จากกรณีวันที่ 15 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้รับแจ้งว่ามีเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง อยู่บนภูเขาซ้ายมือทางไปบ้านนาแค ในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู เสียชีวิตโดยได้ใช้มีดตัดคอตัวเองจนเสียชีวิต
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่วัดพบลูกศิษย์ทั้งหญิงและชาย กว่า 300 คนที่บริเวณสำนักสงฆ์ โดยด้านหลังของเจดีย์ ได้มีโลงศพสีน้ำตาลแกะสลักบรรจุร่าง และมีโลงใบเล็กวางอยู่ด้านบน คาดว่าน่าจะเป็นศีรษะของพระธรรมกร หรือนายธรรมกร วังปรีชา
ญาติโยมบอกว่าหลวงพ่อได้ทำตามที่กล่าวไว้แล้ว ท่านบรรลุแล้ว และตรงจุดที่ฆ่าตัวตายมีรูปปั้นคล้ายกับพระอินทร์ไม่มีศีรษะ และมือทั้งสองข้างได้ถือศีรษะ คล้ายกับโดนตัดไว้ในมือทั้งสองข้างนั้น
วันที่ 18 เม.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปสำนักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค เขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู พบว่า พื้นที่ดังกล่าว ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างและปลุกปั่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเนื้อที่ 15 ไร่ ตรงกลางพื้นที่ มีเจดีสัพพสังวรเจดีย์สีขาว ยอดสีทอง ความสูง 30 เมตร มีบันได้ทางขึ้น 29 ขั้น ก้อนขึ้นถึงองค์พระธาตุ มีรูปปั้นถ้าพิฆเนศอยู่ด้านหน้าสุด
ทางขึ้นบันไดมียักษ์ 2 ตน คือท้าวเวสสุวรรณ ท้าวกุเวรมหาราช และยังมีรูปปั้นองค์เทพอื่นทั่วรอบองค์พระเจดีย์ คือ พระนารายณ์ (พระวิษณุ), พระอินทร์, องค์พญานาคเจ็ดเศียร, พระแม่โพสพ, พระแม่คงคา, พระแม่ธรณี, พระแม่ศรีอุมาเทวี, พระศิวะมหาเทพ, พระพรหม ซึ่งยังรวมถึงรูปปั้นเทพเศียรขาดที่พระธรรมกรได้มีการปั้นเอาไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต รวมจำนวนกว่า 16 องค์
ภายในพื้นที่สำนักสงฆ์ภูหินกอง ไม่ได้มีอุโบสถ มีเพียงศาลาปฏิบัติธรรมที่อยู่ด้านบนหลังองค์พระเจดีย์ ทางขึ้นไปประมาณ 10 เมตร จุดดังกล่าวภายในศาลา มีพระพุทธรูปตั้งเรียงยกสูงประมาณ 7 องค์ ด้านบนสุดเป็นพระแก้วมรกตจำลอง ตรงกลางเป็นแท่งบูชา พระบรมสารีริกธาตุ 5 เสา
นอกจากนั้นมีพระพุทธรูปและเครื่องบูชาพระ วางกระจายอยู่ทั่วบริเวณด้านในศาลา ด้านบนบริเวณจุดที่มีการปูพื้นแผ่นกระเบื้องสีฟ้าขาวสำหรับพระสงฆ์ ไม่อนุญาตให้ประชาชนขึ้นไป
ถัดลงไปอีกระดับ เป็นพื้นเทปูนไม่มีแผ่นกระเบื้อง มีการตั้งอิฐบล็อกขึ้นมา 9 ก้อน วางกระจายเป็นรูปวงกลม หมายความว่า “โลกอุตารธรรม 9 หลัก” แต่ละหลักมีความหมายแทนว่า โสดาปฏิมรรค, โสดาปฏิผล, สกิทาคามีมรรค, สกิทาคามีผล, อนาคามีมรรค, อนาคามีผล, อรหันต์ตมรรค, อรหันต์ตผล, นิพาน (บรรลุ) โดยจุดที่วางพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองหมายถึง เสาหลักนิพาน
บริเวณด้านหน้าศาลา มีแท่นไม้ยกสูง 3 ชั้น เป็นลักษณะหัน 4 ทิศ เรียกว่า แท่นบูชาสามโลกธาตุ ซึ่งมีพระธรรมกรเป็นผู้ตั้งแท่นดังกล่าวขึ้นมาก่อนที่จะเสียชีวิต สามโลกธาตุคือ กามภพ, โลกภพ, อโลกภพ บนสุดใช้บูชาเทพสูงสุดคือ พระอินทร์พระพรหม ชั้นอื่น ๆบูชาตามระดับชั้นเทพ ส่วน 4 ทิศ เป็นการบูชา 4 เทพ ประจำทิศ คือ
1.ท้าวธตรฐ รักษาโลกด้านทิศตะวันออก และทำหน้าที่ปกครองคนธรรพ์
2.ท้าววิรุฬหก รักษาโลกด้านทิศใต้ และทำหน้าที่ปกครองกุมภัณฑ์
3.ท้าววิรูปักษ์ รักษาโลกด้านทิศตะวันตก และทำหน้าที่ปกครองพญานาค
4.ท้าวกุเวร รักษาโลกด้านทิศเหนือ และทำหน้าที่ปกครองยักษ์ ท้าวกุเวรมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวเวสวัณ หรือ ท้าวเวสสุวรรณ
ถัดลงไปด้านล่าง เป็น 4 เสา ใช้สำหรับบูชาพระพุทธะศาสนา ซึ่งมีเสาสีฟ้า-น้ำเงินมีความสุงสุด ใช้ตั้งวางพาน สำหรับบูชาพระพุทธเจ้าในฐานะศาสดา สามแท่งสีขาวด้านล่าง หมายถึงแท่นพานบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ถัดลงไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับองค์พระเจดีย์ สังเกตว่าบริเวณดังกล่าวได้เป็นลักษณะแท่งสี่เหลี่ยมสีฟ้ายกสูงประมาณ 40 ซม. ตรงกลางทำเป็นรูปวงกลม ยกพื้นสูง 2 ชั้น ชั้นละ 5-6 ซม. ด้านบนตั้งวางรูปปั้นคล้ายเทพสีขาว นุ่งโจงกระเบนสีทอง มีสายรัดแขนสีทอง ยื่นมือ 2 ข้างออกไปทางทิศของเจดีย์ ด้านบนมือมีรูปปั้นคล้ายหัวคนผมยาว มีหนวดคล้ายเทพ มีการทาสีแดงแทนเลือด ไหลบริเวณหัวและคอ หยดลงบนพื้น
ด้านหน้าได้มีแผ่นป้ายหินอ่อนตัวอักษรสีทอง ระบุข้อความคำอธิฐานว่า "ข้าพระพุทธเจ้า ขอสักการะบูชา พระบรมสาริริกธาตุ สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยศรีษะของข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้า ขอสักการะบูชาพระธรรม ด้วยชีวิตของข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้า ขอสักการะบูชา พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยเลือด เนื้อ และกระดูก ของข้าพระพุทธเจ้า ด้วยบุญกุศลแห่งการบูชานี้ จงเป็นพระปัจเจก เป็นอุปนิสัยตามส่ง ให้ข้าพระพุทธเจ้า ได้บรรลุปัจเจกโพธิญาณ ตรัสรู้ในอนาคตกาลเบื้องหน้าด้วยเทอญ"
และมีการตั้งวางพานสำหรับถวายมาลัยดอกไม้ ซึ่งรูปปั้นดังกล่าว พระธรรมกรได้ปั้นเอาไว้แทนเสมือนตัวเองหลังฆ่าตัวตายแล้วจะกลายเป็นเทพคล้ายรูปปั้น เพื่อถวายหัวให้กับพระพุทธเจ้า ในฐานะพระศาสดา ตามความเชื่อที่หวังจะได้บรรลุเป็นพระปัจเจก
ทีมข่าวได้รับภาพถ่ายเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ของพระธรรมกร หลังจากที่มีการลาสิกขานุ่งขาวห่มขาว เตรียมที่จะก่อเหตุในรุ่งเช้าของวันที่ 15 เม.ย. ภาพหลังจากที่ลาสิกขาแล้วได้มีการห่มผ้าเหลืองเอาไว้ท่อนบน แล้วท่อนล่างมีการสวมใส่ผ้าสีขาว ซึ่งมีการให้พร และให้ลูกศิษย์คนสนิทเข้าพูดคุยด้วย
นางสาวยุ ลูกศิษย์สำนักสงฆ์ที่ไปส่งรับพระธรรมกรหลังจากบิณฑบาตเสร็จแล้ว ว่าวันนี้ก็ได้เดินทางมาเปลี่ยนเจอกันดอกไม้ บริเวณรูปปั้นและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสำนักสงฆ์ รวมถึงรูปปั้นเทพกุดหัวที่พระธรรมกร นางสาวยุได้นำแจกันไปถวาย
พร้อมกับก้มกราบและอธิฐาน พร้อมกล่าวว่า ตนเองเลื่อมใสและศรัทธาในพระธรรมกร ตนเดินทางมาช่วยงานที่สำนักสงฆ์เป็นประจำ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่าพระธรรมกรจะตัดหัวตัวเอง เชื่อว่ามีการเตรียมการมาแล้ว ลูกศิษย์ทุกคนรู้ล่วงหน้ามานานกว่า 5 ปี และการนำดอกไม้มาถวายก็ต้องถวายเทพที่อยู่ภายในสำนักสงฆ์เกือบทุกองค์ รวมถึงเทพกุดหัวที่เปรียบเสมือนตัวแทนของพระธรรมกรด้วย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวนและสืบสวน สภ.หนองบัวลำภู ชุดที่เข้ามาในวันเกิดเหตุแล้วถูกกลุ่มลูกศิษย์ไล่ออกจากสำนักสงฆ์ได้เดินทางมาเพื่อสอบปากคำกลุ่มแม่ชีภายในสังนักสงฆ์ มีการเชิญกลุ่มแม่ชีจำนวนกว่า 10 คน และยังมีลูกศิษย์วัดอีก 4-5 คน เข้าหมุนเวียนให้ปากคำ โดยคำถามและคำตอบของผู้ที่ถูกสอบไปทิศทางเดียว คือในวันเกิดเหตุอยู่บริเวณจุดไหน, มีใครพบเห็นพระธรรมกรเป็นคนสุดท้าย, ใครเป็นคนเก็บเครื่องกิโยตีนทำความสะอาดเลือด และเคลื่อนย้ายร่างพระธรรมกร ส่วนใหญ่จะตอบปฏิเสธ และไม่มีใครให้ข้อมูลโดยตรง อ้างแต่ว่าเป็นคนอื่น
ทีมข่าวยังได้เดินสำรวจภายในสำนักสงฆ์ภูหินกอง ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านหลังองค์พระเจดีย์ อยู่ในพื้นที่เขตป่า สังเกตว่ามีการปลูกเป็นบ้านหลังขนาดต่าง ๆ ใช้เป็นที่พักของแม่ชี และพระธรรมกรก่อนเสียชีวิต แต่พบว่าค่อนข้างเงียบ ไม่มีแม่ชีออกมาให้ข้อมูล แต่ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการให้พิกัดจุดที่มีการซุกซ่อนของกลาง คาดว่าเป็นเครื่องประกอบทำเครื่องกิโยตีน ได้มีการกระจายเก็บไว้ในสถานที่ต่าง ๆ ในพื้นที่ของสำนักสงฆ์
ทีมข่าวเดินทางไปที่โรงรถใกล้กับกุฎิของแม่ชี ห่างจากองค์พระเจดีย์และศาลาปฏิบัติธรรม ประมาณ 20 เมตร เป็นที่เก็บอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตร และเครื่องมือก่อสร้าง มีทั้งเลื่อย มีด ค้อน แต่บริเวณตีนชายคาของโรงเก็บของ สังเกตว่ามีเชือกไนลอนสีครีมม้วนและผูกเอาไว้ 2 เส้น มีลักษณะคล้ายคราบเลือดสีน้ำตาลติดอยู่ เชือกดังกล่าวใช้ผูกติดกับใบมีด ก่อนที่จะใช้มีดขนาดเล็กตัดเชือกให้ขาดและร่วงลงมาตัดคอพระธรรมกร
ส่วนจุดที่นำถังที่บรรจุปูน ใช้เป็นลูกตุ้มถ่วงซ้ายขวาของใบมีด ได้นำไปเก็บเอาไว้ด้านหลังของศาลาปฏิบัติธรรม อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตรด้านหลังกุฏิพระ ส่วนใบมีดที่ดัดแปลงทำขึ้นเองจากเหล็กตีตรงกลางให้มีลักษณะแบนเรียบ กว้าง 4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นใบมีดที่ใช้ประกอบเครื่องกิโลติน พนักงานสอบสวนได้เก็บไปเป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ
ทีมข่าวยังได้เดินทางลงไปที่ด้านล่างของสำนักสงฆ์ภูหินกอง ด้านล่างจะมีบันไดปูนลาดยาวลงไป ขอบบันไดปูนจะทำด้วยราวสีทอง แต่ในระหว่างก่อนที่จะถึงด้านล่างของถนนฝั่งซ้ายมีทางแยกซึ่งเป็นทางเดินเท้า เป็นลักษณะดินโคลนที่มีการทำทางขึ้นมาใหม่
พบว่าเป็นจุดที่ใช้สำหรับเผาศพของพระธรรมกร สังเกตว่าจะมีกองหินวางเรียงรายกันเป็นลักษณะรูปเจดีย์ สูงประมาณ 2 เมตร รอบข้างกองเจดีย์หินมีลักษณะเหมือนรอยไหม้ ทั้งลำต้นและใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
ทราบข้อมูลว่าจุดดังกล่าวถูกใช้เป็นลานเผาร่างของพระธรรมกร แต่หลังจากที่มีการเผาเสร็จแล้ว ลูกศิษย์ได้นำก้อนหินที่อยู่รอบพื้นที่เผาศพคนละ 1 ก้อน จำนวนลูกศิษย์ประมาณ 300 คน ช่วยกันนำมะก่อเป็นลักษณะเจดีย์ ด้านในยังคงมีขี้เถ้า กระดูกของพระธรรมกรกองเอาไว้อยู่ ไม่ได้มีลูกศิษย์คนใดเก็บกระดูกหรือเคลื่อนย้ายออกไปจากจุดที่เผา เพราะเป็นคำสั่งของพระธรรมกร
อีกทั้งยังพบว่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเผาร่างของพระธรรมกร ลูกศิษย์ที่มาร่วมพิธีจะต้องนำเทียนไขหรือขี้ผึ้งมาด้วย เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงในกองฟอน แทนน้ำมัน เป็นการสักการะบูชาเพื่อส่งดวงวิญญาณของพระธรรมกร สังเกตว่าด้านล่างของกองเจดีย์หิน จะมีลักษณะลาดชัน มีน้ำตาเทียนและเศษของขี้ผึ้งไหลเป็นทางลงไปด้านล่าง