ดิ้นไม่หลุด! วงจรปิดชัดแม่ลูกย่องโยนถุงคุณไสยขึ้นบ้านคน ชาวบ้านแห่รดน้ำมนต์ล้างอาถรรพ์ (คลิป)

กรณีชาวชุมชนหลังสโมสรเก่า เขตเทศบาลเมืองกันตัง จำนวนกว่า 34 ครัวเรือน ประชากรกว่า 400 คน พบเศษซากกระดูกผี ดินป่าช้า ตะปูตอกโลงศพ เล็บมือ ผม และผ้าอนามัยใช้แล้วเปื้อนเลือด ถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกโยนขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกผวาว่าจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีกับคนในชุมชน และหวั่นเกรงว่าจะมีการแพร่เชื้อโรคหรือไม่ 

ล่าสุดวันที่ 14 ธ.ค.63 ที่ สภ.กันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง นางแสงระวี ยะตะโคตร อายุ 50 ปี พร้อมด้วยน้องสาว ได้เดินทางไปทำการบันทึกรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมนำเงินจำนวน 17,000 บาท

โดยเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าปรับในข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านในชุมชนหลังสโมสรเก่า (เขตเทศบาลนครตรัง) หลังรับสารภาพว่า ได้นำสิ่งข้อขว้างใส่หลังคาบ้านกว่า 34 ครัวเรือน ซึ่งมีการจ่ายค่าปรับครัวเรือนละ 500 บาท รวมทั้งสิ้น 17,000 บาทให้กับทางราชการ

โดยมีชาวบ้านผู้เสียหายต่างเดินทางตามไปด้วยกว่า 50 ชีวิต แต่ไม่ได้มีการปะทะกันแต่อย่างใด โดยนางแสงระวี พร้อมด้วยน้องสาว มีสีหน้าอยู่ในอาการตรึงเครียด สวมหน้ากากอนามัย และแว่นตาปิดบังใบหน้า และไม่ยอมพูดคุยใด ๆ กับผู้สื่อข่าวทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะนั่งพูดคุยกับนางแสงระวี อยู่ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง แต่กลับไม่มีการพูดคุยด้วย เพียงแค่พยักหน้า และส่ายหน้าไม่พร้อมให้ข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังชุมชนดังกล่าวอีกครั้ง พบว่าบ้านของนางแสงระวี ปิดประตูบ้านสนิท โดยมีสามีเก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว นางขาว จันทร์เมือง อายุ 92 ปี ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า หลังจากที่นางแสงระวี ไปจ่ายค่าปรับ ตนก็อยากสอบถามว่าทำไมถึงมาทำกับตนเองแบบนี้ แต่นางแสงระวีกลับไม่พูดคุยอะไรทั้งสิ้น และเมื่อเช้าที่ผ่านมา นางแสงระวีได้พูดมาว่า “จะไม่ยอมอย่างแน่นอน และจะทำอีก” หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ตนเองก็รู้สึกเกียจ

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปยังชุมชนหลังสโมสรเก่า เขตเทศบาลเมืองกันตัง จ.ตรัง พบว่าเป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีบ้านเรือนประชาชนอยู่ติดกัน 34 หลังคาเรือน ประชากรประมาณ 400 คน

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางลำเจียก อินภิวาด อายุ 75 ปี ชาวบ้านใกล้บ้านของผู้ก่อเหตุสองแม่ลูก เปิดเผยว่า บ้านของตนก็โดนโยนของขึ้นบนหลังคาเช่นกัน ตนรู้สึกกลัวมาก โทรไปบอกลูกชายที่อยู่กรุงเทพฯ แต่ลูกชายบอกว่าแม่ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะถ้าหากแม่เป็นอะไรขึ้นมา ครอบครัวเขาก็ไม่มีความสุข ตนต้องทำพิธีทำบุญบ้านใหม่

ส่วนบ้านของตนโดนโยนของตั้งแต่วันไหนนั้น ตนไม่มราบ มาทราบเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ที่ทราบเพราะว่าได้ยินชาวบ้านพูดคุยกัน จึงมาสำรวจที่บ้านของตัวเอง ช่วงแรกที่ตนสังเกตบริเวณข้างหน้าบ้านแต่ไม่พบ จึงให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังช่วยดูให้ จึงเห็นว่าที่บ้านของตนก็มีวางอยู่ที่ชั้นบน ถุงผ้าอนามัยวางอยู่ ตนจึงให้หลานชายปืนขึ้นไปเขี่ยลงมา ด้านในใส่ดินสีดำไหม้เกรียม ส่วนผ้าอนามัยหรือตะปูไม่มี 

ทั้งนี้ตนอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี ตั้งแต่ตนมาอยู่ที่นี่ก็รู้จักกับบ้านหลังนี้ตั้งแต่แรก ๆ เจ้าของบ้านหลังนี้มักจะมานั่งเล่น และพูดคุยกับตนอยู่บ่อยครั้ง ไม่นึกว่าจะมาทำแบบนี้ ทำให้บ้านอื่น ๆ เดือดร้อนด้วย ตนมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ส่วนบ้านหลังนี้ก็ดีกับตน มักจะนำของมาขายให้หลาน ๆ ทุกวัน เพราะบ้านหลังนี้ขายข้าวเหนียวปิ้ง กล้วยปิ้ง ยอมรับว่าทุกวันนี้ก็กลัวกันทั้งบ้าน หลาน ๆ และลูกสาวก็กลัวหมด

อย่างไรก็ดี เท่าที่ตนทราบอาการป่วยของลูกสาวบ้านหลังนี้ คือ เป็นประจำเดือนลงทางก้น คล้ายริดสีดวงทวาร ไม่ใช่ประจำเดือนทั่วไป ซึ่งพาไปรักษาหลายที่แล้ว แต่ก็ยังไม่หาย รวมถึงตนก็มีอาการป่วยด้วย โดยมักจะเป็นไข้บ่อย แต่ไม่ใช่เป็นเพราะคุณไสย แต่เป็นมานานแล้ว ส่วนที่บ้านหลังนี้มาทำคุณไสยก็ไม่รู้ว่าจะผิดพลาด หรือได้รับอันตรายจากของมนตร์ดำวันไหน

หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว ตนก็เจอหน้ากับผู้ก่อเหตุสองแม่ลูกเมื่อวานนี้ แต่ตนก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย เพราะมองว่าน่าจะมองหน้ากันไม่ติดอีกแล้ว ไม่อยากคุยด้วย อยากให้ต่างคนต่างอยู่ ส่วนพิธีทำบุญบ้าน ก็จะมีการทำบุญใหญ่ของหมู่บ้าน และทำบุญส่วนตัวที่บ้านด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าวันไหน

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพ ช่วงวันที่ 9 ธ.ค.63 เวลา 01.50 - 02.15 น. เป็นช่วงเวลาที่สองแม่ลูก เดินออกมาจากซอย และนำถุงมาโยนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของชาวบ้าน จำนวน 2 ถุง จากนั้นเดินกลับข้ามถนนมาอีกครั้งเพื่อกลับบ้าน โดยช่วงกลับมีท่าทีค่อนข้างเร่งรีบ

ทีมข่าวสำรวจความคิดเห็นของชาวบ้าน นางเดือนแรม บอกว่า "ยินดีให้สองแม่ลูกอยู่ต่อ แต่ต้องไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก" เช่นเดียวกับนางลำเจียก บอกว่า "ยินยอมให้อยู่ต่อ แต่ต้องไม่รบกวนเพื่อนบ้าน" และนางกำไร รัตนมนตรี อายุ 67 ปี ระบุว่า "อยู่ได้ แต่ขอให้ไม่ทำแบบเดิมอีก"

โดยในวันนี้ ชาวบ้านมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการทำพิธี เข้ามาในชุมชนหลังสโมสรเก่า เพื่อที่จะทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปจากชุมชน มีการนำน้ำมนต์ใส่ในขันทองเหลือง พร้อมใบมะกรูด 3-4 ใบ และใช้เทียนไขสีเหลือง 3 เล่ม สวดมนต์ เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ต่อจากนั้นผู้ทำพิธีนำขันน้ำมนต์เดินนำชาวบ้านประพรมบริเวณบ้านเรือนของชาวบ้านทั้งชุมชนโดยรอบ

ทีมข่าวได้พูดคุยกับเณรดอย เมืองตรัง (ฉายา) หรือ นายปิยภัทร สุดสิริ อายุ 33 ปี ผู้ทำพิธี เปิดเผยว่า ตนมาทำพิธีให้ชาวบ้าน เพราะตั้งใจมาช่วยเหลือให้สบายใจ และปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากชุมชน ทำพิธีน้ำมนต์ธรณีสาร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจสั้น ๆ ง่าย ๆ ก่อน เพราะการดำรงชีวิตของชาวบ้านหวาดกลัวไสยาศาสตร์ เกิดไม่เกิดไม่รู้ แต่ความกลัวเกิดขึ้นแล้ว ทีมงานจึงให้เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน

การกระทำดังกล่าว ตนไม่ทราบว่าทั้ง 2 แม่ลูกที่ทำลงไป ไม่ทราบว่าอธิษฐานทำเรื่องอะไร การกระทำดังกล่าว เรียกว่าทำให้เสี่อม การนำผ้าอนามัยขึ้นบนหลังคาบ้านผู้อื่น ก็จะทำให้พุทธคุณในบ้านเสื่อม และพวกกระดูก หรือ เถ้าที่นำมากับประจำเดือน จะเกิดอาเพศกับบ้าน หรือภาษาใต้ เรียกว่า อุบาทว์ เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับชาวบ้าน 

โดยการกระทำในลักษณะดังกล่าว ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถทำให้หายป่วยได้ มีแต่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนตามไปด้วย คาดว่ามีผู้ป่วยที่อ้างว่ามีประจำเดือนไม่หยุด น่าจะเกี่ยวกับโรคเลือดมากกว่า สามารถรักษาให้หายได้ และคิดไปเองว่ารักษาไม่หาย 

พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เปิดเผยว่า สำหรับการทำคุณไสยมนตร์ดำ และการปากระดูก สิ่งของขึ้นหลังคานั้น ก็เป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง เป็นการข่มขู่คนที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งคุณไสยมนตร์ดำจะเข้าได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นไม่มีความแนบแน่นในพระรัตนตรัย แต่ถ้ามั่นคงแนบแน่นในพระรัตนตรัย คุณไสยมนตร์ดำจะเล่นงานไม่ได้ ถ้าจิตใจเราไม่มั่นคง ก็จะเป็นโอกาสให้พวกเล่นไสยศาสตร์ทำร้ายเรา ดั่งคำกล่าวที่ว่า "บุคคลที่มีการระลึกถึงพระรัตนตรัยมั่นคงแน่วแน่ จะมีชีวิตเหมือนปลายเข็มตั้งขึ้นบนฟ้า เอาเม็ดทรายโปรยลงมา เม็ดทรายก็จะไม่ติดปลายเข็ม เหมือนดั่งทุกข์ก็จะไม่ตกค้างคาใจ" ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำคุณไสย ก็จะไม่หวั่นไหว ไม่วิตกกังวล