เฒ่าปทุมฯ หายลึกลับศพโผล่กาญฯ ลูกคาใจแท็กซี่รับแล้วทิ้ง คาดเดินหาเพื่อนจนตาย (คลิป)

18 มี.ค. 64

จากกรณีวันที่ 17 มี.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิต บริเวณป่าละเมาะด้านหลังสำนักงานเทศบาลตำบลลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี

997262591500

ที่เกิดเหตุ เป็นป่าละเมาะที่อยู่ภายในซอยลึกประมาณ 200 เมตร พบผู้เสียชีวิตนอนหงายอยู่บนพื้นดิน สภาพศพเริ่มเน่าเปื่อย คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15 วัน ทราบชื่อนายสุรินทร์ นีรนาทภูรี อายุ 71 ปี โดยการตรวจค้นในกางเกงพบเงินสด 2,650 บาท นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน

612823

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อมูล และพบว่านายสุรินทร์ ถูกแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี จึงได้ประสานครอบครัวของนายสุรินทร์ให้รับทราบ ก่อนจะส่งร่างชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ

909212282775

นอกจากนี้เมื่อช่วงเช้า วันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา นายสุรินทร์ได้เดินอยู่ริมถนนหน้าหมู่บ้านพฤกษ์ลดา ถนนเลียบคลอง 4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จากนั้นขึ้นรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนออกไป ก่อนจะขาดการติดต่อและหายตัวไปนานมากกว่าครึ่งเดือน

978522

วันที่ 18 มี.ค. 64 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ป่าละเมาะหมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่รกร้าง มีต้นไม้สูง ห่างจากถนนที่ผู้คนสัญจร 300 เมตร พื้นที่ที่พบศพยังมีคราบมันจากผู้ตาย กลิ่นยังเหม็นคลุ้ง ไม่มีอะไรบดบังสายตาเป็นที่โล่ง บริเวณที่เกิดเหตุจะมีรั้วหนามกั้น จะมีคนที่เลี้ยงวัวเท่านั้นที่สัญจรผ่านเข้า-ออก

755022

นายบุญมา โพธิ์ศรี อายุ 60 ปี คนเลี้ยงวัวที่พบศพคนแรก เผยว่า วานนี้ช่วงบ่าย ตนได้พาวัวมากินน้ำในพื้นที่ป่าละเมาะ ขณะที่เดินผ่านได้มองเห็นว่าตรงใต้ต้นกฐินป่ามีสิ่งที่คล้ายกับโครงกระดูก และผ้ายางอยู่ปลายเท้า ไม่แน่ใจว่าเป็นโครงกระดูกมนุษย์หรือสัตว์ จึงได้เดินเข้าไปดูระยะที่ใกล้ กระทั่งมั่นใจว่าเป็นโครงกระดูกมนุษย์ จากนั้นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และด้วยความที่ตนตกใจและกลัว จึงรีบพาวัวออกจากพื้นที่ ไปอยู่ตรงบริเวณถนนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนก็พาวัวมาที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบว่าตรงบริเวณดังกล่าวมีศพ และไม่ได้กลิ่น

ทั้งนี้ บริเวณดังกล่าวมักจะไม่มีผู้คนเข้ามา จะมีเพียงสุนัขจรจัดอาศัยอยู่ นอกจากนี้ที่ผ่านมาตนไม่เห็นว่ามีรถยนต์ รถเก๋ง รถกระบะ และคนแปลกหน้าเข้ามาในชุมชน ส่วนตัวแล้วไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักกับผู้ตายมาก่อน ตนไม่ทราบว่าผู้ตายถูกฆาตกรรมหรือไม่ หรือเสียชีวิตเองจากโรคประจำตัว

869358

น.ส.ชญาณิษฐ์ คงเลิศมงคล อายุ 36 ปี ลูกสาวคนที่ 4 ของผู้ตาย เผยว่า พ่อของตนอาศัยอยู่กับตนได้ประมาณเกือบ 1 ปีแล้ว ตลอดที่ผ่านมา พ่อไม่เคยหายไปไหน มีเพียงบางครั้งที่ออกไปห้างสรรพสินค้า และเที่ยวบ้านเพื่อนในละแวกใกล้เคียง ช่วงเย็นก็จะกลับบ้าน กระทั่งวันที่ 26 ก.พ. 64 ช่วงเวลา 07.48 น. พ่อของตนได้ออกจากบ้านไป ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน จากนั้นพ่อก็ไม่กลับมา ช่วงตอนเย็นตนก็ไม่เห็นกลับบ้าน พยายามติดต่อก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะพ่อลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน

วันต่อมา 27 ก.พ. ตนพยายามติดต่อไปหาญาติทุกคน ไม่มีใครเจอพ่อ จึงได้ไปแจ้งความ เพราะพ่อของตนมีโรคประจำตัวเบาหวาน และโรคตับ แต่พ่อของตนนั้นเป็นคนจำทางได้เม่นยำ กระทั่งวานนี้ตนได้ทราบว่าพ่อเสียชีวิตอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งตนตกใจทำอะไรไม่ถูก ยอมรับว่าเสียใจมาก พ่อของตนนั้นผูกพันกับ จ.กาญจนบุรี เนื่องจากมีเพื่อนที่เป็นทหารอยู่ค่ายทหารสุรสีห์ โดยไปประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง ไปพบปะกับเพื่อนฝูง

ก่อนเกิดเหตุตนคาดว่าแท็กซี่คนที่รับพ่อของตนขึ้นไป น่าจะส่งพ่อไปขนส่งที่ไหนสักแห่งที่สามารถเดินทางไปยัง จ.กาญจนบุรีได้ จากนั้นพ่อก็ขึ้นรถโดยสารประจำทางไปถึงที่ จ.กาญจนบุรี ได้ลงบริเวณที่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เกิดเหตุ หากแต่ก่อนพ่อเดินทางไป จ.กาญจนบุรีเอง จะมีเพื่อนมารับที่ขนส่ง แต่ครั้งนี้อาจจะลืมโทรศัพท์ทำให้ไม่สามารถติดต่อใครได้ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในซอยดังกล่าว อาจจะวูบ ประกอบกับอากาศร้อน และมีโรคประจำตัว ทำให้หมดสติ เสียชีวิต

154183

ขณะที่ญาติได้เดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุ นิมนต์พระมาประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้านที่ จ.ปทุมธานี บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

615367

นายดลยศ นีรนาทภูรี อายุ 40 ปี ลูกชายคนที่ 3 ของผู้ตาย เผยว่า การเสียชีวิตของพ่อไม่ได้ติดใจว่าถูกฆาตกรรม เนื่องจากของที่มีค่ายังอยู่ครบ ส่วนสร้อยคอและแหวนนั้นอยู่ที่บ้านของน้องสาว ตนคาดว่าพ่อน่าจะเสียชีวิตเอง เนื่องจากมีโรคประจำตัวเบาหวาน โรคตับ และชอบหลงลืม ที่ผ่านมาตนจะพาพ่อมาเที่ยวหาเพื่อนที่ จ.กาญจนบุรี แต่ครั้งนี้คาดว่าน่าจะมาเอง โดยได้หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. จากการเปิดกล้องวงจรปิดพบว่าพ่อได้ขึ้นรถแท็กซี่จากหน้าหมู่บ้าน และไม่ติดต่อกลับมาเลย

ทั้งนี้ ตนสันนิษฐานว่าพ่อน่าจะนั่งแท็กซี่มาตรงบริเวณแถวที่เกิดเหตุ อาจจะลงที่แยกใดแยกหนึ่งใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ และชุดที่พ่อสวมใส่เป็นชุดเดียวกันที่สวมใส่ออกจากบ้าน นอกจากนี้ตนยังคาดว่าพ่อน่าจะมาเที่ยวหาเพื่อนที่เป็นทหารที่พักอาศัยอยู่ จ.กาญจนบุรี

914990

ด้านร้อยโทชัยทนันท์ เฉลย อายุ 59 ปี เพื่อนของผู้ตาย เผยว่า ตนติดต่อกับผู้ตายครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 ก.พ. คุยกันเรื่องทั่วไป ต่อมาในวันที่ 26 ก.พ. ได้โทรศัพท์พยายามติดต่อผู้ตาย 2 ครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย กระทั่งลูกสาวของผู้ตายได้แจ้งว่าผู้ตายนั้นหายออกจากบ้าน ยอมรับว่าปกติแล้วผู้ตายมักจะมาเที่ยวหาตนกับครอบครัว ซึ่งไม่เคยมาคนเดียว วันที่เกิดเหตุการณ์ตนคาดว่าผู้ตายน่าจะมาลงรถบริเวณแถวที่เกิดเหตุ ประกอบกับความหลงลืม จึงเดินมาที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ผู้ตายไม่เคยมายังป่าละเมาะแห่งนี้ และไม่ทราบว่าโรคประจำตัวกำเริบหรือไม่

ทั้งนี้ ปกติหากผู้ตายมาเที่ยวหา ก็จะมีการนัดเจอกันที่โรงแรมในตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี ไม่เคยมานัดเจอบริเวณนี้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าบริเวณดังกล่าวเชื่อมโยงกับผู้ตายอย่างไร ตนไม่ทราบว่าผู้ตายจะมา จ.กาญจนบุรี หากตนทราบตนก็คงจะรีบโทรแจ้งตำรวจให้ช่วยออกตามหาแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส