วันที่ 4 ม.ค. 64 พ.ต.ท.พนม นวลละออง สว.สอบสวน สภ.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ รับแจ้งเหตุ ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดถนนสายพรุใหญ่หมู่ 1 เขตเทศบาลตำบลคลองพน อ.คลองท่อม หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รองผบก.ภ.จ.กระบี่ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
บนถนนที่เกิดเหตุ พบรถสายตรวจ สภ.ทรายขาว ทะเบียน 6 กง 2291 กรุงเทพฯ จอดอยู่ในสภาพกระจกหน้ารถถูกยิงจนพรุน ฝากระโปรงมีรอยกระสุนมากกว่า 20 จุด หม้อน้ำรถแตก กระจกหลังแตก ร่วงลงมาทั้งแผ่น
ภายในรถพบคนเจ็บ 3 ราย ทราบชื่อคนขับรถคือ ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์ หนูสาย อายุ 57 ปี รองสวป.สภ.ทรายขาว กระสุนเข้าบริเวณโหนกแก้มซ้าย 1 แผล กลางอก 2 แผล เสียเลือดมาก อาการสาหัส
ส่วนคนนั่งข้างคือ ร.ต.ท.สุทัศน์ นวลจันทร์ อายุ 57 ปี รองสวป.สภ.ทรายขาว มีรอยกระจกกระเด็นใส่ตามแขนขวา บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนคนนั่งในรถตอนหลัง ทราบชื่อคือ นายปรีชา ชาวนา อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.คลองพน กระสุนถูกแขนขวา 2 นัด เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวคนเจ็บทั้ง 2 คน ส่ง รพ.คลองท่อม
ที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนตกอยู่ ตำรวจนำรถมาตรวจสอบที่ สภ.ทรายขาว อย่างละเอียดอีกครั้งส่ วนคนร้ายที่ก่อเหตุ ทราบว่าขับรถเก๋งยี่ห้อนิสสันจู๊ด สีขาว ทะเบียน กฉ 7598 เพชรบุรี เป็นชายทราบชื่อภายหลังคือ นายเรืองศักดิ์ เรือนแก้ว อายุ 23 ปี เป็นลูกชายของนักการเมืองท้องถิ่นใน อ.ชะอวด โดยหลังเกิดเหตุขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไปทาง จ.ตรังสอบ สวนพยานทราบว่าในรถยังมีภรรยาและลูกวัย 10 กว่าเดือนนั่งไปด้วย
ร.ต.ท.สุทัศน์ ผู้บาดเจ็บ เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและ ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์ กำลังปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจในพื้นที่ รับแจ้งจากนายปรีชา คนเจ็บอีกคนว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกันระหว่างสามีภรรยาที่บ้าน ในหมู่ 6 บ้านพรุใหญ่ จึงไปรับนายปรีชา และเร่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ระหว่างทางมาถึงจุดเกิดเหตุ พบรถของผู้ก่อเหตุขับสวนมา ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์จึงขับรถไปขวางหน้าไว้ โดยหันหน้ารถเข้าหากัน ขณะกำลังจะลงไปตรวจสอบ คนร้ายที่นั่งฝั่งคนขับ ลดกระจกรถแล้วใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงกระหน่ำใส่มาที่กระจกรถฝั่งที่ตนนั่งก่อน 1 ชุด ตนเปิดประตูรถหลบหนีออกมาได้ทัน จึงรอดมาหวุดหวิด จากนั้นคนร้ายก็ยิงกระสุนอีกชุดใส่ไปทางฝั่งของคนขับที่มี ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์ นั่งอยู่ กระสุนจึงโดน ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์ และผู้ใหญ่บ้านที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายก็อาศัยจังหวะเร่งขับรถหลบหนีออกไปทันที
จากการสืบสวนเบื้องต้น ทราบว่านายเรืองศักดิ์ผู้ก่อเหตุ มีปัญหาทะเลาะกับภรรยา ซึ่งเป็นคนในพื้นที่หมู่ 6 ต.คลองพน ภรรยาจึงเดินทางกลับมาบ้านที่ ต.คลองพน ผู้ก่อเหตุจึงเดินทางมาจาก อ.ชะอวด เพื่อมาตามตัวกลับ แล้วมีการใช้อาวุธปืนข่มขู่บังคับให้ภรรยาและลูกขึ้นรถ จนเกิดมีปากเสียงกัน ญาติฝ่ายภรรยาจึงแจ้งให้ตำรวจมาช่วยระงับเหตุ
ขณะที่นางวันดี พวงนุ่น อายุ 49 ปี บอกว่า ลูกสาวตนคือ น.ส.กัซมาร์ อายุ 25 ปี เพิ่งกลับมาบ้าน หลังจากถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายบ่อยครั้งจนต้องเข้าโรงพยาบาล และล่าสุดถูกซ้อมจนฟันหักไป 1 ซี่ ทางแม่เลี้ยงของผู้ก่อเหตุจึงให้กลับมาบ้าน โดยได้พาลูกชายที่เพิ่งคลอดอายุ 10 กว่าวันมาด้วย จากนั้น ฝ่ายชายก็ตามมาที่บ้านตน ชักปืนออกมาข่มขู่ตน แล้วลากลูกสาวตนออกไป
ส่วนสาเหตุที่ฝ่ายชายทำร้ายและมีอารมณ์รุนแรงนั้น เพราะเสพยาจนหลอน และเคยต้องโทษคดีฆ่าคนมาแล้ว ขณะนี้ตนเป็นห่วงลูกสาวอย่างมาก
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ร่วมกับ สภ.ทรายขาว ร่วมกันปฏิบัติการไล่ล่ารถคนร้ายที่ก่อเหตุยิง ตำรวจและพลเรือนได้รับบาดเจ็บมาจากพื้นที่ สภ.ทรายขาว จากนั้นตำรวจได้วิทยุไล่ล่าเป้าหมายรถคนร้ายคือ รถเก๋งยี่ห้อนิสสันจู๊ด สีขาว ทะเบียน กฉ 7598 เพชรบุรี จากนั้น ตำรวจทุกท้องที่ได้ร่วมกันติดตามไล่ล่าตลอดเส้นทางหลบหนี ตั้งจุดสกัดบริเวณสี่แยกอันดามัน
พบรถต้องสงสัยเป็นคนร้าย ในรถเก๋งสีขาวมีนายสุธิราช หมาดแด้หวา เป็นคนขับขี่รถยนต์เก๋งทะเบียนจังหวัดกระบี่มี น.ส.หนึ่งฤทัย วงศ์ประเสริฐ อายุ 30 ปี และน.ส.สุดารัตน์ หมาดแด้หวา อายุ 23 ปี นั่งโดยสารมาด้วย เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณสี่แยกอันดามัน หมู่ที่ 3 ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ ตำรวจได้ตั้งจุดสกัดและเรียกให้นหยุดรถ แต่นายสุธิราชยังไม่หยุดรถในทันที และเลี้ยวขวาไป
ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่ล้อรถยนต์หลายนัด เป็นเหตุให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย และมีน.ส.หนึ่งฤทัย ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลห้วยยอด จากนั้น ตำรวจเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า เป็นการยิงผิดคัน เนื่องจากลักษณะรถของคนร้ายคล้ายกับผู้เสียหาย
ด้านนายห้าสัน หมาดแดหว่า อายุ 58 ปี พ่อนายสุทธิราช ผู้เสียหาย กล่าวว่า ลูกชายตนกำลังเดินทางไปที่สถานีรถไฟตรัง เพื่อที่จะไป จ.สุราษฎร์ธานี ไปกัน 3 คน มีลูกสะใภ้ ลูกชา ยและน้องสาวอีกคน แต่ระหว่างทางตำรวจเกิดเข้าใจผิดคิดว่าลูกชายเป็นคนร้าย ได้ใช้อาวุธปืนยิงล้อรถทั้ง 2 ข้าง และถูกลูกสะใภ้อีก
โดยลูกชายเป็นคนที่ไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ของมึนเมา แม้กระทั่งบุหรี่ก็ไม่สูบ ตนรู้สึกเสียใจ น้อยใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมก่อนที่ตำรวจจะทำงานไม่ตรวจดูให้ดีก่อน เพราะทะเบียนรถก็ไม่เหมือนกัน แต่บังเอิญว่ารถสีและยี่ห้อเหมือนกัน ตนยืนยันว่าจะมีการดำเนินคดี ไม่ให้เรื่องเงียบ เพราะตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทรัพย์สินเสียหาย รู้สึกจิตตก และหวั่นว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม
