กรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เคยแถลงความคืบหน้าคดี ซึ่งมีรายละเอียดที่สามารถจะเปิดเผยได้ต่อประชาชน เมื่อวันที่ 2 ต.ค.63 ที่สโมสรตำรวจ
กระทั่งในช่วงวันที่ 5-7 ม.ค.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีและมีความใกล้ชิดกับ "น้องชมพู่" มาเข้าสู่กระบวนการเข้าเครื่องจับเท็จแล้ว ทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย "น้องสะดิ้ง" พี่สาวของน้องชมพู่ "นายอนามัย" พ่อของน้องชมพู่ "นางสาวิตรี" แม่ของน้องชมพู่ "นางจุไรภรณ์" หรือน้าต่าย "นายเสริม" น้าเขย "นายนรินทร์" หรือ น้าแต และน.ส.สายฝน หรือ ฝน ตามลำดับ ก่อนที่ทั้ง 7 คน จะเดินทางกลับหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร โดยรถยนต์ตู้ของ สภ.กกตูม
ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค.64 เวลา 09.45 น. ตำรวจได้เชิญตัว "ลุงพล" หรือ นายไชย์พล และ "ป้าแต๋น" หรือ นางสมพร หลาบโพธิ์ มาที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี เพื่อเข้าสู่กระบวนการใช้เครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในคดี "น้องชมพู่" เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่หายตัวออกไปจากบ้าน ก่อนเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำบนภูเหล็กไฟ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังโรงอาหารในหอพักแห่งหนึ่ง จ.ปทุมธานี เพื่อพูดคุยกับนายไชย์พล วิภา และน.ส.สมพร หลาบโพธิ์ ถึงกรณีการเตรียมตัวเข้าเครื่องจับเท็จ โดยนายไชยพล ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนจะเข้าเครื่องจับเท็จ วันนี้ตนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เพราะตนก็ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว
ด้านป้าแต๋น กล่าวว่า ตนไม่ได้รู้สึกเครียดแต่อย่างใด แต่ตนกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า เพราะตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้ ซึ่งตนก็ไม่รู่ว่าถ้าเข้าเครื่องจับเท็จแล้วคำถามของเจ้าหน้าที่เขาจะมาแนวไหน ตนก็จะรอฟังคำถามจากเจ้าหน้าที่
ลุงพล ยังบอกอีกว่า ตนไม่ได้รู้สึกกดดันที่เป็น 2 คนสุดท้าย ในการมาเข้าเครื่องจับเท็จ ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงเห็นแล้วว่า ครอบครัวของน้องชมพู่ อยู่กันแบบสองฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงแยกคนในครอบครัวเข้าเครื่องจับเท็จ ไม่ให้เข้าพร้อมกัน
ป้าแต๋น เล่าต่อว่า เมื่อเช้าตนมีการไลฟ์สด ในช่องยูทูบ (น้ำมนต์ โอม) แล้วตนร้องไห้ขณะไลฟ์สดนั้น ไม่ได้เป็นเพราะว่าตนรู้สึกกดดัน หรือกลัวการเข้าเครื่องจับเท็จ แต่ตนรู้สึกตื้นตันใจ ดีใจที่ตาชาญ พ่อของตน ได้ไปไหว้ขอพรศาลตะเคียน ที่บ้านของตน ซึ่งพรที่ตาชาญขอนั้นคือขอให้ตนมีสติในการตอบคำถาม และขอให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ตนจึงรู้สึกตื้นตันใจ ที่พ่อขอพรให้ตนในเช้าวันนี้ และก่อนจะเดินทางมาที่ จ.ปทุมธานี ตนก็ได้ขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ให้ความดีปกป้องจากคนที่คิดไม่ดีกับตน
ด้านลุงพล บอกว่า เมื่อวานนี้ก่อนจะเดินทางมาที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี ตนได้ไปไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ศาลเจ้าที่ เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดเหนี่ยวจิตใจคุ้มครองตนเอง
เวลา 15.30 น. ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เดินทางมาที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 เพื่อให้กำลังใจลุงพลและป้าแต๋น ในการเข้าเครื่องจับเท็จ
ทนายรัชพล ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า วันนี้ที่ตนเดินทางมาที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี เพื่อมาให้กำลังใจลุงพล-ป้าแต๋น และเพื่อสแตนบายรอดูความคืบหน้าทางคดี ซึ่งตนไม่รู้ว่าคดีของน้องชมพู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว ก่อนหน้านี้มีหลายกรณี ที่ผู้ต้องหา มาพบพนักงานสอบสวน แล้วก็ถูกควบคุมตัวเลย เนื่องจากพนักงานสอบสวนมีหมายจับในมือแล้ว ตนจึงมาเตรียมความพร้อมไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่า ลุงพลจะถูกควบคุมตัวเลยหรือไม่
ทั้งนี้หากลุงพลถูกควบคุมตัว ตนก็จะทำเรื่องประกันตัว ซึ่งต้องดูว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเงื่อนไขในการประกันตัวอย่างไรต่อไป แต่ถ้าลุงพลออกจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ด้วยความสบายใจ ตนก็จะได้ให้กำลังใจลุงพลต่อไป ก่อนหน้าที่ลุงพลจะเดินทางมาที่ จ.ปทุมธานี เพื่อมาสอบสวนและเข้าเครื่องจับเท็จ ตนได้มีโอกาศพูดคุยกับลุงพลอยู่บ้าง ซึ่งลุงพลค่อนข้างที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ตนจึงไม่อยากไปยุ่งวุ่นวายมาก อยากให้ตำรวจทำงานได้เต็มที่ ตนเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
สำหรับกรณีที่ลุงพล ป้าแต๋น และบุคคลอื่น ๆ ในครอบครัวน้องชมพู่ ได้เข้าเครื่องจับเท็จ ตนถือว่ามีผลต่อรูปคดี เนื่องจากว่าทางด้านเจ้าหน้าที่ เขาคงอ่านเกมออก แต่ละอากัปกิริยาของผู้ที่เข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งบ่งบอกว่าคุณพูดจริง หรือพูดเท็จ ซึ่งสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้ว่าสิ่งที่คุณพูด เป็นพิรุธหรือไม่
ขณะที่บรรยากาศด้านหน้าศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี สื่อมวลชนยังคงปักหลักรอสัมภาษณ์ลุงพล ป้าแต๋น ตั้งแต่เวลา 16.00 น. กระทั่งเวลา 20.00 น. ก็ยังคงไร้วี่แววของทั้งคู่ออกมาจากด้านในอาคาร
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ลุงพล ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่มีคดีน้องชมพู่ในช่วงแรก ๆ หมอปลาได้ยื่นมือมาช่วยตน ว่า หากตนถูกจับกุม หมอปลาจะใช้หลักทรัพย์ประกันตัวตน แต่เมื่อวานนี้หมอปลาให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ใครก็สามารถช่วยลุงได้ และบอกว่าตนมีสิ่งต่าง ๆ มากมายแล้ว ตนยังยืนยันว่า ตนยังเป็นลุงพลคนเดิม เพียงแต่ว่า ทุกอย่างอาจไม่เหมือนเดิม เพราะตนมีการสร้างพญานาค รวมถึงช่วงนี้ตนทำบุญที่วัดอีกด้วย ตนจึงต้องโฟกัสงานตรงนี้ให้สำเร็จเสียก่อน
ส่วนประเด็นที่หมอปลาให้ข่าวว่า ตนไม่เหมือนเดิม หมอปลาอาจไม่ยื่นประกันตัว ถ้าตนถูกจับ ตนถือว่าก็เป็นความรู้สึกหนึ่งที่ตนเคยมีความรู้สึกดี ๆ ต่อหมอปลา และพี่น้ำฟ้า ถ้าย้อนความรู้สึกนั้นได้ ตนก็ไม่อยากได้ยินคำนั้นจากหมอปลา เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ตนขอสวงนคำพูด จะไม่ใช้คำพูดว่าเสียความรู้สึก เพราะยังไม่ถึงเวลานั้น
หากวันนี้ตนโดนหมายจับ ตนก็ไม่มีความกังวล เพราะการมาเข้าเครื่องจับเท็จวันนี้ เป็นการให้ความร่วมมือ กับเจ้าหน้าที่ ตนไม่กังวลว่าหมายจับจะมาออกที่ตน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำงานอย่างรอบด้าน และรอบคอบ
ด้านจิมมี่ เรื่องจริง ยูทูบเบอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาพร้อมกับลุงพล ป้าแต๋น ตั้งแต่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เวลา 15.00 น. ของเมื่อวานนี้ โดยลุงพล ได้ขับรถมาคันเดียวกันกับตน ถึง จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นตนได้ให้ลุงพลพักผ่อน ไม่อยากให้ลุงพลขับรถ เนื่องจากต้องเข้าเครื่องจับเท็จในวันนี้ เกรงว่าอัตราการเต้นของหัวใจลุงพลจะเต้นแรง เลยอยากให้ลุงพลพักผ่อนอย่างเพียงพอ จากนั้นตนและน้อง ๆ ยูทูบเบอร์อีกคน ก็ช่วยกันขับรถลุงพล มาจนถึงห้องพัก ในจ.ปทุมธานี
เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปมารับตัวลุงพล-ป้าแต๋น ที่ด้านหน้าโรงอาหาร ของหอพัก จ.ปทุมธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พูดคุยกับลุงพล ป้าแต๋น ประมาณ 5 นาที ซึ่งลุงพล ป้าแต๋น ก็มีสีหน้าปกติ
จากนั้นลุงพลก็ได้นำตัวลุงพล ป้าแต๋น ซึ่งนั่งรถคันเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 1 จ.ปทุมธานี
เวลา 09.45 น. รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่นำตัวลุงพลป้าแต๋น ได้ขับขับเข้าไปในตัวอาคาร และปิดประตูทันที เนื่องจากเป็นเขตหวงห้ามพิเศษ โดยมีรายงานว่ากระบวนการสอบสวน จะเริ่มขึ้นเวลา 10.30 น.
ทั้งนี้เมื่อคืนที่นอนกับลุงพล ก่อนนอนลุงพลยังร้องเพลง และหยอกล้อกับป้าแต๋นตามปกติ จากนั้นลุงพลก็ได้เข้านอนเวลาประมาณ 00.00 น. และเปิดบทสวดพระมหาจักรพรรดิฟัง ก่อนที่ลุงพลจะเผลอหลับไป โดยส่วนตัวแล้ว วันนี้ตนได้มาติดตามลุงพล ป้าแต๋น ซึ่งจากการที่ตนทำช่องยูทูบ และอยู่กับลุงพลมา 7 เดือน ตนยืนยันว่าลุงพลเป็นคนดี และคิดว่าหมายจับไม่มีทางมาออกที่ลุงพล
ขณะที่เวลา 17.00 น. มีแฟนคลับลุงพล ป้าแต๋น เป็นผู้หญิงจำนวน 4 คน ได้ซื้อดอกกุหลาบ สีแดง และสีขาวจำนวน 50 ดอก มารอให้กำลังใจลุงพล ที่ด้านหน้าศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี
น.ส.เดือนเพ็ญ นนท์ทำมา แฟนคลับลุงพลป้าแต๋น ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนและเพื่อน ๆ เตรียมดอกกุหลาบมาให้กำลังใจ ลุงพล ป้าแต๋น หลังจากที่ตนได้ติดตามข่าว และทราบว่าลุงพล ป้าแต๋น มาเข้าเครื่องจับเท็จ ที่ จ.ปทุมธานี สาเหตุที่ตนและเพื่อน นำดอกกุหลาบมาให้กำลังใจ เพราะตนสงสารทั้ง 2 คน ตนติดตามลุงพล ป้าแต๋น ตั้งแต่วันแรกของคดีน้องชมพู่
โดยดอกกุหลาบที่พวกตนเตรียมมาทั้ง 50 ดอก ก็ไม่มีความหมาย หรือนัยอะไรซับซ้อน เป็นแค่การมาให้กำลังใจเท่านั้น ตอนแรกที่ตนทราบว่าลุงพลป้าแต๋น ต้องเข้าเครื่องจับเท็จ ตนยอมรับว่าตนก็รู้สึกเครียดแทนทั้ง 2 คนพอสมควร ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่พอมาถึงที่หน้าศูนย์พิสูจน์หลักฐานแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดตนรับได้
ถ้าเกิดว่าลุงพลถูกหมายจับ ตนก็ทำใจได้ ตนเตรียมใจไว้เผื่อแล้ว ซึ่งถ้าลุงพลป้าแต๋นออกมาจากอาคารศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี ตนก็จะพูดกับลุงพลป้าแต๋นคำแรกว่า "สู้ต่อไปนะ"
สำหรับกระบวนการในการสอบสวนในเครื่องจับเท็จ เจ้าหน้าที่ได้ให้เข้าไปในห้องทีละคน กระบวนการสัมภาษณ์นั้นจะมีทั้งนักจิตวิทยาร่วมสอบปากคำด้วย เพื่อสังเกตอากัปกิริยาท่าทางต่าง ๆ ในการตอบคำถามแต่ละคำถามที่มีการสอบปากคำ รวมทั้งใช้เครื่องมือในการตรวจวัดชีพจรหรือเครื่องจับเท็จ
สำหรับขั้นตอนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อนำไปประกอบสำนวนทางคดี โดยการเข้าเครื่องจับเท็จ ไม่ใช่จุดชี้ขาดที่จะสามารถยืนยันความเกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ได้ แต่สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของสำนวนคดี
ทั้งนี้มีรายงานว่ากระบวนการในครั้งนี้ ทั้ง 2 คน จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมง และถือว่าเป็นครั้งแรกในคดีนี้ที่มีการใช้เครื่องจับเท็จ หลังจากก่อนหน้านี้มีการพูดถึงกระบวนการดังกล่าวมาหลายเดือน และการเข้าเครื่องจับเท็จ ถือว่าให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย เพราะให้เข้าเครื่องจับเท็จทั้งฝั่งบ้านลุงพลและบ้านน้องชมพู่ ไม่ได้เลือกเฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
สำหรับการเข้าเครื่องจับเท็จ วันที่ 5 ม.ค.64 จะมีน้องสะดิ้ง นายอนามัย และนางสาวิตรี ส่วนน้าเสริมกับน้าต่าย เข้าเครื่องวันที่ 6 ม.ค.64 น้าเเตกับน้าฝน เข้าเครื่องวันที่ 7 ม.ค.64 แต่ละคนใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนน้องสะดิ้งไม่ได้เข้าเครื่องจับเท็จ เเต่พูดคุยกับสหวิชาชีพเเทน
กระทั่งวันที่ 8 ม.ค.64 เป็นรอบของนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น และนายไชย์พล วิภา โดยป้าแต๋นถูกสอบด้วยเครื่องจับเท็จเป็นเวลา 4 ชม. ส่วนลุงพล ถูกสอบด้วยเครื่องจับเท็จเป็นเวลา 5 ชม.
เวลา 18.00 น. พล.ต.ต.สันติ์ สุขวัจน์ รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งเป็นชุดทำงานวันนี้ ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับเครื่องจับเท็จ ถือเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาตร์ ที่ประกอบด้วยหารวัดอัตราการหายใจ วัดความดันโลหิต และวัดความต้านทานกระแสไฟฟ้า ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นการวัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ที่เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ ที่ไม่สามารถบังคับได้
ซึ่งถ้าคนเราจะปิดบังอะไรก็แล้วแต่ ร่างกายของคนเรา จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เปรียบเทียบเหมือนกับเรายกตุ่มน้ำเวลาไฟไหม้ เพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งเป็นหลักการที่เกิดจาสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด เรียกง่าย ๆ ว่า ถ้าเกิดว่าผู้ใดที่เข้าเครื่องจับเท็จ แล้วมีการปกปิดความผิด ก็จะเกิดอัตราการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
สำหรับขั้นตอนในการใช้เครื่องจับเท็จประกอบคดี ขั้นตอนแรกเจ้าหน้าที่จะเริ่มสัมภาษณ์บุคคลนั้น ๆ ก่อน เพื่อจะเก็บข้อมูลไปใช้ในการตั้งคำถาม ทำให้ผู้ที่ทดสอบรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ให้เกิดอาการตรึงเครียดเวลาเข้าเครื่องจับเท็จ
ขั้นตอนต่อมาคือขั้นตอนเข้าเครื่องจับเท็จ เจ้าหน้าที่ จะทำการอ่านคำถาม และชี้แจงรายละเอียดให้ผู้ทดสอบฟังทั้งหมด เพื่อไม่ให้ผู้ทดสอบรู้สึกว่าตนไม่เคยเจอคำถามเหล่านี้มาก่อน และตอบคำถามไม่ได้ ยิ่งถ้าผู้ทดสอบพยายามปิดบังความจริง ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอัตราของร่างกาย ยิ่งพยายามปกปิด ยิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง
หลังจากเสร็จกระบวนการเข้าเครื่องจับเท็จเสร็จ จะมีการะบวนการวิเคราะห์ ซึ่งมีผู้ชำนาญ เอากราฟที่ได้ทั้ง 4 เส้น จากการเข้าเครื่องจับเท็จมาทำการวิเคราะห์ ว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งขั้นตอนนี้มีผู้ชำนาญการหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือตน
สำหรับเครื่องจับเท็จนี้ ตนก็ตอบไม่ได้ว่ามีความเชื่อถือในการใช้ประกอบคดีมากน้อยแค่ไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล แต่จะเห็นว่าหลาย ๆ คดีในอดีต เช่น คดีหมอวิสุทธิ์ คดีนักเรียนนายเรือที่ทำร้ายแฟน ก็เคยเข้าเครื่องจับเท็จ การใช้เครื่องจับเท็จ ขึ้นอยู่กับผู้ชำนาญว่าจะมีความสามารถในการ อธิบายกระบวนการต่อศาลอย่างไร
สาเหตุที่ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเลือกกลุ่มครอบครัวน้องชมพู่เข้าเครื่องจับเท็จ เพราะว่ากลุ่มนี้เป็นคนที่เข้าถึงน้องชมพู่ได้ โดยที่น้องชมพู่ไม่ขัดขืน ชุดสืบสวนจึงประสานมายังกองพิสูจน์หลักฐาน ในการใช้เครื่องจับเท็จประกอบสำนวนคดีน้องชมพู่ โดยไม่ใช่ว่าจะสงสัยใครเป็นพิเศษ
สำหรับบรรยากาศในการเข้าเครื่องจับเท็จวันนี้ ก็ไม่พบว่ามีใครป่วย หรือกังวลแต่อย่างใด เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้คุยกับทุกคน ให้เกิดความเชื่อมั่น ทำเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งผลจะออกหลังจากนี้ 30 วัน
พล.ต.ต.สันติ์ ให้ข้อมูลนอกรอบว่า สำหรับป้าแต๋น เข้าเครื่องจับเท็จเป็นคนแรกของวันนี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. และออกมาเวลา 15.00 น. แต่ยังอยู่ด้านในอาคาร เจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้ออกมา ส่วนลุงพลเข้าเครื่องจับเท็จเวลา 15.00 น. และน่าจะออกจากการเข้าเครื่องจับเท็จเวลาประมาณ 20.00 น.
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพูดคุยกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ ประไพ" หรือ "รองแต้ม" อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฉายา มือปราบหูดำ บอกว่า เป็นเทคนิคในการสืบสวนสอบสวน ไม่มีนัยแอบแฝง เพราะตำรวจมีการ สืบสวนสอบสวนมานานพอสมควรแล้ว ซึ่งการพาลุงพล ป้าแต๋น มาเข้าเครื่องจับเท็จ เป็นเทคนิคทางคดีที่จะสานต่อไปยังพยานหลักฐาน ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ เพื่อจะหาดูความเชื่อมโยงกัน และหาตัวคนร้ายที่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร
ทั้งนี้ ตนมองว่าคดีอาญาเวลาเกิดเหตุ พยานสำคัญ คือ พยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งศาลจะรับฟังพยานข้างต้นนี้ ส่วนพยานแวดล้อมเป็นอีกระดับ ซึ่งเครื่องจับเท็จเป็นหนึ่งในพยานแวดล้อม ที่มีผลต่อคดีน้อยมาก เว้นแต่ผู้ต้องสงสัยที่คุมตัวมา จะรับสารภาพเองเพราะกลัว ขณะเข้าเครื่องจับเท็จ แต่หากไม่สาระศาลก็อาจไม่รับฟัง มันขึ้นอยู่กับการตั้งคำถาม ไม่เกี่ยวข้องกับระยะเวลา
ส่วนการเข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อดูพิรุธตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ ชีพจรที่เต้นเร็วขึ้น หรือปฏิกิริยาท่าทาง อาจมาจากปฏิกิริยาทางร่างกาย และจิตใจ ไม่จำเป็นต้องกระทำความผิดก็ได้ ขึ้นอยู่กับคำถาม เพราะบางคนไม่ได้กระทำผิด แต่เจอคำถามที่ฟังแล้วทำให้ต้องคิด ตื่นเต้น หรือสงสัย ก็อาจทำให้ปฏิกิริยาในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปตามได้ ขึ้นอยู่กับการตั้งคำถาม แต่ไม่สามารถชี้ชัดทางคดีได้ เพราะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของคนตอบคำถาม และคำถามที่ถามอยู่ในขณะนั้น
การเข้าเครื่องจับเท็จ เป็นเพียงตัวต่อตัวหนึ่ง แต่ไม่สามารถสรุปคดีได้ ไม่อยากนั้นคงไม่จำเป็นต้องมีตำรวจ เข้าเครื่องจับเท็จและสามารถรู้ตัวคนร้ายเลย เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวน้องชมพู่ก็มาเข้าเครื่องจับเท็จเหมือนกัน ฉะนั้นทุกอย่างตนมองว่าเป็นขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่น่ามีนัยแอบแฝงอะไร ขณะนี้ยังไม่รู้ตัวคนร้ายแค่นั้นเองว่าเป็นใคร และคดีนี้เป็นที่สนใจของสังคม อีกทั้งการเข้าเครื่องจับเท็จ แทบไม่มีผลต่อทางคดี เพราะเป็นแค่วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นิติวิทยาศาสตร์ อาจมีพิรุธได้ขึ้นอยู่กับคำถาม แต่ไม่ฟันธงว่าเป็นคนผิด ไม่อาจสรุปทางคดีจากการใช้เครื่องจับเท็จได้
พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ฉายาสารวัตรแรมโบ้ อดีตผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตสารวัตรกองปราบนครบาล วิเคราะห์ว่า เครื่องจับเท็จมีผลทางวิทยาศาสตร์มาก ในต่างประเทศใช้กัน เนื่องจากเครื่องจับเท็จใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการจับการเต้นของหัวใจ ชีพจรและการไหลเวียนของเลือด ซึ่งสามารถคิดค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ พร้อมกันทีเดียวได้เลย ซึ่งตำรวจเรียกครอบครัวน้องชมพู่มา จำนวน 8-9 คน เมื่อผ่านเครื่องจับเท็จจะรู้เลยว่า ใครพูดจริง หรือไม่จริง
หลังเข้าเครื่องจับเท็จจะสามารถรู้ผลได้ทันที จึงมีความคิดว่า เครื่องจับเท็จสามารถช่วยได้แน่นอน อีกทั้งผู้ที่จะถูกเรียกตัวมาสอบสวน น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็น อยู่ในลักษณะของผู้ต้องสงสัยอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นผู้ที่มีความกระทำผิด
เชื่อว่า 8-9 คน ที่เรียกมาสอบ ใครโกหก เครื่องจับเท็จจะสามารถจับพรุธได้ทันที คิดได้เป็นเปอร์เซ็นต์ 80-100 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามในส่วนนี้ถือว่า จะเอาไปเป็นหลักฐานประกอบ กับประจักษ์พยานในทางวิทยาศาสตร์ พยานแวดล้อมทั้งหมด ส่วนตัวคิดว่าหากคนใดคนหนึ่ง ที่มีการเรียกมาสอบโดยใช้เครื่องจับเท็จ หากมีการพูดความจริงขึ้นมา ทางเจ้าหน้าที่ก็จะสามารถรู้ได้เลยทันที
ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ในส่วนของเงินรางวัลนำจับ คนที่รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการบอกข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ ก็จะได้รับรางวัลในส่วนนั้นเหมือนเดิม ตนยังให้เหมือนเดิม เนื่องจากอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งปิดคดีน้องชมพู่ให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่เป็นชื่อเสียงของประเทศชาติ
กระทั่งเวลา 21.30 น. นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากเข้าเครื่องจับเท็จ อันนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลและหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะปิดคดีอย่างไร ตนก็ยังยืนยันคำเดิมมาตลอดว่า ขอให้คนที่ทำร้ายหลานของตนออกมารับผิดชอบ ตนเป็นลุงแน่นอนว่ารับไม่ได้ที่คนร้ายทำกับหลานของตนแบบนี้ ทุกครั้งที่มีการถามถึงน้องชมพู่ ตนก็จะนึกภาพที่อยู่บนเขาตลอด
ทั้งนี้ขณะที่เข้าเครื่องจับเท็จ ก็ไม่ได้มีคำถามอะไรที่หนักใจ ตนเชื่อว่ามันเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากนี้ตนก็จะเดินทางกลับบ้านที่ จ.มุกดาหาร ทันที แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกในเรื่องที่พักให้ก็ตาม เพราะมีงานใหญ่ต้องกลับไปทำต่อให้เสร็จสิ้น
ส่วนระยะเวลาที่เข้าไปในห้องสอบสวน ตนเข้าเครื่องจับเท็จตั้งแต่เวลา 15.00 น. ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเครื่องจับเท็จทำงานได้ดีมากแค่ไหน คำถามส่วนใหญ่ก็จะวนกลับไปกลับมา และเป็นคำถามเดิม ๆ ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างดี มีเจ้าหน้าที่ซักถามประมาณ 4-5 ท่าน และตนก็ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะคำถามก็จะวน ๆ ไปมา ตอบเพียงว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นอกจากคำตอบ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ตนก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เจ้าหน้าที่ฟัง ทั้งนี้เพื่อทวงความยุติธรรมให้หลานสาวที่เสียชีวิต และเวลาก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ตนก็อยากให้คนร้ายออกมารับผิดชอบ และเชื่อว่าถ้าเขาออกมารับผิดชอบยอมรับสารภาพ ก็อาจจะมีการลดหย่อนเรื่องโทษ
นอกจากนี้ ตนเชื่อว่าเหตุเกิดที่บ้านกกกอกเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำงานอย่างรอบคอบ ไม่ใช่จะจับใครได้ง่าย ๆ ซึ่งตนก็คงตอบแทนเจ้าหน้าที่ไม่ได้ว่าจะปิดคดีได้หรือไม่ หวังว่าเจ้าหน้าที่จะให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย หากเจ้าหน้าที่จับตัวคนร้ายได้ ทุกคนรวมถึงตนและป้าแต๋นก็จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
ขณะที่นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น เปิดเผยว่า การเข้าเครื่องจับเท็จครั้งนี้ ภาพเก่า ๆ มันย้อนกลับบมา ความรู้สึกเดิม ๆ มันย้อนกลับมา แต่ตอนนี้ก็รู้สึกโล่ง คำถามที่เจ้าหน้าที่ถามขณะเข้าเครื่องจับเท็จก็คล้าย ๆ ของลุงพล ตนตอบกลับไปเพียงว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ซึ่งตนเข้าเครื่องจับเท็จก่อนลุงพล จนกระทั่งลุงพลออกจากห้องก็ยังไม่ได้คุยกันเลย เพราะรีบออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อน หลังจากนี้ก็จะเดินทางกลับบ้านที่ จ.มุกดาหาร ทันที
