กรณีพบผู้เสียหายในพื้นที่ จ.นครพนม ร่วมทำบุญกับสำนักปฎิบัติธรรม ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ออกอุบายว่าเป็นพระธรรมิกราชในร่างของภิกษุณี ขอให้ทุกคนช่วยกันทำบุญผ้าป่าเริ่มต้น กองละ 3,555 บาท ได้รับค่าตอบแทนเป็นทองคำ 1 สลึง หรือ 6,000 บาท มีกลุ่มลูกศิษย์หลงเชื่อนำเงินมาถวายจำนวนมาก สุดท้ายไม่ได้ทองคำและเงินสด
วันที่ 28 เม.ย. 64 ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับผู้เสียหายในพื้นที่ สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กลุ่มชาวบ้านหนึ่งใน 4 หมู่บ้าน ของ ต.รามราช บ้านโพนแดงน้อย, บ้านหนองบาก, บ้านบุ่ง, บ้านม่วงไข่ มีผู้เสียหายกว่า 180 ราย สูญเงินกว่า 10 ล้านบาทนั้น
นางทอง (นามสมมติ) อายุ 59 ปี ผู้เสียหาย สูญเงิน 358,000 บาท ลงทุนถวายกองทอง 280,000 บาท รวม 75 กอง, ลงทุนกองเงินกองละ 2,000 บาท 40 กอง เป็นเงิน 78,000 บาท เปิดใจว่า ตนเองไปรู้จักกับแม่ชีทองพูน ตอนนั้นได้มาบอกบุญและคุยเรื่องการทำบุญกับชาวบ้าน พูดถึงการทำบุญมากได้มาก ทำบุญน้อยได้น้อย การทำบุญด้วยทรัพย์ได้ทอง ทำให้ชาวบ้านหลายคนหลงเชื่อ
ตนได้เริ่มต้นถวายกองผ้าป่า 16 กอง กองละ 3,555 บาท เป็นเงิน 56,880 บาท จากนั้นผ่านไปไม่นาน แม่ชีทองพูนก็ได้นำสร้อยคอทองคำ 16 เส้นมามอบให้ ตนเองก็มีความเชื่อว่าเป็นไปตามคำสอนที่แม่ชีนำมาเผยแพร่ว่า "ทำบุญด้วยทรัพย์ ได้ทอง" จึงได้หลงเชื่อแล้วมีการระดมทุนขอเงินคนในบ้าน ทั้งสามีและลูกได้เงินกว่า 200,000 บาท นำไปลงทุนเพิ่มเติมในกองทอง หวังว่าจะได้รับทองมาอีกครั้ง
ในช่วงระยะนั้นแม่ชีทองพูน บอกว่าช่วงนี้ทองหมด ถ้าหากอยากได้รับเงินเร็วครึ่งต่อครึ่ง ให้ลงทุนแบบกองเงินเป็นรูปแบบใหม่ โดยมีการลงทุนกองละ 2,000 บาท จะได้รับเงิน 4,000 บาท ตนเองก็ได้ไปหาเงินมาอีก 78,000 บาท เพื่อลงทุนไปอีก 40 กอง สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้วยกองเงินหรือกองทองก็โดนโกงไปทั้งหมด
ส่วนเรื่องของคำสอน ตนเองก็ไม่เชื่อ เมื่อได้ทองจริงก็เชื่ออย่างสนิทใจ แต่ตนเองก็ไม่เคยเดินทางไปที่สำนักปฎิบัติธรรม ไม่เคยเจอกับแม่ชีหรือภิกษุณี ได้ยินแต่สิ่งที่คนพูดถึงภายใต้ของคำสอนก็มักจะบอกกับคนที่ร่วมทำบุญว่า "ห้ามไปบอกต่อ ห้ามพูดมาก ไม่งั้นจะไม่ได้บุญ" วันนี้คนก่อเหตุทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีก็รู้สึกดีใจ แต่หากเป็นไปได้ก็อยากได้เงินจำนวน 300,000 บาทคืน
และจากการนำเสนอข่าวเมื่อวานนี้ เห็นพฤติกรรมและการออกมาให้สัมภาษณ์ของภิกษุณียอมรับว่าเป็นเหมือนคล้ายคนบ้า ไม่มีอะไรน่านับถือ ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไปหลงมัวเมาเชื่อในคำสอนของคนแบบนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่า หลังจากนี้จะไม่เชื่อคนง่าย ไม่เชื่อใครให้มาหรอกทำบุญแล้วหวังจะได้กำไรอีก
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้รับข้อความ ซึ่งเขียนลงในกระดาษสีขาวตัวอักษรสีแดง กลุ่มลูกศิษย์ผู้เสียหายอ้างว่าเป็นคำสอนของภิกษุณีเอ้ เป็นการส่งต่อเพื่อสอนให้ลูกศิษย์ได้สำนึกในบุญคุณได้เข้าใจถึงหลักธรรมของโลก ระบุว่า "หัวหน้าพระอรหันสายฤทธิ์ ทำงานแทนโมคคัลลาเถระ เพื่อนมนุษย์ ไม่เชื่อว่าว่ามี มนุษย์ต้องพิสูจน์ด้วยความตาย ทุระอุยัติเหตุ สาธุ สาธุ" (หมายถึง บุคคลใดไม่เชื่อฟังต้องพิสูจน์ด้วยความตาย หรือจะประสบด้วยอุบัติเหตุ)
"ทหาร ตำรวจ ทนาย ตายเป็นจำนวนมากด้วยอุบัติเหตุนานาประการ หนีไม่ผลแม้ จ.นครพนม บุคคลไม่ยอมเชื่อฟังในกรรม อวดดีจะเอาแต่เงิน ตายในเดือนเมษายน เป็นจำนวนมาก ไม่พ้นแม้ในนครพนม" (หมายถึง คนใดที่ไม่เชื่อฟังหวังแต่จะเอาเงิน อาจจะตายในเดือนเมษายน ซึ่งตายทุกคนไม่เว้นคนในจังหวัดนครพนม)
"ในห้องกฎแห่งกรรม ชาวบลาบลสบลาปาก พระพุทธเจ้าองศปฐม ฝากว่า แจ้งความ 1 ข้อ ตายใน 1 คืน แจ้งความ 100 ข้อ ตาย 100 คน พญามัจจุราชอยู่หน้าบ้าน" (หมายถึง สอนให้ลูกศิษย์รับทราบ ถ้าหากใครถูกหลอกให้มาเชื่อที่สำนักปฎิบัติธรรม แล้วมีการแจ้งความ หากมีการแจ้งก็จะตาย เพราะพญามัจจุราชมารออยู่หน้า)
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่มีผู้เสียหายถูกหลองลงทุนรวมกว่า 10 ล้านบาทนั้น จากการตรวจสอบเงินในบัญชีของแม่มีเอ้นั้น มีเหลือเพียงมี 8 บาทเท่านั้น และอาจจจะพิจารณาแจ้งข้อหาฟอกเงินเพิ่มเติมต่อไป
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านพระต้อง ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ นายวัลลภ ปั้นสะอาด น้องชายพระต้อง เปิดเผยว่า ครอบครัวของพระมีด้วยกัน 3 คน พระต้องเป็นลูกคนโต มีน้องชาย น้องสาว ขณะเดียวกันตามข่าวที่บอกว่าพระต้องบวช ๆ สึก ๆ โดยไม่จำวัด จะไปไหนก็ไปนั้น ตนเองขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เดิมทีพระต้องบวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 17-18 ปี หลังจากนั้นเมื่ออายุครบจึงบวชเป็นพระ ญาติพี่น้องรักใคร่ เพราะพระต้องชอบศึกษาธรรมะ และไปอยู่ที่ จ.นครพนม ได้ 3 ปีแล้ว ตนได้เจอครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อน
