จากกรณีเหตุรถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีบรอนซ์ ถูกยิงขณะขับผ่านถนนสายบ้านร่มฟ้าทอง-บ้านผาตั้ง ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายคือ นายทวีศักดิ์ ยอดมณีบรรพล กำนันตำบลปอ และ ด.ช.เอ (นามสมมติ) ลูกชายวัย 3 ขวบ ซึ่งภายในรถพบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือนางไหมเยีย วงค์นภาไพศาล ภรรยาของกำนัน และ ด.ญ.ธัญญาพร ยอมมณีบรรพต อายุ 5 ปี
วันนี้ (25 เม.ย.) ทีมข่าวเดินทางมาที่จังหวัดเชียงราย พบว่าทางญาติได้เดินทางไปรับศพของ ด.ญ.ธัญญาพร ยอมมณีบรรพต อายุ 5 ปี มาทำพิธีทางศาสนาและตามความเชื่อของเผ่าม้ง โดยตั้งศพไว้ที่บ้านของกำนัน ภายในหมู่บ้านห้วยหาน
บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีญาติและคนในชุมชนเดินทางมาเคารพศพ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจ ร้องไห้เสียงดัง อีกทั้งในส่วนของการจัดงานศพของนางไหมเยีย ภรรยาของกำนันนั้น ทางผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน หรือผู้นำศาสนา บอกกับทีมข่าวว่า ตามความเชื่อของเผ่าม้ง จะต้องไม่จัดงานศพพร้อมกันในคราวเดียว
ดังนั้นจึงรับศพของด.ญ.ธัญญาพร มาประกอบพิธีทางศาสนาก่อน ส่วนหลังจากนั้นเมื่อฝังร่างของน้องเสร็จ จึงจะเดินทางไปรับศพของภรรยากำนันมาประกอบพิธีเป็นลำดับต่อไป
ทีมข่าวยังได้ไปยังจุดเกิดเหตุ พบกองพิสูจน์หลักฐานจากจังหวัดลำปาง เดินทางลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติมก่อนสรุปสำนวน และตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของการกราดยิงในครั้งนี้
จากนั้นทีมข่าวขับรถไปตามเส้นทางที่กำนันและครอบครัวเดินทางออกมาจากสวนลิ้นจี่-สวนกาแฟ จนมาถึงจุดเกิดเหตุในเวลาประมาณ 17.30 น. ที่มีคนร้ายยิงถล่มใส่กระบะ ซึ่งเริ่มต้นจากสวนลิ้นจี่ ที่อยู่ลึกติดกับเขาแนวเขตติดต่อชายแดนกับประเทศลาว บริเวณเชิงเขาติดกับเส้นทางที่สามารถเชื่อมไปยังจุดชมวิวดอยผาตั้ง และติดกับถนนที่ขับผ่านไปถึงอำเภอเชียงของ แต่ในระหว่างทางขับกลับบ้านต้องผ่านรีสอร์ทบ้านร่มฟ้าทอง จากนั้นขับผ่านอีก 2 กิโลเมตร จะพบกับสวนกาแฟบนเนื้อที่ 20 ไร่ของกำนัน โดยตลอดสองข้างทางเป็นไร่สวนและป่า จึงคาดว่าไม่น่าจะมีจุดที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด
ด้าน
นายโซ้ง ชาวบ้านที่เห็นกำนันออกจากบ้านก่อนถูกยิง ได้บอกกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนเองไม่เห็นว่ากำนันได้เข้าไปที่สวนลิ้นจี่แต่อย่างใด ซึ่งทราบเพียงจากคำบอกเล่าของคนอื่น แต่ขณะขากลับออกไป ตนเองยืนยันได้ว่า กำนันขับผ่านรีสอร์ทจริง ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งก็ไม่เห็นว่ามีรถอะไรขับตาม มีเพียงรถกระบะของกำนันเท่านั้นที่ขับออกไป จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีคนวิ่งมาบอกตนเองว่า รถของกำนันถูกยิง ตนเองจึงรีบออกไปช่วยเหลือ
ทั้งนี้ นายโซ้ง บอกกับทีมข่าวว่า ในวันเกิดเหตุ กล้องหน้ารถของกำนันน่าจะสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ ซึ่งกำนันได้ถอดกล้องออกไป แต่ยังไม่ทราบว่าจะเอาคลิปนั้นมาเผยแพร่เมื่อใด
ด้าน
นายพงไพร พ่อของกำนันทวีศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวก็รู้สึกเสียใจมาก แต่ยังไม่ทราบสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ เพราะลูกไม่เคยเล่าให้ตนฟัง และกำนันไม่เคยทะเลาะหรือมีเรื่องขัดแย้งกับใคร ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องปมการเมืองท้องถิ่น แม้ว่าเร็ว ๆ นี้กำนันจะลงสมัครเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาล ส่วนเรื่องของธุรกิจก็ไม่น่าเป็นไปได้ คงมีเพียงกำนันคนเดียวเท่านั้นที่จะออกมาพูดหรือบอกสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้ได้ ส่วนตัวมองว่าคนร้ายมุ่งหมายที่จะเอาชีวิตกำนัน แต่อาจจะเป็นเพราะบุญหรือโชคช่วยทำให้รอดชีวิตมาได้ และหลังรักษาตัวหายดีแล้วกำนันอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ ก็คงต้องย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ส่วนความคืบหน้าในการติดตามจับกุมคนร้ายนั้น เชื่อว่าหากตำรวจสนใจติดตามคดีก็คงจะจับคนร้ายได้เร็วๆ นี้ แต่หากไม่สนใจก็อาจจะทำให้คนร้ายหนีรอดไปได้
อย่างไรก็ตาม นายพงไพร บอกกับทีมข่าวว่า ในสมัยหน้ากำนันเตรียมลงเล่นการเมืองท้องถิ่น โดยจะไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาล แต่ในส่วนนี้ไม่น่าจะมีความเกี่ยวโยงกับการลอบสังหารในครั้งนี้
ขณะที่
นายเล็ก (นามสมมติ) คนสนิทของกำนัน บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากปมความขัดแย้งส่วนตัว ส่วนที่ตำรวจพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจส่วนตัวทำให้เกิดความขัดแย้งนั้น ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง ส่วนความขัดแย้งในชุมชนที่เกี่ยวกับประชาชนในพื้นที่นั้นคนสนิทกำนันบอกว่าไม่น่าจะมี เพราะส่วนใหญ่สามารถไกล่เกลี่ยและแก้ปัญหาได้อย่างลงตัว
อีกทั้ง หากจะมองว่า หากเกิดจากกลุ่มที่มีการเข้าใจผิดว่า กำนันเป็นคนแจ้งเบาะแสกรณียาเสพติดจนนำไปสู่การจับกุม และทำให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจส่งคนมาทำร้ายนั้น คนสนิทบอกว่า ปกติกำนันไม่เคยไปแจ้งเบาะแสหรือเข้าจับกุมใคร ยกเว้นจะตักเตือนในที่ประชุมหมู่บ้านเท่านั้นว่าไม่ให้คนในชุมชนไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด