สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้เพิ่มโทษจำคุก "เบนซ์ เรซซิ่ง" จำเลยที่ 1 ในข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ให้จำคุกตลอดชีวิต และความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน จำคุกอีก 5 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ได้รับการลดโทษ คงเหลือจำคุกรวมเป็นเวลา 36 ปี 8 เดือน และปรับเงินกว่า 3.3. ล้านบาท, ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 พิพากษาจำคุกคนละ 22 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 4 แสนบาท
โดยเบนซ์ได้พูดคุยกับแม่ก่อนถูกคุมตัวไปว่า "โทษสูงขนาดนี้คงไม่ได้ประกันตัว ไม่เป็นไร ยังเหลือสู้อีกหนึ่งศาล"
วันที่ 11 ก.พ. 64 เวลา 16.50 น. เจ้าหน้าศาลได้นำตัว นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ลงมาทำการถอด อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือ กำไล EM บริเวณชั้นล่างของศาล
เวลา 18.05 น. เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ได้คุมตัวนายอัครกิตติ์ ขึ้นรถคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คลองเปรม โดยที่ "เบนซ์ เรซซิ่ง" ได้สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ ซึ่งช่วงที่เดินขึ้นรถเรือนจำนั้น มีสีหน้าที่นิ่งเฉย พร้อมหันหน้ามาทางด้านสื่อมวลชน แต่ไม่ได้มีการพูดคุยแต่อย่างใด ไม่ได้มีการพูดคุยหรือหันหน้าไปทักทายกับคุณแม่ที่ยืนรอส่งอยู่ ขณะที่คุณแม่เองก็มีสีหน้าที่โศกเศร้า
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ร้าน Area 51 ซึ่งเป็นร้านแต่งรถของ เบนซ์ เรซซิ่ง ตั้งอยู่ในแมนชั่น ซอยอินทามระ 51 ซึ่งทีมข่าวพบว่าในส่วนของแมนชั่นที่คุณแม่ของเบนซ์เป็นเจ้าของนั้น ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยเป็นแมนชั่นตึกสีส้ม มี 6 ชั้นแบ่งออกเป็นห้องเช่ากว่า 100 ห้อง
ขณะที่ ร้าน Area 51 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ทางเบนซ์ เรซซิ่ง เปิดเป็นร้านแต่งรถ จนนำไปสู่ความเชื่อมโยงเกี่ยวกับคดีฟอกเงินนั้น ตอนที่ทีมข่าวไปถึงพลว่าร้านดังกล่าวอยู่ใต้ตึกของแมนชั่น บริเวณด้านในสุดประมาณ 4 คูหา เป็นห้องกระจกทึบ โดยสอบถามคนที่ดูแลหอ ทราบว่าร้านดังกล่าวปิดให้บริการมานานกว่า 1 ปีกว่าตั้งแต่ช่วงที่มีเรื่องราว
