กรณีพนักงานสอบสวน สภ.คง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต ที่บ้านตะคร้อ ต.เมืองคง อ.คง ตรวจสอบพบศพ นายสิทธิพล แสงอ่อน อายุ 23 ปี สวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ เสียชีวิตในลักษณะนั่งขัดสมาธิจมกองเลือด จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณแก้มด้านขวา กระสุนทะลุท้ายทอย ในที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ แต่พบกระสุนห่างออกไป 40 เมตร
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นเพิงสังกะสียกสูง มีโปลิสไลน์ กั้นไว้โดยรอบ สอบถามนางกนกวรรณ ยศราสูงเนิน อายุ 43 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวว่า ลูกชายติดทหารและหนีออกมาเมื่อเดือนมิ.ย.63 จากนั้นเจ้าตัวก็อยู่บ้านตลอด ไม่ได้ทำงาน ส่วนตนกับสามีทำงานที่กรุงเทพมหานคร นาน ๆ จะมาเยี่ยมลูกสักครั้ง
เมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ก.พ.64) มีชาวบ้านโทรศัพท์ไปบอกว่า ลูกชายตนฆ่าตัวตาย ตนก็แปลกใจ จึงรีบออกเดินทางมาพร้อมสามี ถึงที่เกิดเหตุช่วงเช้ามืดทราบว่า ไม่มีปืนในที่เกิดเหตุ ตนจึงเชื่อว่าลูกชายไม่ได้ฆ่าตัวตายแน่นอน
ก่อนเกิดเหตุทราบว่า มีเพื่อนมากินเหล้ากับลูกชาย ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากนั้นเพื่อนของลูกชายก็เป็นคนไปแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยปกติลูกชายอยู่บ้านหลังที่เกิดเหตุตามลำพัง ส่วนติดกันเป็นบ้านพี่ชายของตน
แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาพี่ชายไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน จึงไม่ทราบเหตุการณ์ ส่วนตัวสงสัยเพื่อน เพราะทราบว่ามีบางคนที่หายไป แต่ปกติแม้ลูกจะเป็นคนเกเร และค่อนข้างดื้อ แต่รักเพื่อนมาก จึงไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรถึงเกิดเหตุขึ้น ทั้งนี้ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าลูกชายจะมาจบชีวิตแบบนี้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรคง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจากกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่จุดเกิด พร้อมเข้าตรวจค้นภายในบ้านของนายบอล เพื่อนของผู้ตาย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านผู้ตาย พบว่ามีห้องนอน 1 ห้องที่ปิดล็อคไว้ จึงให้ช่างกุญแจเข้ามาสะเดาะกลอน
ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบด้านใน พบว่าไม่มีคนอยู่ภายในห้อง ตรวจสอบห้องนอนติดกันพบรถจักรยานยนต์ 2 คัน จอดทิ้งไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นำออกมา แต่มีรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาตรวจสอบ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางบุญเริง เหมขุนทด อายุ 58 ปี แม่นายบอล กล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของลูกสาวตน ซึ่งเป็นพี่สาวนายบอลที่ทำงานอยู่กรุงเทพ ปกติตนจะมาดูบ้านแค่ช่วงเช้ากับเย็น ส่วนกลางคืนนายบอลจะอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียว ตอนนี้ตนไม่รู้ว่าลูกชายหายไปไหน เพราะไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ และไม่รู้ว่าลูกมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ นายบอลไม่มีปืน จึงไม่รู้ว่าปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเป็นปืนของใคร
ทั้งนี้จากการสอบถามผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ระบุว่า นายบอล เคยติดคุกคดียาเสพติดและเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายปอนด์ (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) อายุ 18 ปี เพื่อนของนายที ผู้ตาย เล่าว่า เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.64) ช่วงเย็นตน นายที นายบอลและเพื่อน ๆ รวม 5 คน ได้ออกไปขี่รถจักรยานยนต์เล่นละแวกหมู่บ้าน จากนั้นได้ขับกลับเข้ามาที่บ้าน โดยนายทีเข้าบ้านไปก่อนและใช้ให้นายโด้ เพื่อนอีกคนออกมาซื้อเหล้าไปให้ ตนจึงอาสาขับรถไปเป็นเพื่อน
จากนั้นตนกับโด้นำเหล้ามาให้นายที โดยนายโด้ได้นั่งดื่มเหล้ากับนายที ส่วนตนเดินไปนั่งคุยเล่นบ้านนายบอล ซึ่งมีเพื่อน ๆ นั่งอยู่ประมาณ 7-8 คน ก่อนที่เวลาประมาณ 18.00 น. ตนจะไปชวนนายโด้กลับไปที่บ้านตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านนายบอลประมาณ 2 กิโลเมตร ทำให้นายที นั่งดื่มเหล้าคนเดียว
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 21.00 น. ตนกลับมาที่บ้านนายที พร้อมนายโด้ พบว่านายที นั่งเสียชีวิตอยู่ในบ้าน มือข้างขวาถือปืนอยู่ด้วย ด้วยความตกใจ ตนจึงโทรศัพท์หานายโหม่ง เพื่อนอีกคน แต่นายโหม่ง ไม่รับโทรศัพท์ ตนกับนายโด้จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บ้านนายโหม่ง พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง นายโหม่ง จึงเข้าไปที่เกิดเหตุพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ ส่วนตนกับนายโด้ได้เดินทางกลับบ้าน ไม่เข้าไปที่เกิดเหตุ เพราะกลัวภาพติดตา ก่อนที่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตนไปสอบปากคำ
นายปอนด์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นในการตายของนายที ส่วนนายทียิงตัวตายเองหรือไม่ ตนก็ไม่มั่นใจ เพราะการจับปืนในมือนายที มีความผิดปกติที่จับเฉพาะปลายด้ามปืน นิ้วไม่ได้อยู่ที่ไกปืน โดยเมื่อตนกลับเข้าไปหลังเกิดเหตุก็พบว่านายบอล และเพื่อนที่อยู่บ้านนายบอลหายตัวไปหมดแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเห็นว่านายบอลกับนายที จะมีปัญหาความขัดแย้งกัน ส่วนนายที ตนเคยเห็นว่าพกปืน และเจ้าตัวก็เคยบ่นน้อยใจ อยากฆ่าตัวตายเพราะขาดความอบอุ่น ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสงัด น้อยบังทิตย์ อายุ 79 ปี ยายของนายโหม่ง เพื่อนผู้ตาย โดยนางสงัด กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.64) นายปอนด์ และนายโด้ มาหาหลานชายตนที่บ้าน พร้อมบอกหลานชายว่านายทียิงตัวตายแล้ว หลานชายตนจึงรีบออกไปดูที่เกิดเหตุพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ โดยก่อนจะออกมาหลานชายได้หยิบปืนที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกมาด้วย
จากนั้นหลานได้กลับมานอนที่บ้านตามปกติ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตามและนำไปสอบสวน โดยหลานชายได้ นำปืนที่เก็บมาจากที่เกิดเหตุส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนคิดว่าหลานไม่ได้รู้เรื่อง แต่หยิบปืนออกมาเพราะมีอาการหลอนยาเท่านั้น ที่ผ่านมาหลานชายกับนายที ผู้ตาย เป็นเพื่อนรักกัน หลานรักนายทีมาก ไม่มีทางทำร้ายเพื่อนอย่างแน่นอน แต่นายทีเป็นคนที่ชอบพกปืน และมีอาการคลั่งบ่อยครั้ง จึงเชื่อว่าอีกฝ่ายอาจจะฆ่าตัวตาย
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายมิว (นามสมมุติ) ญาตินายที ผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อ 2 วันก่อนเกิดเหตุตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากละแวกบ้านนายที ก่อนที่นายทีจะวิ่งหนีหลบเข้าไปในป่ากล้วยละแวกบ้าน เมื่อสถานการณ์เริ่มสงบ เจ้าตัวก็เดินกลับบ้าน จึงเชื่อว่านายทีน่าจะเคยถูกไล่ยิงแล้ว 1 ครั้ง
ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตนทราบจากแม่ว่ามีเสียงปืนดังช่วง 21.00 น. ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุฆาตกรรมมากกว่าฆ่าตัวตาย เพราะนายทีเคยถูกไล่ยิง แต่ไม่รู้ว่ามีปัญหากับใคร โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นเห็นกลุ่มวัยรุ่น 8-9 คน มานั่งเล่นที่บ้านนายทีผู้ตายอีกด้วย
