สาวโวยตำรวจไล่จับถีบรถคว่ำกะโหลกเปิด ผู้กำกับปัดตั้งด่านแจงเรียกตรวจแต่ซิ่งหลบ (คลิป)

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพหญิงได้รับบาดเจ็บกะโหลกเปิด พร้อมระบุว่า ตำรวจตั้งด่านในซอยพร้อมถีบรถผู้บาดเจ็บจนล้มกะโหลกเปิด อ้างว่าขับเร็วไม่ยอมหยุดทำให้บาดเจ็บสาหัส ผู้บาดเจ็บคือนางสาววัลภา ทรัพย์กลิ่น อายุ 36 ปี

ส่วนสภาพของรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายมีรอยที่บริเวณท้ายรถถลอก บังโคลนรถและรอบตัวรถมีสีถลอก เบาะรถขาดเป็นรอยเล็กน้อย 

วันที่ 28 ม.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซอยตากสิน 19 กรุงเทพฯ ซึ่งมีรอยเลือดอยู่บนถนน ด้านข้างวัดสุทธาราม นายหนึ่ง (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.45 น. ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์ โดยมีภรรยาซ้อนท้ายไปถึงที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 นาย ยืนดักเรียกรถอยู่ในความมืด โดยไม่มีไฟส่องสว่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่เรียกตรวจรถตน ตนจึงจอดรถให้ตรวจตามปกติ

ระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์อีกคันที่ขับตามหลังตน ก็จอดเช่นเดียวกัน แต่สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์อีกคัน ซึ่งมีผู้ชายขับและผู้หญิงซ้อนมาด้วยความเร็ว ไม่ได้หยุดให้ตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปถีบจนรถล้มลง ทั้งคนขับคนซ้อนล้มกลิ้งลงไปบนถนน

โดยผู้หญิงคนซ้อนล้มศีรษะกระแทกกับกำแพงวัดนอนแน่นิ่ง ส่วนผู้ชายยังลุกขึ้นมาได้ ตนจึงตะโกนถามตำรวจว่า "ทำแบบนี้ได้อย่างไร" เพราะสงสารทั้ง 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตรวจรถตนก็หันมาบอกว่าให้ไปได้ พร้อมกับไล่ให้ออกจากพื้นที่ไปโดยเร็ว ตนจึงขับรถออกมา เมื่อกลับมาถึงบ้านทราบว่ารถที่ล้ม คนซ้อนท้ายคือหลานสาวตน ตนตกใจมาก วนกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวคนเจ็บทั้ง 2 คนไปโรงพยาบาลแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทั้งตั้งด่านในซอยมืด และถีบรถประชาชน โดยตนเข้าใจว่าหลานไม่ตั้งใจหลบหนี แต่ไม่รู้ว่ามีด่านตรวจจึงหยุดรถไม่ทัน

ด้านนางรังสิยา แซ่ลิ้ม อายุ 59 ปี แม่ของนางสาววัลภา ทรัพย์กลิ่น อายุ 36 ปี ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวออกจากบ้านไปในเวลาประมาณ 02.45 น. ออกจากบ้านไปคนเดียวเพื่อซื้อดอกไม้มาไหว้พระวันนี้ หลังจากนั้นประมาณ 5-10 นาที มีชาวบ้านโทรศัพท์มาบอกว่าลูกสาวรถล้มขาหัก ตนจึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุพบว่าลูกสาวขาขวาหัก กู้ภัยกำลังดามขา และมีแผลเปิดที่บริเวณศีรษะ

ขณะนั้นลูกสาวยังพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ ส่วนผู้ชายซึ่งเป็นคนขับรถ ตนไม่รู้จัก และไม่เห็นในที่เกิดเหตุ โดยที่เกิดเหตุเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ แต่ไม่มีใครมาอธิบายรายละเอียด กระทั่งวันนี้เข้าไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอใบแจ้งความมายื่นกับโรงพยาบาลเพื่อให้รักษาตามสิทธิ์ ตนก็ยังไม่รู้รายละเอียด แต่ทราบว่าทางผู้กำกับ สน.สำเหร่ ระบุว่าจะมีการเยียวยา ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่ามีการถีบรถจริงหรือไม่ เพราะยังไม่เจอตำรวจชุดสายตรวจในที่เกิดเหตุ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องที่รถของลูกตนค่อนข้างเร็วนั้นตนไม่ทราบ แต่ยืนยันลูกสาวไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดกฎหมาย

ทีมข่าวตรวจสอบพบกล้องวงจรปิด บันทึกภาพขณะรถจักรยานยนต์ 2 คันหยุดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น แต่มีแสงของรถจักรยานยนต์อีกคันที่ขับมา ก่อนตำรวจรายหนึ่งจะวิ่งตามไป เป็นช่วงที่รถล้ม แต่ไม่เห็นขณะที่มีการถีบรถประชาชนหรือไม่

พ.ต.อ.ฉัฐกิตติ์ ผดุงจันทน์ธนัย ผกก.สน.สำเหร่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ เวลา 02.45 น. ชุดสายตรวจ 1 สายจำนวน 2 นายได้เข้าไปตรวจตราบริเวณที่เปลี่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามและร้อยเวรที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้ยินวิทยุทราบว่าสายตรวจอยู่บริเวณดังกล่าวจึงเข้าไป ว.4 สัมพันธ์ หรือพูดคุยรายละเอียดกัน ระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์จำนวน 3 คันขับผ่านมา เจ้าหน้าที่สายตรวจจึงเรียกตรวจ โดยรถ 2 คันหยุดตรวจ แต่อีก 1 คันขับด้วยความเร็วไม่หยุดให้ตรวจ เจ้าหน้าที่จึงทำการหยุดรถแล้วจึงเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องการหยุดรถอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การตั้งด่านตรวจ เป็นการตรวจตราความเรียบร้อยตามซอยเปลี่ยว ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีรถจักรยานยนต์ขับผ่านมาในเวลากลางดึก จึงต้องการเรียกเพื่อสอบถามเท่านั้น โดยปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจะมีเสื้อสะท้อนแสง และไฟฉายส่องสว่าง ผู้ที่ขับรถผ่านจะต้องมองเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ด้านหน้า ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นชายและหญิง ตนในฐานะหัวหน้าสถานีตำรวจได้เข้าไปเยี่ยมอาการมาแล้ว แต่ยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียด ทั้งนี้ ก็ได้พูดคุยกับญาติของผู้บาดเจ็บแล้ว และจะมีการดูแลเยียวยาต่อไป