ฉุนเพื่อนบ้านจอดขวางทางเข้าบ้าน ขับรถพุ่งชนพังหวังสั่งสอน เพื่อนบ้านผวาแจ้งตร.ไกล่เกลี่ย (คลิป)

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก เจ๊ม้อย vplus ได้โพสต์ภาพของข้อความบรรยาย ระบุว่า "ช่วยออกมาอธิบายด้วยว่าเพราะอะไร ถึงชนหลายครั้ง คุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ค่ะ ปลวกแดง #คลิปในเม้นท์ ม...อยากดังตรูจัดให้ เป็นอุบัติเหตุไม่ว่า แต่นี้ม...จงใจขับชนตั้ง 4 ครั้ง รถเขาจอดอยู่หน้าบ้านเขาดีๆ ดีนะตรูนับหนึ่งยังไม่ถึงร้อยไม่งั้นล่ะ..."

วันที่ 27 เม.ย 64 ทีมข่าวพยายามสอบถามผู้ก่อเหตุขับรถชนรถเพื่อนบ้านที่จอดหน้าบ้าน แต่เจ้าตัวปฏิเสธ อ้างว่าคดีขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกไกล่เกลี่ย

น.ส.เจนจิรา ตรีกมล อายุ 33 ปี เจ้าของบ้านผู้เสียหาย เผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ 1 ครั้ง แต่ตนรวมไปถึงคนในครอบครัวก็ไม่เคยติดใจหรือต่อว่าอะไร เนื่องจากเข้าใจว่าคู่กรณีจะมีนิสัยชอบโวยวายแบบนี้ กระทั่งล่าสุดมีครั้งที่ 2 อีก

ล่าสุดเจ้าตัวมีการกล่าวอ้างว่า ตนไปจอดรถขวางหน้าบ้านของเขา ทั้งที่รถของตนไม่ได้จอดขวางหน้าบ้านเขา แต่คู่กรณีกลับขับรถ ชนรถของตนจนได้รับความเสียหาย จนบริเวณด้านหน้าตัวรถพังยับเยิน รวมค่าเสียหายจำนวน 2 ครั้งประมาณ 150,000 บาท

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากมีการตกลงเจรจากับทางคู่กรณีได้เป็นผลสำเร็จ ตนก็จะไม่ติดใจเอาความ แต่หากทางคู่กรณีไม่ให้ความร่วมมือหรือเจรจากันไม่ลงตัว ตนก็จะขอดำเนินคดีเอาผิดถึงที่สุดตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้าน น.ส.อนุสรา ปาลสาร อายุ 36 ปี เพื่อนข้างบ้าน คนถ่ายวิดีโอ เผยว่า ขณะเกิดเหตุตนได้ซักผ้าอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน เห็นผู้ก่อเหตุที่อยู่ในอาการเมาสุรา ขับรถพุ่งชนใส่รถของผู้เสียหายอย่างจัง เสียงดังสนั่นจำนวน 4 ครั้ง ทั้งที่รถของผู้เสียหายไม่ได้จอดขวางปิดทางเข้าบ้านของผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด อีกทั้งยังจอดหน้าบ้านของผู้เสียหายเองตามปกติ ตนก็รู้สึกงงว่าผู้ก่อเหตุจะทำพฤติกรรมดังกล่าวเพื่ออะไร

ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ฝั่งผู้ก่อเหตุก็เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง อีกทั้งมายืนต่อว่าโวยวายใส่ผู้เสียหายว่าจอดรถปิดขวางทางหน้าบ้านเขา ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะตนก็เห็นผู้เสียหาย จอดรถชิดหน้าบ้านของเจ้าตัวตามปกติ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกตกใจและกลัวในตัวของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างมากที่ทำพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งล่าสุดตนเห็นพฤติกรรมดังกล่าวซ้ำอีก จึงบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้