เค้นสอบคู่ขา 3 วันยังปัดยิงหัวคนรักในป่า พยานชี้นั่งโฮไม่ดูศพ อดีตเคยตบฟันร่วง (คลิป)

จากกรณีวันที่ 30 ม.ค. 64 ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา รับเเจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต บริเวณป่าละเมาะ ริมถนนตัดใหม่ทางหลวง 290 ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

พบศพนายสิรภพ ชิตทอง อายุ 37 ปี ถูกยิงเข้าที่กลางหน้าผาก 1 นัด ร่างนอนคว่ำเสียชีวิตอยู่กับพื้นดิน ใกล้กันพบอาวุธปืนพกสั้น แบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก และปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ ในจุดเกิดเหตุยังพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีขาว 4 ประตู จอดอยู่ พบนายอุดมศักดิ์ กว้างพิมาย อายุ 36 ปี เเฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต นั่งอยู่ท้ายกระบะรถด้วยอาการตื่นตกใจ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวสอบปากคำและยังให้การวกวน

ความคืบหน้าทางคดี ล่าสุดวันที่ 1 ก.พ. 64 ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ยังคงเค้นสอบปากคำนายอุดมศักดิ์อย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 3 ทีมข่าวสอบถามไปยัง พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เรียกสอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วทั้งหมด 5 ปาก ซึ่งเป็นพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยทุกคนให้การเป็นประโยชน์

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุบนถนนทางหลวงสาย 290 เป็นถนนตัดใหม่ ต.ชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พบว่าจุดที่พบศพนายสิรภพลักษณะเป็นป่า อยู่ห่างจากถนนออกไปประมาณ 50 เมตร

โดยจุดที่พบศพวันนี้มีเครื่องเซ่นที่ครอบครัวผู้ตายมาวางไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ และยังคงมีกองเลือดแห้งอยู่บนพื้น จากการสังเกตสภาพพื้นทางเดินเป็นดินทราย

นายบุญชู สารศิริ อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเช้า ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปวางเบ็ดดักปลาไหลใกล้จุดเกิดเหตุ บังเอิญพบศพผู้ตาย สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่พื้น มีปืนตกอยู่ข้างมือซ้าย 1 กระบอก มีปลอกกระสุน 2 ปลอก ตนตกใจมาก จังหวะนั้นสังเกตเห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร รีบไปเคาะกระจกขอความช่วยเหลือ พบผู้ชาย 1 คน คือนายอุดมศักดิ์ นั่งอยู่ที่เบาะคนขับ ซึ่งนายอุดมศักดิ์ก็ได้เปิดประตูลงจากรถเเล้วร้องไห้ ก่อนโทรบอกญาติ

จากนั้น ตนได้พานายอุดมศักดิ์ไปดูศพ ขณะนั้นนายอุดมศักดิ์พูดจาไม่รู้เรื่อง ร้องไห้ตลอดเวลา ก่อนที่ตนจะวิ่งออกไปโบกรถบรรทุกที่ขับผ่าน เพื่อจะขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครจอด จนกระทั่งตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าตนเองไม่เคยรู้จักกับผู้ตาย หรือนายอุดมศักดิ์ และไม่เคยเห็นทั้งคู่มาก่อน ตนเองมั่นใจว่าการเสียชีวิตเป็นการฆาตกรรมอย่างเเน่นอน สงสัยว่านายอุดมศักดิ์คือผู้ก่อเหตุหรือไม่ เนื่องจากจับพิรุธได้

โดยตอนที่ตนไปบอกนายอุดมศักดิ์ว่ามีคนตาย ยังไม่ทันได้บอกว่าผู้ตายเป็นใคร แต่นายอุดมศักดิ์ก็ร้องไห้เเล้วโทรบอกญาติ ทั้งที่ยังไม่เห็นศพด้วยซ้ำ ทั้งนี้ นายอุดมศักดิ์บอกว่าออกมาตามหาผู้ตายตั้งแต่ตี 3 แต่ในที่เกิดเหตุมีเพียงรถของนายอุดมศักดิ์เพียงคันเดียว  หมายความว่าทั้งคู่ต้องมาด้วยกันตั้งเเต่เเรก อีกทั้งการพบปลอกกระสุน 2 ปลอกอยู่ข้างปืน หากเป็นการยิงตัวตายต้องพบแค่ปลอกเดียว และในที่เกิดเหตุพบนายอุดมศักดิ์เพียงคนเดียว ไม่มีใครผ่านมาเลย

น.ส.มุนินทรา เพ็งด้วง ลูกพี่ลูกน้องของผู้ตาย บอกว่า ตนยังคงกังวลและคาใจว่านายอุดมศักดิ์เป็นคนลงมือทำหรือไม่ และอยากให้ตำรวจรีบสรุปสำนวนคดีนี้โดยเร็ว เพราะตอนนี้คนตายก็ไม่สามารถจะลุกขึ้นมาชี้แจงข้อเท็จจริงได้แล้ว

ตนยืนยันว่าทางครอบครัวรู้ว่านายอุดมศักดิ์เป็นคนอารมณ์ร้อน เนื่องจากวันที่ 11 ต.ค. 63 น้องชายพามางานเลี้ยงวันเกิดพ่อของตัวเองที่บ้าน ซึ่งระหว่างที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิด น้องชายก็ยังวิดีโอคอลคุยกับแฟนที่อยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายอุดมศักดิ์นั่งอยู่ด้วย ก่อนที่สักพักน้องชายจะขอตัวกลับไปส่งนายอุดมศักดิ์ และเดี๋ยวจะกลับมากินเลี้ยงงานวันเกิดอีกครั้ง แต่ตัวเองเห็นว่าหายไปนานจนผิดสังเกต ก่อนที่จะมารู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน และนายอุดมศักดิ์ตบหน้าน้องชายของตัวเองจนฟันหลุด 1 ซี่

ส่วนเรื่องที่ครอบครัวของนายอุดมศักดิ์บอกว่าน้องชายของตัวเองเคยกินยาประชดหวังฆ่าตัวตาย เนื่องจากน้อยใจนายอุดมศักดิ์ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่ที่น้องชายกินยานอนหลับจริง เนื่องจากมีความเครียดเรื่องนกกระจอกเทศที่ไม่สามารถนำส่งลูกค้าได้ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 แต่กินไป 2 เม็ด ก็ยังนอนไม่หลับ จึงกินเหล้าไปอีก 1 ขวด เพื่อหวังจะให้หลับ และกินยาตามไปอีก 3 เม็ด ทำให้ยาและแอลกอฮอล์ทำปฏิกิริยาต่อต้านกัน จนมีอาการแน่นหน้าอก จึงได้พยายามกินน้ำตามไปอีก 1 ขวดใหญ่ จนอาการค่อยค่อยดีขึ้น ฤทธิ์ยาเบาลง และไม่ได้ไปโรงพยาบาล