กรณีมีคนร้ายจำนวน 2 คนใช้รถจักรยานยนต์ สีดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดบริเวณร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ซึ่งคนขับสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ส่วนคนซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้า ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะลงมาจากรถ และพูดขอเติมลมยาง จากนั้นใช้อาวุธปืนพกสั้น ชนิด ลูกโม่ขนาด .38 ที่พกติดตัวมาจ่อยิง นายศรยุทธ์ หรือ ช่างวัส อายุ 38 ปี เจ้าของร้านเลขที่ 258/1 ม.6 บ้านนาเมร่ ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง
ทั้งนี้กระสุนเจาะเข้าที่หน้าผากทะลุท้ายทอย 1 แผล ใบหน้า 1 แผล และสะบักด้านซ้ายอีก 1 แผล รวมจำนวน 3 แผล ขณะนั่งซ่อมเครื่องยนต์อยู่ภายในร้าน ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งขึ้นรถขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางลูกน้องของผู้ตาย จำนวน 2 คนที่เห็นเหตุการณ์ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 พ.ย.63 ที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
2 คนร้ายทำทีเติมลม จ่อยิงช่างซ่อมดับ เจ้าของร้านชี้ปมคนตายเตือนเด็กเบิ้ลเครื่อง
ล่าสุดวันที่ 11 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนสืบทราบตัวคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม และพยานวิทยาศาสตร์ เพื่อขอเสนอศาลขออนุมัติออกหมายจับ จำนวน 3 คนดังต่อไปนี้
นายเสริญ ชัยแก้ว หรือครูเสริญ ข้าราชการครูบำนาญ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ซอยสวัสดิ์รัตนาภิมุข 2 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ตามหมายจับศาล จ.ตรัง ที่ 442/2563 ลงวันที่ 9 ธ.ค.2563 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ โดยเป็นผู้ใช้จ้างวาน”
ส่วนอีกรายซึ่งเป็นมือปืน นายปริวัฒน์ ด้วงผุด หรือ เอก อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.5 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ตามหมายจับศาล จ.ตรัง ที่ 444/2563 ลงวันที่ 9 ธ.ค.63 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์”
โดยตำรวจสนธิกำลังกว่า 70 นาย ตรวจค้นเป้าหมายรวม 5 ชุด ก่อนบุกเข้าจับกุมนายเสริญ หรือ ครูเสริญ ได้ที่บ้านพักเลขที่ดังกล่าว พร้อมยึดอาวุธปืนจำนวน 5 กระบอกที่ซ่องสุมไว้มาตรวจสอบกับคดีอื่นในพื้นที่ว่าเคยใช้ก่อเหตุมาบ้างหรือไม่
ต่อมาได้สืบทราบว่า นายปริวัฒน์ หรือ เอก มือปืนตามหมายจับ หลบหนีซ่อนตัวอยู่ที่บ้านแม่ของภรรยาเลขที่ 267 ม.8 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง จึงเข้าบุกจับกุม ก่อนจะนำตัวบุคลตามหมายจับทั้ง 2 รายมาทำบันทึกการจับกุม และควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และอีกรายคือคนขับขี่รถจักรยานยนต์ให้มือปืน ทราบชื่อ นายประภาษ ได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ คาดว่าจะได้ตัวมาในเร็วนี้อย่างแน่นอน
นายเสริญ หรือ ครูเสริญ ยังคงให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับผู้ตายดี สาเหตุมาจากโกธรแค้นผู้ตาย เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ตายเคยลักลอบขึ้นบ้าน พร้อมทั้งขโมยอาวุธปืนของตนไป ต่อมาผู้ตายได้เอาอาวุธปืนพกสั้นมาคืนให้ แต่ได้เรียกค่าไถ่ จำนวนประมาณ 4-5 หมื่นบาท ในขณะนั้นไม่แน่ใจว่าผู้ตายลงมือก่อเหตุขโมยเองหรือไม่
ที่ผ่านมาเมื่อ 1-2 ปี หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้จ้างมือปืนเพื่อให้ไปฆ่าผู้ตายจำนวนหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ผู้ตายรอดมาได้ ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งมือปืนที่ได้ถูกว่าจ้างกลับใจไม่กล้าลงมือ จึงนำเรื่องทั้งหมดไปบอกให้ผู้ตายทราบ ผู้ตายจึงนำเรื่องทั้งหมดไปบอกให้พี่ชายและภรรยาทราบ ทำให้ผู้ตายระมัดระวังตัวมาโดยตลอด
แต่ไม่กล้าแจ้งความ เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2559 นายเสริญ หรือ ครูเสริญ เคยจ้างวานให้ผู้ตายไปลงมือฆ่า นายสมศักดิ์ อายุ 40 ปี มีอาชีพรับจ้าง ซึ่งเป็นคนสนิทอัยการคนดังรายหนึ่ง จนเสียชีวิต เพราะเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่เพิ่งมาทราบตัวมือปืนเหตุการณ์ดังกล่าวในครั้งนี้เช่นเดียวกัน เบื้องต้นครูเสริญ ยังคงให้การภาคเสธ สำหรับคดีดังกล่าวมีพยานหลักฐานทั้งบุคคล พยานทางวิทยาศาสตร์ สามารถดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อย่างแน่นอน ขณะที่มือปืนคือนายปริวัฒน์ หรือเอก ยังคงให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา
จากการพลิกแฟ้มประวัติพบว่านายศรยุทธ์ หรือ ช่างวัส ผู้ตายเคยต้องคดีลักทรัพย์มาในหลายพื้นที่ทั้งใน จ.ตรัง และพื้นที่ข้างเคียง ก่อนจะมาจบชีวิตลงดังกล่าว อีกทั้งทำให้เจ้าหน้าที่ทราบตัวว่าผู้ตายเคยลงมือก่อเหตุฆ่าคดีเมื่อปี 59 มาแล้ว
ขณะนั้นไม่สามารถสืบทราบถึงตัวผู้ลงมือได้ โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการกับคนใช้ จ้าง วาน ให้เข็ดหลาบถึงที่สุด อาจมีการดำเนินคดีคนจ้างเพิ่มอีกหลายคดีที่เชื่อมโยงกับ นายเสริญ หรือ ครูเสริญ และนายศรยุทธ์ อย่างไรก็ตาม นายเสริญ เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ และซ่องสุมอาวุธปืนไว้จำนวนมาก และมีส่วนเชื่อมโยงกับซุ้มมือปืนแห่งหนึ่งใน จ.ตรังอีกด้วย
น.ส.ธารวิมล หรือ เจ๊แจ๋ว ภรรยาช่างวัส เปิดเผยว่า ตนมีบุตรด้วยกันกับสามี จำนวน 2 คน คนโตชายอายุ 16 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 คนสุดท้องอายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 สามีถือเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลทุกอย่างภายในครอบครัวถือเป็นหน้าที่ของเขา นิสัยเป็นคนพูดดี อารมณ์ดีกับทุกคน และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อนนอกจาก นายเสริญ หรือครูเสริญ
หลังจากที่ทราบข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้จ้างวานและมือปืนได้แล้ว ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่ถ้าถามว่ายังหวาดกลัว หรือหวาดระแวงอยู่อีกไม่ ก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ ส่วนตนกับนายเสริญ หรือครูเสริญ รู้จักกันแค่ผิวเผิน ไม่ได้ไปสนิทสนมกันมากนัก เพียงแค่รู้ว่าสนิทกับสามีมาก ขาดสามีไปก็รู้สึกลำบากมาก ภาระมีมากขึ้น เพราะว่าหนี้สินมีอยู่อีกจำนวนมาก แต่ก็ต้องสู้ต่อไป โดยที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ก่อนหน้าจะเกิดเหตุสามีไม่เคยพูดอะไรถึงตัวครูเสริญมาก่อน ก่อนจะเกิดเหตุเพียงแค่ 2 วัว ครูเสริญยังนำเครื่องยนต์มาให้สามีซ่อม ขณะนั้นตนอยู่ในบ้าน แต่รู้ว่าเป็นครูเสริญ ขณะนั้นถือว่าปกติมาก ไม่มีพิรุธอะไร มาเพียงคนเดียว ประกอบกับจะมาที่ร้านบ่อยครั้ง เนื่องจากสวนปาล์มน้ำมันของครูเสริญอยู่ตรงข้าม คนละฝั่งถนนกับร้านซ่อม นิสัยส่วนตัวของครูเสริญตนรู้ว่าเป็นคนพูดเสียงดัง พูดโผงผาง ใช้อารมณ์ ชอบใช้อาวุธปืน
ก่อนหน้านี้สามีทำแต่งาน อยู่ในสายตาตนตลอด ตอนนี้ก็กลัวในเรื่องของคดีว่าจะเกิดมวยล้ม อยากฝากไปทางตำรวจช่วยดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เกรงว่าอิทธิพลของครูเสริญ จะทำให้คดีจากหนักกลายเป็นเบา ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าอยู่กับลูกก็ไม่ปลอดภัย ถึงแม้ครูเสริญจะถูกจับไปแล้วก็ตาม ตอนนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย ค้าขายก็ไม่ได้ ลูกก็ไม่ได้ไปโรงเรียน เก็บตัวกันอย่างเดียว ไม่กล้าออกไปไหน ตนยืนยันว่าไม่เคยทราบเรื่องใดมาก่อนเลย ระหว่างครูเสริญและสามี และไม่เชื่อว่าสามีจะไปลงมือก่อเหตุฆ่าคนอื่น
ส่วนคำที่ครูเสริญให้การต่าง ๆ นานา ทั้งเหตุที่สามีเคยแอบไปขโมยปืน หรือการนำปืนไปเรียกค่าไถ่นั้น ตนไม่รู้ ถือว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี คนตายเสียไปแล้ว คนที่อยู่ก็พูดใส่ร้ายได้ทุกอย่าง คนตายไปแล้วไม่สามารถลุกขึ้นมาพูด หรือโต้แย้งใด ๆ ได้ ตนขอยืนยันว่าสามีเป็นคนดี คนในละแวกนี้รู้กันดี
