เมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 นายไชย์พล วิภา เปิดเผยว่า กรณีเครื่องเซ่นไหว้นั้น ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ขึ้นไปบนเขา แต่ทราบว่าเป็นนางรำที่หน้าบ้านของตน ซึ่งเขาก็ได้มาบอกกับตนแล้ว เอาไปไหว้เพราะว่าเขาได้ลาภตามประสงค์ (ถูกหวย) จึงได้นำของไปถวาย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ประสานข้อมูลจากตำรวจภูธรมุกดาหาร หลังจัดส่งชุดสืบสวนและป่าไม้ ลงพื้นที่ขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ ซึ่งตำรวจได้ขึ้นไปเพื่อเก็บของเซ่นไหว้ ด้านบนภูเขา จุดที่พบศพน้องชมพู่
โดยจะนำไปตรวจอย่างละเอียด เกี่ยวกับที่มาของเครื่องเซ่นดังกล่าว เพื่อเชื่อมโยงตัวบุคคล เผื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ และทราบข้อมูลว่าในวันที่ 25 ม.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมที่จะเรียกคนในครอบครัวบางส่วน ไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับของเซ่นไหว้ดังกล่าว แต่ยังไม่ระบุบุคคล สถานที่ และเวลา
ขณะเดียวกันตำรวจยังได้มีการเก็บของเซ่นไหว้ เพื่อตรวจสอบรอยนิ้วมือหาบุคคลที่นำไปวางเอาไว้ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลในคดี
สำหรับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกล่องนมบนภูเหล็กไฟ ได้แก่ ตาชาญ นางสมควร น้าฝน น้าแต และลุงพล
ทีมข่าวจึงได้ย้อนกลับไปสอบถามกลุ่มนางรำ ที่ได้มีการให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ที่เป็นคนถูกหวยกว่าครึ่งแสน แล้วมีการซื้อสิ่งของที่น้องชมพู่ชอบไปถวายที่โกศกระดูก แต่อ้างว่าไม่ได้ขึ้นไปบริเวณเขาภูเหล็กไฟ
น.ส.สุจิตรา เชื้อคนแข็ง ชาวบ้านกกตูม กลุ่มแก้บน เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวกลุ่มของตนได้ไปปฎิบัติธรรมที่วัด จากนั้นนางพิมพ์ประภา กลึ่มนางรำได้ฝันช่วงกลางคืน กระทั่งมีการตีเป็นตัวเลข แล้วถูกหวย ทำให้คิดว่าการถูกหวยครั้งนี้ได้รับโชคจากน้องชมพู่ จึงได้มีการไปแก้บน แต่ของส่วนใหญ่ที่นำไปแก้บนนั้น นางพิมพ์ประภา ได้มีการซื้อและเตรียมมาจากบ้านใน จ.สกลนคร และได้ติดตามข่าวน้องชมพู่มาตั้งแต่ต้น จึงรู้ว่าน้องชอบนมเปรี้ยว ก็เลยได้เลือกซื้อและนำมาเซ่นไหว้ บริเวณโกศกระดูด แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการขึ้นไปที่เขาภูเหล็กไฟ เพื่อนำของเซ่นไหว้ไปวางเอาไว้ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
แต่กรณีที่ลุงพลออกมาเปิดเผยว่าเป็นกลุ่มของตนที่นำของเซ่นไหว้ขึ้นไปไว้บนภูเหล็กไฟนั้น อาจเกิดจากความเข้าใจผิดของลุงพล ความจริงไม่ใช่กลุ่มของตน ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นชาวบ้านที่ไปหาของป่าก็ได้ หรืออาจมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นคนในครอบครัวน้องชมพู่ ขณะที่ตัวของลุงพล และป้าแต๋น ตนยืนยันว่าไม่ได้ขึ้นไปนำของเซ่นไหว้ไปวาง เพราะส่วนใหญ่ลุงพลค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลาที่จะขึ้นไป ประกอบกับตนได้มาตั้งร้านอยู่หน้าบ้านลุงพล พบเห็นความเคลื่อนไหวตลอด
น.ส.สุจิตรา ยังเผยอีกว่า ตนตั้งใจที่จะเดินทางมาอาศัยอยู่หน้าบ้านลุงพล โดยทำอาชีพขายพวงมาลัยดอกไม้ ให้กับผู้ที่ศรัทธาเจ้าแม่โสรพี และปู่พญานาคปาริจิต โดยตนนอนอยู่ที่บ้าน แล้วมีองค์พญานาคปู่มุจรินทร์ มาเข้าฝัน โดยมาบอกว่าตนเป็นสายของพญานาค หรือเป็นลูกหลานของพญานาคปู่มุจรินทร์ จึงมีบัญชาให้มาเฝ้าและช่วยปฏิบัติให้กับปู่พญานาคปาริจิต ซึ่งตั้งอยู่ข้างบ้านลุงพล
โดยในความฝันยังสื่อถึงปู่พญานาคปาริจิต ถูกขอให้นำขึ้นมาจากน้ำ เพื่อมาสร้างเป็นรูปปั้นองค์ใหญ่หน้าบ้านลุงพล แล้วในความฝันองค์ปู่ยังบอกว่า จะทำให้ชาวบ้านกกกอกเจริญรุ่งเรือง ประกอบกับลุงพลก็จะมั่นคงมั่งคั่ง ดังนั้นการที่ตนตัดสินใจมาอยู่บ้านลุงพล ก็เป็นเพราะว่าเป็นลูกหลานสายของพญานาค และตั้งใจที่จะมาอยู่เพื่อช่วยเหลือลุงพล รวมถึงดูแลปู่พญานาคตามที่ได้รับบัญชา
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ ต้องการขอให้มีการรื้อถอนองค์พญานาค ส่วนตัวมองว่าพื้นที่กกกรอกทั้งหมดก็เป็นพื้นที่ป่า มีการจับจองและใช้อาศัยอยู่มานาน ซึ่งการสร้างก็ไม่ได้ต้องการให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จะเป็นการสร้างให้ชาวบ้านได้มีที่ทำมาหากิน และยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เพื่อปกปักรักษา ดังนั้นหากจะรื้อถอน ตนไม่เห็นด้วย และจะไม่ให้เกิดขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ตนเคารพนับถือ และตั้งใจที่จะเดินทางมาเพื่อดูแลองค์พญานาคอยู่แล้ว
