ฤๅษีโชว์พ่นไฟไล่ผี ฟุ้งได้ค่าครูนับหมื่น หมออึ้งหวั่นโควิดพุ่ง "ฟิลิบ" ฉะกลลวง (คลิป)

กรณีคลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ โดยแฟนเพจเฟซบุ๊ก “แม่ทัพลิง 2/1 Airline” ได้ลงคลิชายคนหนึ่งที่ถือเทียนไว้ในมือ และพ่นบางอย่างออกมาทำให้ไฟลุก คล้ายพิธีกรรมการไล่ผี ใส่ชายที่คลุมผ้าและนอนอยู่ด้านล่าง ตามที่ปรากฏเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้น 

ล่าสุดวันที่ 13 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านของชายที่ปรากฏในคลิป ชื่อว่า อาจารย์ภาคี ศรีฐโย อายุ 33 ปี ในต.หนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยเป็นบ้านลักษณะทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ภายในบ้านมีหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระพุทธรูป ฤๅษี หมอชีวก กุมารต่าง ๆ หน้าบ้านไม่มีป้ายหรือชื่อสำนักใด ๆ

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ อาจารย์ภาคี ศรีฐโย อายุ 33 ปี หมอรักษาคุณไสย เปิดเผยว่า คลิปที่มีการปรากฏออกไปนั้น เป็นคลิปเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว โดยเด็กชายคนดังกล่าว อายุ 16 ปี ไปเล่นน้ำตกและต้องตาต้องใจนางไม้ จึงถูกนางไม้เข้าสิงและทับอยู่ในตัว มีอาการอ่อนเพลีย เดินไม่ได้ ญาติจึงได้นำมาให้ตนช่วยรักษา โดยการนิมิตเห็นว่าในร่างมีนางไม้ จึงให้นอนลง และปิดด้วยผ้าคลุมน้ำมนต์ ก่อนจะทำพิธีให้ คือ ใช้เทียนละลาย ท่องคาถา และพ่นไฟใส่ หลังจากนั้นก็หายเป็นปกติ

โดยคลิปดังกล่าวเป็นพิธีกรรมถอนของ หรือสิ่งไม่ดีออกจากตัว เรียกว่า “เตโชกระสินไฟ” คือใช้ไฟรักษา การเจ็บป่วยของคนที่เหนือความคาดหมาย และถูกของไม่ดีสิงร่างที่ต้องใช้ไฟ เพราะเป็นวิชากระสินเพลิง และเป็นวิชาที่แรง สามารถป้องกันคนที่พ่นด้วย และทำลายของที่ปรากฏตรงหน้าได้ คือ ประหยัดเรี่ยวแรงของตนเอง และบุคคลที่ใช้ แต่เป็นมีดสองคม ตนผลักไปอีกฝ่ายก็ผลักกลับ โดยไฟที่เสกขึ้นมาเป็นไฟอาคม ล้วนแล้วแต่ไหม้ รวมถึงคนที่นิมิต ก็ถูกเล่นงานด้วยด้วยถ้าหากควบคุมไม่ดี

ขั้นตอนในการทำกระสินไฟ คือ ผู้ที่มารักษาต้องอธิษฐานที่พานขันธ์ 5 และตนจะร่ายคาถาเชิญครู และคาถาปลุกเสก นำเทียนใส่ในขันเงิน และนำไปต้มบนเตาถ่าน การต้มจะใช้พลังอาคมจำนวนมาก โดยจะใช้เทียนตามจำนวนอาการของคนที่มารักษา เมื่อนำไปต้มแล้วก็จะสวดคาถาไปเรื่อย ๆ จนกว่าเทียนจะร้อนและกลายเป็นน้ำตาเทียน และจะใช้น้ำใส่ขันเงินรองด้านนอกอีกชั้น เพื่อป้องกันเทียนไหม้ จะเสี่ยงเป็นมะเร็ง เมื่อน้ำตาเทียนละลายได้ที่แล้ว จะใช้ขันไม้ไผ่ตักน้ำตาเทียนที่ละลายแล้ว อมไว้ในปาก ก่อนจะพ่นไปหาคนที่รักษา และมีเปลวไฟลุดออกมา ระยะเวลาทำพิธีขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล จะพ่นไฟจนกว่าของจะออกจากตัวเป็นอันเสร็จพิธี

ส่วนคลิปที่มีการเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ คือ การห้ามฝน ภาษาอีสานเรียกว่า “เพิกฝน” หรือ “เกิ้งฝน” ไม่ใช่เรียกฝน ตนเรียกฝนไม่ได้ บางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็ไม่สำเร็จ และทำตามที่ครูบาอาจารย์สอนมา ตนเรียนวิชามาจากหลวงปู่ทองคำ สุวโจ อาศรมสุวโจ จ.สุรินทร์ เป็นผู้ทำพิธีในลักษณะนี้มากว่า 20 ปีแล้ว

ส่วนโรคโควิดนั้น ตนไม่สามารถรักษาได้ ตนก็กลัวตายเหมือนกัน แต่หากมีอาการเล็กน้อย และไม่มีไข้ ตนก็สวดรักษาเบื้องต้นได้ตามที่เล่าเรียนมา และไม่ได้สอนให้งมงาย ลูกศิษย์ส่วนใหญ่เป็นการบอกปากต่อปาก ไม่ได้มีป้ายหรือโฆษณาทางอื่น ๆ ส่วนค่าครูตนคิดตั้งแต่ 4,000-5,000 แต่ถ้าเป็นชุดใหญ่จะอยู่ที่ 10,000 บาท แต่ทั้งนี้หากเป็นพิธีเรียบง่าย ประมาณ 1,000-2,000 บาท

สำหรับอันตรายในการพ่นไฟก็มีบ้าง คือ เทียนติดตามซอกฟัน คนทำพิธีห้ามยืนด้านหน้า เพราะของไม่ดีจะเข้าตัว ตนก็ตกใจเพราะมีนักข่าวมาถาม ไม่คิดว่าจะมาเป็นกระแส แต่สิ่งที่ทำก็เป็นเพราะครูบาอาจารย์สั่งสอน ไม่ได้พูดอุตริใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้ต้องการให้ใครมาเชื่อ แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ นางสาวไก่ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี เปิดเผยว่า ตนมองว่าเป็นการทำในเชิงพาณิชย์มากจนเกินไป และตนก็ไม่รู้สึกศรัทธาแต่อย่างใด ยืนยันว่าตนไม่ได้ต่อต้าน และชาวบ้านในละแวกนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เชื่อ คนที่มารักษาส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างจังหวัด เรื่องพ่นไฟตนไม่เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคได้จริง

ทีมข่าวเดินทางไปพบกับนักมายากลชื่อดัง “อาจารย์ฟิลิป-เฉลิมสวรรค์ ไพบูลย์พันธ์” กล่าวยืนยันว่า สิ่งที่ชายคนนี้ทำคือหนึ่งในหลักของมายากล ซึ่งมีมานานเกือบ 100 ปีแล้ว วิธีการคือ น้ำที่เขานำไปต้มจริง ๆ แล้วเป็นน้ำมันก๊าด ปกติแล้วน้ำมันก๊าดจะร้อนจัดก็ต่อเมื่อถูกความร้อนในอุณหภูมิที่มากกว่า 200-300 องศาเซลเซียส แต่จากคลิปเห็นว่าชายคนนี้นำน้ำเปล่ากับน้ำมันก๊าดใส่รวมกัน โดยให้น้ำเปล่าอยู่ชั้นล่างและน้ำมันก๊าดอยู่ชั้นบน ทำให้น้ำเปล่าเกิดการเดือด แต่ด้วยอุณหภูมิ ตนเชื่อว่ายังไม่สามารถทำให้น้ำมันก๊าดที่อยู่ชั้นบนร้อนได้ ดังนั้นเมื่อชายคนนี้อมเข้าไปจึงไม่ร้อนและไม่ลวกปาก เช่นเดียวกับพิธีเข้าทรงของคนจีนในสมัยก่อน ที่มีการต้มน้ำในกระทะแล้วนำมาลูบตามตัว ก็ใช้หลักการเดียวกัน

หลังจากนั้นเมื่อพ่นละอองน้ำมันก๊าด ซึ่งเป็นส่วนผสมของไฮโดรคาร์บอน ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ มันก็จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน หรือสันดาป ซึ่งจะเห็นได้ว่าในมือของชายคนนั้นถือมัดเทียนที่จุดไฟอยู่ ทำให้เมื่อพ่นน้ำมันก๊าดออกไป จึงกลายเป็นเปลวไฟอย่างที่เห็น ไม่ใช่น้ำมนต์สำหรับรักษาคนไข้แต่อย่างใด ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อมาก และไม่เชื่อโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ “อาจารย์ฟิลิป” ยังบอกอีกว่า หลักการเล่นมายากลประเภทนี้ มีความเสี่ยงสูงมากคือ 1.ไฟสามารถลุกลาม เผาบ้าน เผาสิ่งของที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ 2.หากสถานที่ที่ใช้เล่น เกิดมีกระแสลมตีเข้ามาระหว่างเป่าน้ำมันก๊าซออกไป เปลวไฟอาจตีกลับมาเผาใบหน้าได้ และ 3.น้ำมันก๊าด หากกลืนเข้าไปในปริมาณมาก อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นจึงเป็นพฤติกรรมที่ห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาด

ด้านนพ.สิทธา ลิขิตนุกูล แพทย์เวชปฏิบัติ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ กล่าวว่า คนส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจว่าไฟจะเป็นตัวทำลายเชื้อโรค แต่เรื่องของน้ำลายที่พ่นออกไป ยิ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง แต่นี่เป็นการสัมผัสกับน้ำลายผู้อื่นโดยตรง

หากโดนพ่นน้ำลายออกมา ก็มีความเสี่ยงเกี่ยวอย่างมาก ทั้งโรคทางเดินอาหาร โรคทางเดินหายใจ ไวรัสตับอักเสบบี โรคเริม และวัณโรค หรือแม้กระทั่งเชื้อโควิด-19 ดังนั้นหากมีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ควรไปปรึกษาแพทย์มากกว่าไปรักษาวิธีอื่น ๆ มิเช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงนี้เชื้อไวรัสโควิด-19