"ศรีวราห์" ส่งสำนวนเห็นแย้งอัยการ ปมไม่สั่งฟ้อง "เปรมชัย" 3 ข้อหา

10 เม.ย. 61
วันนีี้ (10 เม.ย.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน นำสำนวนความเห็นแย้ง คดีนายเปรมชัย กรรณสูต และพวก อีก 5 ข้อหา ที่อัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องจากทั้งหมด 11 ข้อหา  มายื่นสำนักงานอัยการสูงสุด ผ่าน นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด หลังจากเมื่อวานนี้มีการเรียกประชุมทีมพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และพนักงานสอบสวน ปทส. ได้ผลสรุปว่ามีความเห็นแย้งกับความเห็นอัยการ ที่สั่งไม่ฟ้องบางข้อหาไปก่อนหน้านี้
นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
โดย นายธรัมพ์ ระบุว่า ในจำนวน 5 ข้อหา ที่อัยการภาค 7 สั่งไม่ฟ้องนั้น มี 2 ข้อหา ที่พนักงานสอบสวนระบุท้ายสำนวนว่า มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องมาตั้งแต่ต้นแล้ว ได้แก่ ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ฯ ทำให้เหลือ อีก 3 ข้อหา ที่ขณะนี้ทางตำรวจและอัยการมีความเห็นแย้งกัน ได้แก่ข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, นำเครื่องมือล่าสัตว์เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ข้อหาเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.อ.ศรีวราห์ และพนักงานสอบสวน นำสำนวนเห็นแย้งส่งให้อัยการสูงสุด
โดยขั้นตอนหลังจากรับสำนวน และความเห็นจากพนักงานสอบสวน ทางเราจะนำส่งให้สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาชี้ขาด โดยตัวสำนวนมีความครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องสอบปากคำประเด็นใดเพิ่มเติม แต่ที่เห็นแย้งกัน อาจจะเพราะมีบางประเด็นที่ยังมองต่าง ซึ่งทางอัยการสูงสุดจะนำหลักฐานในสำนวนเดิมมาพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะแล้วเสร็จทันฝากขังผัดสุดท้ายในวันที่ 30 เม.ย.นี้
ผู้ต้องหา คดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
นายธรัมพ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการสั่งไม่ฟ้องในบางคดีนั้น ไม่กระทบต่อการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง เนื่องจากคดีที่ส่งผลกระทบทางแพ่งนั้น อยู่ใน 6 ข้อหา ที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว แต่หากจะกระทบน่าจะเป็นเรื่องของจำนวนเงินที่เรียกร้องค่าเสียหาย ในส่วน 6 ข้อหา ที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปก่อนหน้านี้ ถือว่ายุติ ไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาพิจารณาอีก
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่า วันนี้นำข้อสรุปในที่ประชุม รวมถึงข้อกฎหมาย ระเบียบคำสั่งในการระบุถึงการขออนุญาตเข้าพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า มายื่นให้อัยการสูงสุดประกอบการพิจารณา เนื่องจากตามระเบียบระบุไว้ชัดเจนว่าการจะเข้าไปโดยยกเว้นค่าธรรมเนียม จะต้องมีการทำหนังสือคำร้อง ซึ่งทางผู้ต้องหาไม่ได้กระทำในส่วนนี้ จึงถือว่ามีความผิดชัดเจน ขณะที่ข้อหา พยายามล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น ทางพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า ในเมื่อพบว่าข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าฯ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นไปได้หรือไม่ที่ในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่าฯ ก็อาจจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำเช่นกัน ทั้งนี้ขอให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดในการพิจารณาแจ้งข้อหาอีกครั้ง

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ