จากเหตุการณ์ที่ญาติอ้างว่าวิญญาณน้องชมพู่ หรือ น.ส.สิริยาพร ดวงทิพย์ อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวแพร่ ได้เข้าสิงร่างนางจิราพร ดวงทิพย์ อายุ 53 ปี ที่ตำบลห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ขณะที่นายคมสันต์ คำสูงเนิน อายุ 38 ปี ได้นำเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการตายของน้องชมพู่ และหนังสือร้องทุกหลายแห่งเข้าพบผู้สื่อข่าวที่สำนักงานข่าวแพร่ และได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าต้องการขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาวที่เสียชีวิตจากถูกรถชนเมื่อเดือนก.ย.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 21 มี.ค.64 นายสุนทร คนที่ขับรถชนน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเกิดเหตุ เวลา 11.00 น. ของวันที่ 28 ก.ย.63 ตนขับรถกระบะอยู่เลนกลาง แต่น้องชมพู่ที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่เลนซ้ายสุด ขี่เบี่ยงมาทางขวา ตัดหน้ารถของตน ทำให้ตนชนท้ายและเขาเสียชีวิต ตอนนั้นตนไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก และตกใจ รวมถึงตำรวจร้อยเวรเจ้าของคดีก็มาพูดกับตนว่า ถ้าตนยอมรับผิด ประกันชั้น 1 รถกระบะของตนจะจ่ายค่าสินไหมให้ครอบครัวน้องชมพู่ถึง 500,000 บาท ตนจึงยอมรับผิดเพียงคนเดียว เพราะสงสารน้องชมพู่ และตนได้ช่วยค่าทำศพ 10,000 บาท ให้เงินส่วนตัวเป็นสินน้ำใจอีก 100,000 บาท
แต่ในช่วงที่มีการขึ้นศาล แม่ของน้องชมพู่ได้เรียกเงินค่าเสียหายจากตนอีก 400,000 บาท จนสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 มี.ค.64 ศาลชั้นต้นได้คลิปหลักฐานในวันเกิดเหตุ และได้พิพากษาว่าเป็นการประมาทร่วมกัน และตนไม่ใช่คนผิด ไม่ต้องจ่ายเงิน 400,000 บาท ตามที่แม่ของน้องชมพู่เรียกเงิน ทำให้แม่น้องชมพู่มีลักษณะเหมือนผีเข้า และวิ่งออกจากศาลไป แต่ด้วยความสงสารตนก็มอบเงินให้เขาอีก 100,000 บาท เป็นสินน้ำใจ แม่ของน้องชมพู่ก็เซ็นยินยอม โดยมีนัดจะมอบเงินให้ในวันที่ 20 เม.ย.64 และตนยืนยันว่าจะไม่มอบเงินให้แม่น้องชมพู่มากกว่านี้แน่นอน เพราะตนไม่ผิด
ส่วนวิญญาณน้องชมพู่นั้น ตนไม่กลัว เราไม่รู้จักกัน ผีจะมาบ้านตนถูกหรือเปล่า และไม่เชื่อว่าน้องชมพู่จะมาเข้าสิงแม่เขาจริง ๆ เพราะทุกครั้งที่เริ่มมีการพูดคุยเรื่อนเงินสินไหม แม่ของน้องชมพู่จะเริ่มโวยวายและอ้างว่าตัวเองถูกลูกเข้าสิงตลอด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแม่ของน้องชมพู่จะออกมาเดินหน้าร้องสื่อ แต่ตนก็ยืนยันว่าจะไม่ให้เงินเขาเพิ่มอีก
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ จุดกลับรถบนถนนทางหลวง 101 ต.สูงเม่น อ.สูงเม่น จ.แพร่ สังเกตว่า เป็นถนนใหญ่ มี 4 เลน และรถที่แล่นผ่านค่อนข้างใช้ความเร็ว แต่จุดที่ชนไม่ได้มีจุดอับสายตาแต่อย่างใด
นายคมสัน คำสูงเนิน อายุ 38 ปี น้าเขยของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินหน้าร้องสื่อเพราะที่ผ่านมานั้น หลังจากน้องชมพู่ตาย เหมือนครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรมมาตลอด เพราะเรื่องก็ดำเนินไปช้า และจากการที่ตนดูรูปการชนแล้ว ตนเชื่อว่าน้องชมพู่ไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ตัดหน้านายสุนทร และไม่น่าจะเป็นการเบี่ยงเพื่อกลับรถ แต่น้องชมพู่น่าจะขี่มอเตอร์ไซค์ธรรมดา แต่นายสุนทรคงจะขับรถมาด้วยความเร็วและชนท้ายอย่างหนัก
นายคมสัน กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาแม่ของน้องชมพู่เชื่ออยู่ตลอดว่าวิญญาณของลูกสาวยังอยู่ เพราะช่วงที่น้องชมพู่ตายใหม่ ๆ หมาบริเวณบ้านได้หอนกันถี่มาก ตั้งแต่ตี 1-3 และเวลา 09.00 น., 21.00 น. ซึ่งแม่ของน้องชมพู่ผูกพันกับลูกมาก เพราะเป็นลูกเพียงคนเดียว และตนก็เชื่อว่าวิญญาณน้องชมพู่ยังไม่ไปไหน เพราะยังไม่ได้รับความเป็นธรรม มีสิ่งที่น่าแปลกเกิดขึ้นกับตน เพราะหลังจากที่ตนไปศาลเมื่อวันที่ 17 มี.ค. นั้น ตนรู้สึกปวดแขนขวา แต่เมื่อเดินเรื่องร้องขอความเป็นธรรมให้น้องชมพู่ อาการปวดก็หายไป อย่างไรก็ตาม ครอบครัวยืนยันว่าจะไม่รับเงินจำนวน 100,000 บาท ของนายสุนทรอย่างแน่นอน
ด้าน นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ระบุว่า อาการดังกล่าวที่แม่ของน้องชมพู่แสดงออกมาในลักษณะนี้ ตามความเชื่อของชาวบ้านจะเรียกว่าผีเข้า แต่ถ้าตามหลักทางด้านการแพทย์จะเรียกอาการในลักษณะนี้ว่าบุคลิกแปรปรวน ซึ่งมักจะเกิดกับบุคคลที่มีเรื่องเครียด หรือมีเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต แต่ไม่สามารถปรับตัวกับสภาพจิตใจขณะนั้นได้ ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะบุคคลที่ไม่ค่อยมีที่พึ่งทางใจ หรือหาที่ระบายไม่ได้ อีกทั้งเจ้าตัวต้องเผชิญกับความเครียดด้วย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น แม่เด็กที่เสียชีวิตคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเกิดอาการดังกล่าว
สำหรับการรักษาการ ต้องใช้การรักษาที่เรียกว่า "จิตบำบัด" เช่นการพูดคุย หรือระบายปัญหาต่าง ๆ ให้กับบุคคลที่สามารถพูดคุย หรือปรึกษาแนะนำได้ รวมไปถึงการรับยาปรับสารเคมีในสมองที่จะทำให้ความรู้สึกกังวลนั้นผ่อนคลายลง อาการดังกล่าวก็จะดีขึ้น
นายสุนทร (สงวนนามสกุล) คนขับรถชนน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเกิดเหตุ เวลา 11.00 น. ของวันที่ 28 ก.ย.63 ตนขับรถกระบะอยู่เลนกลาง แต่น้องชมพู่ที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่เลนซ้ายสุด แล้วตัดหน้ารถของตน ทำให้ตนชนท้ายเสียชีวิต ซึ่งในตอนนั้นตนไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก และตกใจ รวมถึงตำรวจก็มาพูดกับตนว่า ถ้ายอมรับผิด ประกันชั้น 1 รถกระบะของตนจะจ่ายค่าสินไหมให้ครอบครัวน้องชมพู่ 500,000 บาท ตนจึงยอมรับผิดเพียงคนเดียว เพราะสงสารน้องชมพู่ และตนได้ช่วยค่าทำศพ 10,000 บาท และให้เงินส่วนตัวเป็นสินน้ำใจอีก 100,000 บาท
แต่ในช่วงที่มีการขึ้นศาล แม่ของน้องชมพู่ได้เรียกเงินค่าเสียหายจากตนอีก 400,000 บาท จนสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 มี.ค.64 ศาลชั้นต้นได้คลิปหลักฐานในวันเกิดเหตุ และได้พิพากษาว่าเป็นการประมาทร่วมกัน และตนไม่ใช่คนผิด ไม่ต้องจ่ายเงิน 400,000 บาท ตามที่แม่ของน้องชมพู่เรียกเงิน ทำให้แม่น้องชมพู่มีลักษณะเหมือนผีเข้าและวิ่งออกจากศาลไป แต่ด้วยความสงสาร ตนก็มอบเงินให้เขาอีก 100,000 บาท เป็นสินน้ำใจ โดยแม่ของน้องชมพู่ก็เซ็นยินยอม โดยจะมอบเงินให้ในวันที่ 20 เม.ย.64 และตนยืนยันว่าจะไม่มอบเงินให้แม่น้องชมพู่มากกว่านี้ เพราะตนไม่ผิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายสุนทร ว่า กลัววิญญาณน้องชมพู่หรือไม่ นายสุนทร ก็ตอบเสียงแข็งว่า "ไม่กลัว เราไม่รู้จักกัน ผีจะมาบ้านผมถูกหรือเปล่"า และตนไม่เชื่อว่าน้องชมพู่ จะมาเข้าสิงแม่เขาจริง ๆ เพราะทุกครั้งที่เริ่มมีการพูดคุยเรื่อนเงินสินไหม แม่ของน้องชมพู่จะเริ่มโวยวาย และอ้างว่าถูกวิญาณลูกสาวเข้าสิงตลอด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแม่ของน้องชมพู่ จะออกมาเดินหน้าร้องสื่อ แต่ตนก็ยืนยันว่าจะไม่ให้เงินเพิ่มอีกแล้ว
