กรณีรถทัวร์กับรถพ่วง 18 ล้อ เฉี่ยวชนปาดหน้ากัน แล้วใช้เหล็กตีกันเลือดอาบ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 23.45 น. ของวัน 13 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 17 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บนเส้นทางหลวงหมายเลข 21 ถนนสายสระบุรี-หล่มสัก ฝั่งขาเข้าเพชรบูรณ์ บริเวณหน้า รร.บ้านเข็มทอง หมู่ที่ 8 บ้านดงเข็ม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โดยลักษณะทางเป็นถนนทางตรง 2 เลน ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณริมทาง เลนที่ 2 ทีมข่าวพบร่องรอยคราบเลือดบนถนนจำนวนหนึ่ง และจุดเกิดเหตุเป็นลักษณะข้างทาง ที่ไม่มีบ้านคนหรือคนเห็นเหตุการณ์
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยัง สภ.วิเชียรบุรี เพื่อสอบถามข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับนายธนพล เปรมทอง อายุ 41 ปี คนขับรถทัวร์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุ ตนรับผู้โดยสารประมาณ 40 ที่นั่ง จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ภูเรือ จ.เลย ในระว่างทางมีการส่งผู้โดยสารตามจุดจอดประจำท่ารถ หลังจากวิ่งเข้าสู่ถนนสระบุรี-หล่มสัก มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งมีการจอดรับส่งผู้โดยสารลงรถ ตรงจุดท่ารถที่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
จากนั้นตนได้ขับรถวิ่งออกมาทางเลนซ้ายตามปกติ จู่ ๆ ก็มีรถพ่วง 18 ล้อขับตีคู่ขึ้นมา โดยได้ขับส่ายไปส่ายมา ท่าทางอันตราย ตนเข้าใจว่าอาจจะหลับในหรือไม่ จึงได้ทำการบีบแตรรถเตือน ต่อมาคาดว่าคงเป็นสาเหตุทำให้นายนิรุต สุพรรณ อายุ 25 ปี คนขับรถพ่วง 18 ล้อ (ผู้บาดเจ็บ) เกิดไม่พอใจ ทำให้เหวี่ยงท้ายรถพ่วง 18 ล้อใส่รถทัวร์ จนได้รับความเสียหาย และทำให้รถเกิดการเสียการทรงตัว ซึ่งผู้โดยสารที่นั่งมาเต็มคันรถตกใจ ต่างพากันหวีดร้อง
ในขณะที่นายนิรุต คนขับรถพ่วง 18 ล้อ ยังคงพยายามขับประชิด เพื่อเหวี่ยงรถกระแทกรถทัวร์ รถส่ายอีกครั้ง จากนั้นตนจึงได้ตัดสินใจขับรถไปประกบคู่รถ 18 ล้อ เพื่อไม่ให้รถ 18 ล้อ มีพื้นที่ในการสร้างระยะแรงเหวี่ยง ซึ่งรถ 18 ล้อ ก็ถูกรถทัวร์ขับประชิด เบียดจนรถ 18 ล้อชิดกับขอบถนนติดกับเกาะกลางถนน จึงทำให้รถ 18 ล้อหยุดรถ และตนก็หยุดรถตาม ซึ่งขณะนั้นระยะห่างหน้ารถ 18 ล้อกับหน้ารถทัวร์อยู่ห่างกันประมาณ 10-15 เมตร
จากนั้นตนรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ทันใดนั้นนายนิรุต ก็ได้ลงมาจากรถ เดินตรงมาที่รถทัวร์ พร้อมตะโกนต่อว่าและมีปากเสียงกัน พูดประมาณว่า มีปัญหาอะไร พร้อมจะขึ้นมาหาเรื่องตนบนรถทัวร์ เคาะประตูรถเสียงดัง จากนั้นนายนิรุต ก็เดินกลับไปที่รถอีกครั้ง
ขณะนั้นบนรถมีผู้โดยสารเต็มคันรถ พร้อมเด็กและผู้หญิงในรถ ตนก็เกรงว่าเด็กรถและผู้โดยสารจะได้รับอันตราย จึงบอกให้เด็กรถขึ้นไปบนรถกับผู้โดยสาร จากนั้นตนยอมรับว่ากำลังอยู่ในอาการที่ตกใจ และไม่ไว้ใจว่านายนิรุต เดินไปหยิบอะไรในรถมา ตนจึงตัดสินใจคว้าท่อนเหล็กสำหรับเคาะยางรถลงมาจากรถ จากนั้นนายนิรุต มีท่าทีเตรียมพุ่งตัวมาทำร้ายตน ตนจึงได้ง้างมือที่ถือเหล็กขึ้นกำลังจะฟาด แต่แล้วนายนิรุต สะดุดขอบยางถนน ในลักษณะเสียหลักศีรษะยื่นเข้ามา พอดีกับจังหวะที่ตนฟาดเหล็กลง เข้ากับศีรษะเต็ม ๆ ทำให้นายนิรุตสลบลงกับพื้น จากนั้นนั้นตนก็โทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัย ไม่ได้หลบหนีไปไหน
ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ขณะนั้นตนตกใจจริง ๆ และยอมรับว่าพลั้งมือลงไป เพราะเข้าใจว่านายนิรุต ถืออาวุธมาด้วย แต่เนื่องจากถนนค่อนข้างมืด จึงไม่เห็นว่าเดินมามือเปล่า ล่าสุดได้มีการติดต่อไปยังญาติของนายนิรุต เพื่อขอเข้าเยี่ยม แต่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมเนื่องจากถูกย้ายตัวจาก รพ.วิเชียรบุรี ไปรักษาตัวที่ รพ.เพชรบูรณ์
จากนั้นเราได้พูดคุยกับ นายสำฤทธิ์ หล้าน้อย 43 ปี เพื่อนร่วมงานคนขับรถทัวร์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเป็นเพื่อนร่วมงานกับนายธนพล เปรมทอง อายุ 41 ปี คนขับรถทัวร์ มามากกว่า 10 ปี โดยพฤติกรรมของนายธนพล เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ ๆ เป็นคนที่โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือคนอื่น เวลาตนรถเสียจอดข้างทาง นายธนพลขับผ่านมาเจอ ก็จะจอดช่วยเหลือตลอด
ตั้งแต่เป็นเพื่อนร่วมงานกันมา ไม่เคยเห็นว่า นายธนพล จะเคยมีเนื่องชกต่อยกับใคร ไม่ว่าจะกับผู้โดยสาร หรือกับเพื่อนร่วมงานเองก็ตาม ที่ผ่านมาก็เป็นมิตรกับคนทุกคน ถ้าเคยมีประวัติการทำร้ายร่างกายผู้โดยสารหรือ เพื่อนร่วมงาน ก็คงจะได้ออกจากงานไปนานแล้ว เขาค่อนข้างรักอาชีพขับรถทัวร์ และเป็นคนที่รักรถมาก ๆ “ต้นไม้สักต้นขับหลบไม่ให้ขูดรถเลย” ทั้งนี้ตนก็มองว่าเพื่อนป้องกันตัว
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยัง รพ.เพชรบูรณ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าอาการของคนขับรถ 18 ล้อ จึงได้มีโอกาสไปพูดคุยกับนางเยาวรัตน์ สุพรรณ อายุ 41 ปี แม่ผู้บาดเจ็บ กำลังอยู่ในอาการวิตกกังวล นั่งเฝ้าอาการของนายนิรุต สุพรรณ อายุ 25 ปี คนขับรถ 18 ล้อ ซึ่งกำลังอยู่ในห้อง ICU และอาการเบื้องต้น คือ ยังไม่รู้สึกตัว
นางเยาวรัตน์ เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า ปกติแล้วตนอยู่กับสามามีอีกที่หนึ่ง ส่วนนายนิรุตอาศัยอยู่ที่ บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 10 ต.ซับใหญ่ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งประกอบอาชีพขับรถ 18 ล้อ มาได้ 2-3 ปีแล้ว ซึ่งมีลูก 2 คน ลูกสาววัย 5 ขวบ 1 คน และลูกชายวัย 1/2 ขวบ 1 คน โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายเรื่องลูกทั้งหมด นายนิรุต ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ซึ่งจะขับส่งของจากชัยภูมิไปพิษณุโลกเป็นประจำ และก็ไม่เคยมีปัญหากับใครในที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งกับคนรอบข้าง เป็นคนขยันตั้งใจทำงาน
ส่วนตัวมาทราบข่าวในเวลาตอนเช้าของวันที่ 14 ธ.ค.63 มีคนโทรศัพท์มาบอก แล้วส่งภาพลูกชายตนนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ตนก็รู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เนื่ององจากหัวอกคนเป็นแม่ พอมาเห็นสภาพลูกตัวเองในลักษณะเช่นนี้ก็ทำใจไม่ได้ ซึ่งพอตนเห็นรูปภาพลูกชายตัวเอง โทรศัพท์ของตนก็ดับ พังใช้งานไม่ได้ ติดต่อกับใครไม่ได้ จึงขอให้ลูกสาวอีกคนพาตนมาส่งที่ รพ.เพชรบูรณ์
ล่าสุดุอาการลูกชายยังคงอยู่ในระหว่างเฝ้าดูอาการ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวใด ๆ ตนมองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุอย่างมาก ตนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้ น่าจะพอพูดคุยกันได้ ตีขนาดนี้สงสัยเอาให้ตายเลย ถ้าจะสั่งสอนลูกชายตน ก็ตีที่แขนขาแทนก็ได้ แค่นั้นก็น่าจะเจ็บมากพอแล้ว คนขับรถทัวร์น่าจะนึกถึงชีวิตของคนบ้าง
ขณะนี้มีเพียงเจ้าหน้าที่ของบริษัทรถทัวร์ โทรศัพท์มาอธิบายเงื่อนไขต่าง ๆ ว่า มีการตรวจเช็กความพร้อมคนขับก่อนออกเดินทางทุกครั้ง แต่ยังไม่ได้ยินการพูดถึงเรื่องการเยียวยาค่ารักษาพยาบาล ส่วนตัวอยากให้คนขับรถทัวร์มารับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว จนกว่านายนิรุต จะสามารถทำงานได้ปกติ
น.ส.สมพิศ ชินนอก อายุ 25 ปี ชาวอ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ ภรรยาคนขับรถ 18 ล้อ เปิดเผยว่า อาการสามีไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะต้องรอการผ่าตัดรอบ 2 เพราะสามีกะโหลกแตกละเอียด แล้วมีเศษหญ้าเศษดินติดอยู่ หมอบอกกะโหลกยังใส่คืนไม่ได้ เพราะจะติดเชื้อเลยไม่ใส่ให้ จึงต้องรอดูอาการ
จากอุปนิสัยแฟนเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเป็นเสาหลัก เป็นคนใจเย็น ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องเขาก่อน เชื่อว่าการที่สามีลงรถไปก็เพื่อจะถามว่า ทำไมต้องมาตัดหน้ารถเขา แต่ไม่คิดว่าจะโดนทำร้าย ผลคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้ง หรือติดต่ออะไรมาเลย สามีเป็นเสาหลักของครอบครัว สามีต้องหาเลี้ยงครอบครัว คือ ตนและลูกอีก 2 คน ตอนนี้ไม่มีรายได้เข้ามา ตนอยากจะให้บริษัทรถทัวร์มารับผิดชอบ เขาก็เงียบ เขามาวันแรกแล้วก็เงียบ
อย่างไรก็ตาม ตำรวจสภ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เตรียมจะแจ้งข้อหา แก่นายนิรุต คนขับรถ 18 ล้อ ในข้อหา ขับรถประมาทหวาดเสียว ทำลายทรัพย์สินผู้อื่น ขณะที่นายธนพล คนขับรถทัวร์ จะถูกแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เพราะผิดทั้งคู่
