กรณีนายนริน เชื้อคมตา ขึ้นศาลฟังคำพิพากษาในคดีอนาจารเด็ก ซึ่งเป็นหลานสาว กระทั้งศาลได้พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานชัดเจนนั้น
ล่าสุดวันที่ 11 ก.พ. 64 ทีมข่าวไปพูดคุยกับนายนริน เชื้อคมตา ชาวบ้านกกกอก ได้พาทีมข่าวไปดูห้องน้ำข้างบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าตัวจะผูกคอตาย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินทางไปศาลจังหวัดมุกดาหาร
นายนริน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินทางไปขึ้นศาล ตนรู้สึกท้อแท้อย่างมาก คิดจะฆ่าตัวตาย จึงได้ไปนั่งร้องไห้ที่หน้าห้องน้ำและแกะเชือกจากเปล ตั้งใจว่าจะแขวนคอตายที่หน้าห้องน้ำ เพื่อหนีปัญหา เพราะรู้สึกท้อแท้ ซึ่งตนคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้ว
แต่พอมาถึงวันที่ศาลพิพากษาก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าตนไม่มีเงิน ไม่มีรถที่จะไปศาลด้วยซ้ำ จึงคิดสั้นจะผูกคอตาย แต่โชคดีที่เมียผ่านมาเห็น และห้ามปรามก่อน จึงรอดมาได้ เพราะถ้าตนฆ่าตัวตายแล้วมารู้ทีหลังว่าศาลจะยกฟ้อง ตนก็คงเสียใจในภายหลัง
สำหรับวันนี้ ตนได้ความยุติธรรมกลับคืนมาแล้ว ตนก็รู้สึกภูมิใจ และขอขอบคุณศาล ขอบคุณทนายที่ช่วยตน และแม้จะมีการอุทธรณ์ตนก็ไม่กลัวเพราะตนไม่ได้ทำ และไม่มีหลักฐานว่าตนทำผิด
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียความรู้สึกกับนายอ๊อดมาก เพราะเขาเป็นพี่ของตนแท้ ๆ ครอบครัวตนเคยช่วยเหลือมาตลอด แต่กลับมากล่าวหาตนและคิดว่าตนทำร้ายลูกของเขา ซึ่งตนรับไม่ได้เลย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางชนาภา เชื้อคมตา ภรรยานายนริน เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการยกฟ้องสามี ตนก็รู้สึกโล่งอก เพราะที่ผ่านมาตนรู้สึกว่าครอบครัวถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด ตนก็รู้สึกงงว่าน้องเอ มีอาการบาดเจ็บตั้งหลายเดือนก่อน แต่ทำไมถึงเพิ่งจะมาแจ้งความจับในช่วงที่มีคดีน้องชมพู่
สำหรับสามีนั้น หลังจากที่ศาลยกฟ้อง เขาก็มีอาการดีขึ้นมาก ๆ ผิดกับตอนเช้าที่เขามีอาการซึมเศร้าจนเกือบจะผูกคอตาย และถ้าตนไม่ไปเจอก่อน เขาก็คงจะผูกคอตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ก็ขอคิดดูก่อน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความผู้ดูแลคดี เปิดเผยว่า ในตอนแรกที่ไปขึ้นศาล ยอมรับว่าตนมีความเครียดแทนนายนริน เพราะเด็ก 5 ขวบ เป็นผู้ให้ปากคำกล่าวหานายนริน และคำพูดเด็กค่อนข้างมีน้ำหนักบนชั้นศาล แต่ศาลได้พิจารณาแล้วและมีหลักฐานหลายอย่างที่ไปไม่ถึงตัวนายนริน ซึ่งหลังจากที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ตนก็ค่อนข้างดีใจ เพราะศาลให้ความยุติธรรมกับลูกความของตนมาก ๆ ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องดูดุลยพินิจของพนักงานอัยการว่าส่งยื่นอุทธรณ์หรือไม่
สำหรับการสอบสวนในครั้งนี้ ก็มีข้อสงสัยหลายอย่าง เพราะมีการให้เด็กชี้ตัว แต่หลักของการชี้ตัวนั้น ผู้ชี้จะต้องไม่รู้จักกับคนร้ายมาก่อน แต่กรณีนี้เด็กรู้จักกับนายนรินอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะชี้นายนริน ซึ่งไม่มีหลักฐานชัดเจนว่านายนรินเป็นผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตาม นายนรินมีความเครียดมาก ๆ ซึ่งเมื่อตอนเช้าก่อนที่ไปขึ้นศาล นายนรินก็เกือบผูกคอตายที่บ้าน แต่โชคดีที่ภรรยานายนรินมาเจอก่อน