่เคยคิดอยากย้ายโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือในช่วงเช้า รู้สึกดีใจที่ตำรวจมารับเรื่อง แต่ต้องดูว่าตำรวจจะตามคดีได้มากเท่าใด หากไม่มีความคืบหน้า ก็จะรวมตัวไปร้องเรียนกับ ผบ.ตร. อีกครั้ง สุดท้ายนี้ อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับคนร้ายให้ได้ในทุกคดีที่เด็กอุเทนถวายโดนกระทำ
ขณะที่
นายวี นักศึกษารุ่นน้องของนายนาว กล่าวว่า หลังจากไปยื่นหนังสือก็รู้สึกดีใจ โดยแต่ละคดี ผ่านมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้า อยากให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ตามคดี เพราะยิ่งนาน เรื่องยิ่งเงียบ ซึ่งการเดินทางมายื่นหนังสือนั้น ตนไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกคุกคาม เพราะสิ่งที่ทำ คือสิ่งที่ถูกต้อง อะไรถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
นอกจากนี้ บางคดีที่ตนเห็น คือมีภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยังจับคนร้ายไม่ได้ หลังจากนี้หากไม่มีความคืบหน้า ก็จะรวมตัวนักศึกษาให้มากกว่านี้ ส่วนตัวอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า คดีที่ร้องเรียนผ่านมานานแล้ว อยากให้ช่วยเร่งรัด เพราะครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่มีกฎหมาย แต่ยังไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้
ด้าน
นายไพ จันทรส พ่อของนายเอ็ม ผู้เสียชีวิต หลังถูกยิงที่งานศพของนายเต้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ติดตามคดีลูกของตัวเองที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าวัด หลังจากร่วมงานศพของเต้ จนกระทั่งมีข่าวว่าพ่อของเต้กระโดดตึก จึงทำให้ข่าวคดีลูกของตนได้รับความสนใจ จากนั้นตนได้สอบถามตำรวจ ก็ได้คำตอบว่า คดีเหมือนสำนวนเดิม คือภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ชัดเจน เบื้องต้นยังไม่รู้ตัวคนร้าย ในภาพกล้องวงจรปิดเห็นเพียงขับจักรยานยนต์หนี ทั้งนี้ตนก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาหลักฐานจากที่ใด ไม่ได้รับรู้รายละเอียดข้อมูลในสำนวนคดี รู้แค่เพียงว่าตำรวจทำสำนวนไว้ให้แล้ว
ล่าสุด เมื่อ 2 วันที่ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้บอกตนว่า สำนวนพักการสืบสวน แต่คดีความยังอยู่ในขั้นสืบสวนสอบสวน ส่วนตัวคิดว่าเรื่องคดีความของลูก เมื่อออกสื่อแล้ว ทางเจ้าหน้าที่คงจะติดตาม คดีก็คงจะคืบหน้า ซึ่งตนเป็นพ่อ เมื่อคดีของลูกไม่คืบหน้าก็ทำให้คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้าน
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับพนักงานอัยการและธุรกรรมเอกสาร เรื่องการยื่นพยานหลักฐานใหม่ในชั้นอุทธรณ์ หากศาลอนุญาต จะส่งผลให้สำนวนคดีนี้มีน้ำหนักมากขึ้น ทั้งนี้ สำนวนคดีนี้ค่อนข้างสมบูรณ์ จึงทำให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องได้ แต่ยอมรับว่าพยานหลักฐานน้อยไป ไม่พอที่จะทำให้ศาลเชื่อ และลงโทษจำเลยได้ พร้อมย้ำว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้เมื่อปี 2559 ว่าเหตุใดสำนวนคดีจึงมีหลักฐานน้อยไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พยานทั้ง 3 คนอยู่ระหว่างการสอบปากคำ แต่ไม่ยืนยันว่าจะสามารถเบิกความในชั้นอุทธรณ์ได้หรือไม่ แต่ตามกฎหมายเปิดช่องให้ดำเนินการได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล นอกจากนี้
พล.ต.ท.ชาญเทพ ยืนยันว่า หลังจากที่ผ่านมา 8 วัน ที่มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และเตรียมยื่นพยานหลักฐานใหม่ในชั้นอุทธรณ์