กู้ภัยผงะ! ศพลอยครึ่งตัว ลอยอืดคลองแสนแสบ คาดหั่นร่างอำพราง สยองหัวยัดผ้าดำ (คลิป)

วันที่ 21 ก.ค.61 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินหาข้อมูลจากกรณีพบศพชาย ถูกหั่นครึ่งตัว ทิ้งคลองเเสนแสบ โดยพบกับ นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งให้ข้อมูลว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ มูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งเหตุ จึงส่งอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมาตรวจสอบ บริเวณสะพานริมคลองแสนแสบ เป็นคลองระบายน้ำย่อย พบศพลอยอยู่ในน้ำ โดยเป็นชายลักษณะของศพลอยคว่ำหน้า คาดว่าเป็นผู้เสียชีวิตจมน้ำตามปกติ จึงขอกำลังเสริมเก็บกู้ร่าง

จากนั้นตน และทีมกู้ภัยเดินทางมาในพื้นที่ ลงไปในคลองและนำเชือกผูกที่ศพและลากเข้ามาที่ฝั่ง แต่ในขณะนั้น ตนรู้สึกตกใจ เพราะลักษณะของศพลอยแบบไม่ปกติ เมื่อขยับศพดูพบว่า ร่างกายท่อนล่างของศพตั้งแต่ช่วงเอวจนถึงปลายเท้า หลุดหายไป จนกระทั่งดึงร่างขึ้นมาไว้ที่ริมฝั่งด้านข้างคลอง ก่อนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบ

นายอัญวุฒิ เล่าต่อว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ศพถูกใบพัดเรือตัดลำตัว แต่ตรวจสอบบาดแผล พบมีบาดแผลที่ศีรษะด้านซ้าย ถูกของมีคมเป็นแนวยาวประมาณ 1 คืบ ภายในบาดแผล มีผ้าสีดำยัดอยู่ด้านใน ที่ใต้ตาขวาบวมปูดและเขียวช้ำ บริเวณหน้าท้องมีบาดแผลถูกของมีคมยาว 1 แผล จากการตรวจสอบโดยละเอียด ตัวผู้ตายยังไม่พบเอกสารใด ๆ ติดตัว ทั้งนี้ สภาพศพเป็นชาย ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ แต่เป็นคนเอเชีย รูปร่างกำยำ มีหนวดเคราเล็กน้อย อายุประมาณ 45-50 ปี เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน

ขณะนี้ ทางทีมกู้ภัยได้นำศพของผู้เสียชีวิตส่งต่อที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ และทีมกู้ภัยเตรียมพิมพ์ลายนิ้วมือ ให้กับสถาบันนิติเวช แต่ทางทีมกู้ภัยยังไม่พบ ท่อนล่าง ในขณะที่พบศพ ทีมกู้ภัยได้มีการหาเบาะแสเพิ่มเติม โดยการตระเวนทั้งสองฝั่งคลอง ระยะทางยาว เกือบ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ นายอัญวุฒิ กล่าวว่า หลังจากพบศพ ตนโพสต์ภาพบนโลกออนไลน์ ในการช่วยตามหาเบาะแสของผู้เสียชีวิต ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเจอศพหรือเป็นผู้ประสบภัย ตนจะไม่เปิดเผยใบหน้าของศพหรือผู้ประสบภัย แต่ในกรณีนี้ที่ ไม่พบเอกสารในตัว อยากให้ประชาชนช่วยกันให้ข้อมูลหรือเบาะแส ตนจะแชร์ภาพใบหน้ากับลักษณะรูปพรรณขึ้นบนเพจเฟซบุ๊ก เพื่อติดต่อกับญาติของผู้เสียชีวิต ส่วนตัวคาดว่า มีความเป็นไปได้สูง ที่ศพดังกล่าวจะถูกฆาตกรรม แล้วหั่นศพเป็น 2 ท่อน จากนั้นก็นำมาทิ้งในคลองเพื่ออำพราง แต่ต้องให้ทางผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติเวช เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป