ตร.ได้หลักฐานสำคัญคดี "น้องชมพู่" เตรียมออกหมายจับคนร้ายตัวจริง

17 ม.ค. 64

ใกล้หมายจับแล้ว! หลังเครื่องจับเท็จประมวลผลจับเท็จบุคคลทั้งหมด รวมถึง ลุงพล-ป้าแต๋น และคนครอบครัว นอกจากนี้ตำรวจยังพบหลักฐานยันตัวบุคคล การทำให้ "น้องชมพู่" ตาย ขณะที่คนใกล้ตัวลุงพล พบลุงพลมีท่าทีที่เปลี่ยนไป รวมถึงพบพิรุธในการปิดบัญชีขอรับบริจาค สร้างศาลาวัดภูหลวง จังหวัดมุกดาหาร ด้วย

ความคืบหน้าคดีของน้องชมพู่ หลังจากตำรวจเชิญพ่อแม่น้องชมพู่ และครอบครัว รวมทั้ง ลุงพล ป้าแต๋น คนใกล้ชิดน้องชมพู่ มาเข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาตร์อีกส่วนหนึ่งในคดีนี้

โดยพบว่า การประมวลผลเข้าเครื่องจับเท็จใกล้เสร็จสิ้นแล้ว โดยขั้นตอนต่อไป พนักงานสอบสวนและผู้เกี่ยวข้องจะลงนามและส่งมอบเอกสารประมวลผลเข้าเครื่องจับเท็จ ส่งมอบให้กับคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ นำไปประกอบกับหลักฐานทางวิทยาสตร์อื่นๆ ที่ตรวจพบ และมอบให้กับที่ประชุมคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตรำรวจแห่งชาติ จากนั้นจะมีการพิจารณาว่าหลักฐานที่มีเพียงพอที่จะออกหมายจับบุคคลที่ก่อเหตุได้หรือไม่

ทั้งนี้ มีรายงานว่าหลักฐานที่มีนั้น เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันตัวบุคคล และพบว่าหลักฐานชิ้นนี้ไปอยู่ในเกิดเหตุ โดยบุคคลนั้นจะต้องชี้แจงให้ได้ว่า ไปอยู่จุดเกิดเหตุได้อย่างไร ซึ่งต้องรอลุ้นว่า หลักฐานต่างๆ ที่ ตร.ทำงานมากว่า 8 เดือน จะสามารถมัดตัวคนร้ายและจะสามารถปิดคดีได้ภายในสิ้นเดือนนี้ หรือไม่

ขณะที่ความเคลื่อนไหวที่บ้านกกกอก พบว่า "ลุงพล" ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนมาตลอด แต่มาถึงวันนี้ มีท่าทีเปลี่ยนไป ไม่ยอมพูดคุยกับสื่อมวลชน โดยยินยอมให้ "ยูทูบเบอร์" เกาะติดและทำหน้าที่รายงานความเคลื่อนไหว ชีวิตความเป็นอยู่ของลุงพลได้เพียงสื่อเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ลุงพลยังทำให้คนใกล้ตัว เช่น หมอปลา, อุ๊บ วิริยะ ประกาศไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับลุงพลอีกต่อไป หลังพบว่ามีการนำรูปไปร่วมเปิดบัญชีขอรับบริจาค สร้างศาลาวัดภูหลวง จังหวัดมุกดาหาร มาเผยแพร่

โดย "อุ๊บ วิริยะ" เตรียมปรึกษาทนายความเพื่อแจ้งความเอาผิดละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ระบุว่า ข้อเท็จจริงตัวเองเห็นภาพนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จึงปล่อยผ่านไป

หลังจากเกิดความขัดแย้งกันและลุงพลยังมีท่าทีที่เปลี่ยนไป จึงต้องการแจ้งความเอาผิดเพื่อเป็นบทเรียน และที่สำคัญเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นในการรับบริจาค และไม่เคยเห็นเงินจำนวนนี้

นอกจากนี้ หมอปลากับภรรยา ก็เตรียมปรึกษาทีมทนายความ เพื่อเดินหน้าตรวจสอบเครื่องดักฟังที่พบในรถลุงพล หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำ โดยต้องการให้ตำรวจดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาบุคคลที่นำเครื่องนี้มาแอบติดไว้ เพราะลุงพล ในฐานะผู้เสียหาย ไม่ยอมเข้าแจ้งความ ทำให้เรื่องนี้ยังคลุมเครือ งั้นตนเองขอแจ้งความเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ