แก๊ง “บอย” เปิดหลักฐานเสพเคนมผงก่อนช็อกดับ แม่คาใจเพื่อนหิ้วร่างทิ้งหน้าบ้าน (คลิป)

กรณีการเสียชีวิตของนายวิฑูรย์ หรือ บอย หลังจากเสพยาเคนมผง โดยมีเพื่อนที่บาดเจ็บ นายวันเฉลิม ถูกหามส่งโรงพยาบาล โดยที่ครอบครัวเองก็ยังไม่ทราบเรื่องมาก่อน

ล่าสุดวันที่ 13 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สอบถามนางแคท (นามสมมติ) มารดานายวันเฉลิม เปิดเผยว่า วันนี้นายแบงค์ กำลังเดินทางไปรับนายวันเฉลิม ที่โรงพยาบาล ซึ่งเดินทางไปตั้งแต่ช่วงเช้าก็ยังไม่กลับมา ตนไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปพูดคุยอะไรหรือไม่

ในวันที่เกิดเรื่องลูกชายตน พร้อมกับนายแบงค์ ออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ๆ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.64 จากนั้นก็ไม่กลับมาบ้านเลย แต่กลับมาอีกทีเวลา 05.00 น. ของวันที่ 10 ม.ค.64 โดยมีแบงค์ และเพื่อน ๆ อีก 3-4 คนกลับมาด้วย ตอนนั้นแบงค์ออกมาจากบ้านเพื่อดูวันเฉลิม แต่วันเฉลิมไม่ลงจากรถ นั่งอยู่ในรถอย่างเดียว

กระทั่งภรรยาวันเฉลิม ซึ่งอยู่ที่บ้าน ระบุว่า หากไม่ลงก็ให้เพื่อนพากลับไปที่วงเหล้า ซึ่งตนเข้าใจว่าลูกชายและเพื่อน ๆ ไปกินเหล้ากันที่ริมแม่น้ำต่อ ซึ่งลูกบอกว่าจะไปริมแม่น้ำ แต่ตนไม่แน่ใจว่าสถานที่จริง ๆ อยู่จุดไหน วันที่ลูกจะไปกินเหล้า ลูกบอกว่าจะไปกินเหล้าที่ท่าน้ำ ลูกชายไม่เคยมีปัญหายาเสพติด ตนเคยเตือนลูกว่าอย่าไปยุ่ง ส่วนเรื่องเหล้าตนรู้ และไม่เคยห้าม เนื่องจากเข้าใจ ส่วนเรื่องเคนมผงตนไม่ทราบ นายแบงค์ ก็ไม่ได้เล่าอะไร บอกแค่ว่าอาการปลอดภัย และกำลังจะออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น

ทีมข่าวเดินทางมาพบกับนายณภัทร อาษาคติ หรือ เฟิร์ส รุ่นน้องที่มารับนายบอยกลับบ้าน เปิดเผยว่า ตนได้รับสายโทรศัพท์จากนายตั้ม ให้มารับนายบอย ซึ่งอยู่ใกล้บ้านตน เพื่อให้ตนมารับกลับบ้าน ตนมาถึงที่บ้านท่าน้ำ จากนั้นเห็นนายบอยตื่น ลักษณะนั่งอยู่ที่เบาะนั่งในบ้าน ตนก็เข้าไป และยังพูดคุยกันปกติ นายบอยมีสติ คุยรู้เรื่องและยังบอกกับตนว่าไหว

จากนั้นนายบอยก็เดินตามตนออกมาเพื่อขึ้นรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นรถของนายบอยเอง ซ้อนท้ายตนกลับบ้าน ไม่มีอาการใด ๆ แค่เหมือนคนเมาค้าง ยังพูดจาได้ ระหว่างทางตนยังถามว่า "พี่บอยไหวหรือไม่" ซึ่งนายบอยยังตอบได้

เมื่อตนไปถึงที่บ้านนายบอย นายบอยลงจากรถ และเดินเข้าไป ส่วนตัวก็จอดรถทิ้งไว้ และตนก็เดินกลับบ้าน ก่อนแยกทางกัน นายบอยยังหันมาและคยกับตนว่า "เจอกัน" ตนก็ตอบกลับไปว่า "เจอกันพี่" จากนั้นนก็แยกย้ายกันไป

ทั้งนี้ยังปรากฏบทสนทนาระหว่างนายตั้ม กับนายบอย โดยนายบอยระบุว่า "เดี๋ยวเจอกันท่าน้ำ" และ "หนมด้วย" ซึ่งเป็นคำเรียกแทน ยาเค 

ทีมข่าวสอบถาม นายนที เดชธุราทัศน์ หรือ ตั้ม เพื่อนของทั้ง 2 ฝ่าย เปิดเผยว่า ตนเป็นคนชักชวนนายบอย ผู้ตาย ให้มาดื่มสุรากับตน จุดเริ่มต้นวันที่ 8 ม.ค.64 นายบอยโทรหาตนจะชวนกินเบียร์ แต่ตนเองปฏิเสธขอเป็นวันที่ 9 ม.ค.64 เมื่อถึงวันนัดหมายช่วงเวลา 4 ทุ่ม ตนแชตเฟซบุ๊กไปหานายบอย ให้มาที่บ้านตน โดยให้มาดื่มสังสรรค์

ตอนนั้นตนนำโต๊ะกลมมาตั้งริมทางเดิน เพื่อตั้งวงสุรากัน นั่งล้อมวงราว 5 คน มีตน บอย วันเฉลิม และเพื่อนชายอีก 2 คน ทุกอย่างดูปกติ มีบางช่วงนายแบงค์แวะมาบ้าง แต่เดินทางกลับก่อนตนจะเลิกวงเหล้า ช่วงที่ดื่มเหล้าตนไม่รู้ว่านายบอย และวันเฉลิมไปเสพยาตอนไหน แต่บางช่วงมีเดินเข้าไปในบ้านบ้าง ส่วนตัวนั่งดื่มเหล้าอยู่ด้านหน้าตลอด

ส่วนตัวไม่เห็นว่าใครเสพ แต่ยอมรับว่าเห็นซองยาเคของนายบอย ซึ่งตนไม่ได้ทักท้วงอะไร ตนไม่รู้ว่านายบอย เอามาจากไหน แต่ทราบว่าคงจะมีพรรคพวกเอามาให้ ส่วนตัวที่รู้ว่านายบอยเสพยานั้น เพราะอาการเมาของนายบอยไม่เหมือนคนเมาเหล้า จะมีอาการมึนงง ต่างจากคนเมาสุรา

จากนั้นบอยก็มีการเมามาก ฟุบหลับไปที่โต๊ะ ช่วงเวลา 03.00-04.00 น. ตนเห็นว่าท่าน้ำสาธุประดิษฐ์จะเปิดให้บริการแล้ว จึงเลิกวง และแยกย้ายกันเข้านอน โดยตนประคองนายบอยไปไว้ที่โต๊ะกินข้าวหน้าบ้าน ส่วนวันเฉลิมพาไปนอนที่เบาะในบ้าน จากนั้นนายบอยมีอาการตกลงมาจากโต๊ะ เหมือนคนเมาตกเก้าอี้ จึงประคองเข้ามานอนใกล้กับนายวันเฉลิม ก่อนที่ตนจะหลับไป จนช่วงบ่ายของวันที่ 10 ม.ค.64 ตนจึงไปเรียกรุ่นน้อง ชื่อเฟิร์ส อยู่บ้านใกล้กับนายบอย ให้มารับกลับ เพราะเห็นนอนหลับไม่ได้สติ

อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่านายบอย ยังมีสติดีตอนที่กลับไป สามารถเดินกลับไปที่รถได้ ยังโบกมือทักทายตนทำนองว่า "เพื่อนกลับบ้านก่อนนะ" โดยนายบอยซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นายเฟิร์ส ลักษณะไปกัน 2 คน ไม่ต้องมีคนประคอง ทั้งนี้หากตนเห็นเพื่อนจะตายตนต้องไปส่งโรงพยาบาลอยู่แล้ว เชื่อว่าหากอยู่ที่บ้านตน คงไม่ตาย

ทีมข่าวเดินทางมาที่งานศพ ของนายวิฑูรย์ หรือ บอย ซึ่งตั้งสดอภิธรรมที่วัดไทร พระราม 3 โดยมีเพื่อน ๆ ญาติสนิท เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางจำเนียร ธรรมขันธ์ มารดาของนายวิฑูตร์ หรือ บอย เปิดเผยว่า ตนมีความฝันก่อนวันที่ลูกเสียชีวิต ฝันทำนองว่ามีคนเสียชีวิต แต่ไม่ใช่ลูก ตนก็ไม่คิดว่าฝันจะเป็นลางบอกเหตุว่าลูกตนจะจากไป

ส่วนเรื่องที่มีคนมาส่งลูกชายตน และทิ้งไว้ในซอยใกล้บ้าน ตนยืนยันว่ามีการมาส่งจริง และมีการไปแบกลูกชายเข้าบ้าน โดยที่ลูกชายไม่มีสติ และนำมานอนไว้บ้านจนถึงช่วงเวลา 15.00 น. พบว่าลูกชายตัวเริ่มแข็ง แต่ยังไม่เสียชีวิต จึงนำส่งโรงพยาบาล เพราะตนมีพยานในซอย

อย่างไรก็ตาม ยอมรับลูกชายชอบไปสังสรรค์บ่อย ออกจากบ้านช่วงกลางคืนเป็นประจำ ตนก็เคยตักเตือนและลูกจะบอกว่าแค่ไปดื่มเหล้าแถวบ้าน ซึ่งตนก็ไม่ทราบที่ไหน และไม่รู้ว่าลูกเสพยาเสพติด