พ่อค้าดัดหลังพวกเก็บลิขสิทธิ์เก๊ ให้ห้างตั้งทีมกฎหมายสู้ แก๊งห้าวจ๋อยวงแตก (คลิป)

19 พ.ค. 61
จากกรณีที่เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 พ.ค.) ได้มีการแชร์คลิปวีดีโอผ่านโลกโซเชียล โดยเป็นคลิปวีดีโอชายคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้มาจับของละเมิดลิขสิทธิ์ โดยไม่มีป้ายหรือบัตรแสดงตัว ทำให้เกิดการโต้เถียงกับเจ้าของร้านค้าภายในห้างแห่งหนึ่งอย่างรุนแรง จนกระทั่งชายคนดังกล่าว ได้ท้าทายให้เจ้าของร้านไปแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านปทุมวัน เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งร้านในคลิปดังกล่าวได้ไม่ได้ขายอยู่ที่ห้างฯ แห่งนี้แล้ว โดยนายมั่น (นามสมมติ) พ่อค้าในร้านค้าใกล้เคียง เปิดเผยว่า คลิปวีดีดังกล่าวเป็นคลิปเก่า โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่ห้างฯ กำลังปรับปรุง ตนเองก็เคยเจอบุคคลที่แอบอ้างว่ามาจับลิขสิทธิ์ ในแบบเดียวกัน ในแต่ละครั้งจะมีกลุ่มคนประมาณ 5 คน เดินเข้ามาที่ร้านและบอกว่าจะมาจับลิขสิทธิ์ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของสิทธิ์ แต่มีเพียงสำเนาใบแจ้งความ และสำเนาเอกสาร 2-3 ใบ แล้วมาชี้สินค้าในร้านตนว่าชิ้นไหนผิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผู้แอบอ้างก็มักจะพยายามที่จะให้เจ้าของร้านค้าไปโรงพักเพื่อจ่ายค่าเสียหาย ตนมั่นใจว่าของที่นำมาขายไม่ผิดลิขสิทธิ์ จึงไม่ยอมไปด้วยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งตนคิดว่ากลุ่มคนดังกล่าวไม่ใช่เจ้าหน้าที่จริง เพราะหากเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริงน่าจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่มาข่มขู่เพื่อให้กลัว หรือท้าให้ไปโรงพัก
นายมั่น (นามสมมติ) เจ้าของร้านค้าในห้างฯ
เมื่อ 2-3 ปีก่อน มักเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากปรับปรุงห้างฯ ก็ได้มีการจัดตั้งฝ่ายกฎหมายขึ้นมา ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ฝ่ายกฎหมายก็จะลงมาดูว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเจ้าของสิทธิ์จริง จะมีการแจ้งไปทางฝ่ายกฎหมายของทางห้างฯ ก่อนจะลงมาตรวจที่ร้านค้า จึงทำให้ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ด้าน พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์สินค้าปลอม จะต้องมีผู้เสียหาย คือเจ้าของลิขสิทธิ์มาแจ้งความก่อน โดยจะต้องมีการพิสูจน์หลักฐานว่าผู้มาร้องเรียนนั้นเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง จากนั้นจึงจะมีการขอเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธ์ ซึ่งเจ้าของลิขสิทธ์จะต้องมาชี้ตัวด้วยว่าสินค้าดังกล่าวละเมิดลิขสิทธิ์จริง ทั้งนี้ พ.ต.อ.ภพธร ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เพราะหากเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบลิขสิทธิ์เองโดยที่ยังไม่มีผู้มาร้องทุกข์ จะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยพลการ ซึ่งผิดโทษทางวินัย ทั้งนี้ หากชายที่มาแอบอ้างมีพฤติกรรมข่มขู่หรือกรรโชกทรัพย์ จะต้องให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความที่สถานีตำรวจก่อน จึงจะมีการดำเนินการตรวจสอบต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ