กรณีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก "ทนายคลายทุกข์" ให้หัวข้อว่า "12/2/64 วิเคราะห์ข่าวเด่นคดีดังและการเมือง" โดยมีช่วงหนึ่งที่ทนายเดชา ได้แจ้งข่าวว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่อ
ล่าสุดวันที่ 13 ก.พ.64 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ได้ออกมาไลฟ์สด ระบุข้อความว่า "วิเคราะห์การเมืองข่าวเด่น13/2/64" โดยช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงคดีชมพู่ว่า ตนมีสายข่าวที่ยืนยันว่าหมายจับมีอย่างแน่นอน จะออกมาเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าตำรวจจะตั้งข้อหาอะไร เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐาน และไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวลแน่ และตนก็มั่นใจว่าจะต้องมีคนถูกดำเนินคดี
กรณีที่ทนายรัชพล ออกมาโต้กระแสว่าจะไม่มีหมายจับในเร็ว ๆ นี้ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ให้ข้อมูลว่า ตนไม่ขอออกความคิดเห็นอะไร ซึ่งตนคิดว่าหากจะมีการออกหมายจับจริง ๆ ตนก็จะรอฟังตำรวจเป็นคนพูดเรื่องหมายจับ เพราะที่ผ่านมามีข่าวลือเกี่ยวกับหมายจับมาตลอด ซึ่งตนไม่เคยท้อที่จะรอความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ในวันที่เกิดเหตุนั้น ตนจำไม่ได้ว่าลุงพลแต่งกายอย่างไร แต่จำได้ว่าใส่เสื้อแขนยาว จำได้ไม่ชัดเจน จำสีไม่ได้
ส่วนกรณีการเสียชีวีตของน้องชมพู่ บนเขาภูเหล็กไฟ ซึ่งในวันที่พบศพ ตรงกับวันที่ 14 พ.ค.63 เวลา 19.00 น. มีญาติของน้องชมพู่ ชาวบ้านกกกอก-กกตูม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และสื่อมวลชนประมาณ 3 สำนัก ขึ้นไปยังจบพบศพ จึงได้เรียกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูนจ์ข้อสงสัยเกี่ยวกับเส้นผม และดีเอ็นเอต่าง ๆ ละแวกใกล้เคียงกับศพน้องชมพู่นั้น
เวลา 11.30 น. ที่สภ.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ชุดพิสูจน์หลักฐานในคดีน้องชมพู่ ได้เชิญตัว นายอานนท์ จงจรูญ ช่างภาพทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เข้าตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจากสืบทราบว่า เป็นทีมข่าวที่ขึ้นไปติดตามทำข่าววันดังกล่าว โดยต้องตรวจให้ครบทุกคน เพราะก่อนหน้านี้มีการตรวจไปแล้วกว่า 20 คน
โดยการตรวจดีเอ็นเอครั้งนี้ ได้นำเส้นผม 1 กระจุก ซึ่งเส้นผมต้องมีรากผมติดไปด้วย รวมแล้วประมาณกว่า 10 เส้น และยังมีการตรวจกระพุงแก้ม หลังจากเก็บรวบรวมแล้วจะนำส่งตรวจที่พิสูจน์หลักฐานกลาง ก่อนที่จะนำผลไปประกอบในสำนวนคดี เพื่อคลายข้อสงสัยในทุกประเด็น
ด้านสารวัตรใหญ่ สภ.กกตูม ให้ข้อมูลว่า การตรวจดีเอ็นเอครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนขอการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดี ที่ขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟในวันพบศพ จะต้องถูกตรวจดีเอ็นเอทุกคน เพราะเนื่องจากจะได้นำไปเทียบเคียงกับผลดีเอ็นเอบางส่วนที่พบ และคลายความสงสัยทั้งหมด ซึ่งการเรียกตรวจครั้งนี้ก็เพื่อให้ข้อมูลด้านนิติวิทยาศาสตร์มีความสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่มีจุดใดจุดหนึ่งต้องเป็นที่สงสัยของสังคม
ไทม์ไลน์ลุงพล วันที่ 11 พ.ค.63 ตามคำให้การของพยาน เวลา 07.23-08.20 น. ลุงพลอยูที่นาของนายก่อง กระทั่งเวลา 08.20-09.00 น. ลุงพลไปสวนยางกับแม่ชมพู่ และป้าแต๋น จากนั้นออกจากสวนยางกลับบ้าน และไปวัดภูผาแอก ที่ห่างจากบ้าน ประมาณ 2 กม.
สำหรับการเก็บหลักฐานของลุงพล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บไปเมื่อ 11 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา มีดังต่อไปนี้ 1.เสื้อหม้อห้อมภูไท 1 ตัว 2.กางเกงยีน 1 ตัว 3.รองเท้าบูท 1 คู่ 4.รองเท้าหุ้มส้นใส่เดินเขา 1 คู่ 5.กางเกงกีฬา สีขาว 1 ตัว และ 6.กางเกงกีฬาสีดำ 1 ตัว
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางนลิน เงินนาม หรือ ป้าถอน กล่าวว่า สำหรับการแต่งกายของลุงพลในวันที่ 11 พ.ค.63 เท่าที่จำได้ ลุงพลสวมใส่ชุดเดิมที่ไปส่งพระ ไม่ได้มีการเปลี่ยนชุด โดยสวมใส่เสื้อม่อฮ่อม กางเกงวอร์มสีขาว แต่จำรายละเอียดเกี่ยวกับรองเท้าไม่ได้ ที่สำคัญในวันดังกล่าวลุงพลไม่ได้สวมใส่หมวก และเมื่อเทียบเคียงกับภาพที่ทีมข่าวเอามาให้ดู เกี่ยวกับบุคคลที่ขึ้นไปค้นหาน้องชมพู่บนเขา บริเวณช่วงห้วยบุ่ง ทั้ง 2 ภาพไม่มีภาพใกล้เคียงกับลุงพล หรือลักษณะคล้ายการแต่งกายของลุงพลแต่อย่างใด
ขณะที่นายก่อง บอกว่า วันที่ 11 ก.พ.63 เวลา 07.23 น. พบลุงพลในที่นาของตัวเอง จำได้ว่าลุงพลใส่เสื้อแขวยาว แต่จำสีไม่ได้
ด้านพ่อแบม บอกว่า วันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 09.20 น. ตนพบลุงพลที่สวนยางนายฮงจริง แต่ทว่าตนจดจำการแต่งกายของลุงพล ไม่ได้แล้ว เพราะเวลาผ่านมานานมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่บ้านลุงพลในช่วงกลางวันค่อนข้างเงียบเหงา เพราะลุงพลกับป้าแต๋น และลูกชายทั้ง 2 คน ได้เดินทางไปร่วมงานแต่งของยูทูเบอร์คนหนึ่ง ที่ จ.ลำพูน ก่อนที่ลุงพลจะขึ้นไปบนเวที โชว์ลูกคอร้องเพลงที่พระพลเป็นผู้แต่ง ขณะเดียวกันหน้าบ้านลุงพลก็มียูทูเบอร์เดินไลฟ์สดอยู่ตลอดเวลา ส่วนบริเวณพญานาค ก็ไม่มีคนมากราบสักการะเหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางคืนก็เป็นไปอย่างเงียบเหงาเช่นกัน