จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพชายรายหนึ่งนำภาพหน้างานศพ และฟิวเจอร์บอร์ดเขียนข้อความ ระบุข้อความว่า "15 ต.ค. นางดวงใจ ใบยพฤกษ์ ภรรยาถูกรถประจำทางสาย 39 ทับเสียชีวิต แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการเยียยว แม้แต่เงินค่าทำศพก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ" ทำให้คนแชร์และพูดถึงจำนวนมาก
วันที่ 4 ธ.ค. 63 นายโชคชัย ใบยพฤกษ์ สามีของผู้เสียชีวิต ชายที่นอนอยู่ที่กลางสีแยกรัชโยธิน ปัจจุบันอาศัยอยู่กับครอบครัวของแฟนลูกชาย ย่านวังหิน กรุงเทพฯ ลักษณะเป็นเพิงสังกะสี เปิดเผยว่า ตนเองตัดสินใจไปนอนที่แยกรัชโยธิน เนื่องจากวานนี้ทีแรกตนเองจะเดินทางกลับ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตนกำลังเดินทางไปที่ขนส่งหมอชิต เพราะไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีทางไปแล้ว แต่ก็มีเพื่อนที่รู้จักกันเตือนสติตน บอกว่าภรรยาตนกำลังจะตายฟรี จะกลับไปทำไม ให้ตนไปร้องเรียนผ่านสื่อฯ
ขณะนั้นตนเองอยู่แถวรัชโยธินจึงตัดสินใจซื้อฟิวเจอร์บอร์ดมาเขียนข้อความดังกล่าว ตนเองเริ่มนอนตั้งแต่ 19.00 น. ที่เลือกจุดนั้นเพราะภรรยาตนเสียชีวิตที่แยกนี้ หลังจากตนเองนอนไม่นานพบว่ามีคนมาสอบถามเยอะ มีคนมาถ่ายรูปลงสื่อต่าง ๆ จนเริ่มเป็นข่าว
เหตุผลที่ตนเองตัดสินใจมาเรียกร้อง เพราะที่ผ่านมาตนเองยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ไม่มีเงินแม้แต่ค่าทำศพภรรยา มีแค่วันเผาศพภรรยาตน คนขับรถคันเกิดเหตุใส่ซองให้แม่ยาย 5,000 บาท ส่วน ขสมก. ต้นสังกัดยังไม่มีการจ่ายค่าใด ๆ แต่หลังจากเป็นข่าว ขสมก. ติดต่อตนมาแล้ว ขอให้ตนไปรับเงินที่ประชาสัมพันธ์ งที่ผ่านมาไม่เคยติดต่อ โดยบอกว่าจะให้เป็นเงินช่วยเหลือ ซึ่งตนเองต้องไปกู้ยืมมา 60,000 บาท เพื่อใช้ในการทำศพภรรยา เคลื่อนย้ายศพกลับบ้านเกิด ปัจจุบันยังเป็นหนี้อยู่ 50,000 บาท
ทั้งนี้ ก่อนภรรยาเสียชีวิตราว 1 เดือน ที่ผ่านมาก็พยายามหางาน แต่ยังหาไม่ได้ ก่อนหน้านี้ถูกไล่ออกจากห้องพัก ต้องมาอาศัยกับลูกชายคนโตที่บ้านของแฟนลูกชาย เป็นเหตุให้ตนตัดสินใจจะกลับบ้าน ตนเองไม่ได้ต้องการเรียกร้องเงินเยียวยาอะไรมาก เพราะวันนี้ช่วงเช้าตนเองเข้าไปที่ สน.พหลโยธินมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาให้ข้อมูล และบอกว่าอยู่ระหว่างการรวบรวบ เพราะทางประกันรอตำรวจชี้ว่าใครเป็นฝ่ายผิด จึงจะจ่ายเงินเยียวยาได้ แต่อย่างหนึ่งที่ตนเรียกร้องก่อนคำตัดสินทางกฎหมายคือค่าปลงศพ ทำไมถึงต้องปล่อยให้ตนเป็นหนี้
นายโชคชัย ร้องไห้ระบุว่า ครอบครัวไม่เคยต้องลำบากถึงขนาดนี้ ตนเองอยู่กับภรรยาและลูก ๆ เป็นครอบครัว เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ตนรู้ว่าค่าสินไหมต้องรอผลทางกฎหมาย แต่ก็น่าจะเห็นใจให้ค่าปลงศพบ้าง เราคนไทยด้วยกัน ต้องคิดว่าคนไทยจะอยู่อย่างไรครอบครัวจะเคลื่อนย้ายศพไปอย่างไร สภาพจิตใจครอบครัวยังแย่ ลูกคนเล็ก 9 ขวบตนเองก็ส่งกลับบ้าน และเพิ่งบอกลูกว่าแม่เสียชีวิต ลูกชายคนโต 17 ปี ตอนนี้ก็ทำงานช่วยบ้านแฟนของเขาเอง
หากพูดถึงวันเกิดเหตุ เช้าวันที่ 15 ต.ค. 63 ตนเองก็นอนอยู่กับภรรยา ช่วงเช้าภรรยาจะออกไปทำงาน ซึ่งปกติตนเองจะต้องเป็นคนไปส่ง แต่วันนั้นลูกชายว่าง และบอกว่าจะไปส่งแม่เอง ลูกชายขับรถซ้อนท้ายแม่ของเขาไป ขับลัดเลาะจากรัชดาไปออกซอยที่ถนนพหลโยธิน ก่อนจะเลี้ยวไปเกิดเหตุที่แยกรัชโยธิน จังหวะนั้นไฟสัญญาณจราจรเป็นไฟเขียว รถเมล์คันเกิดเหตุก็มาจากด้านหลัง ขับเฉี่ยวท้ายรถลูกชาย ทำให้ภรรยาตนถูกรถเมล์เหยียบเข้าที่หัวจนเสียชีวิต
ด้านจ่าอากาศตรีธิดา สุมพันธ์ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ยอมรับว่า วันนั้นไม่เห็นชัดเจนว่าใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิด แต่ได้เข้าให้การช่วยเหลือด้วยการโบกรถ มีกระเป๋ารถประจำทางมาถามว่าเห็นขณะที่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าหรือไม่ ซึ่งตัวเองไม่เห็นจึงปฏิเสธ จนมาถึงวันนี้ขณะกำลังขับรถกลับบ้าน บังเอิญเห็นชายคนดังกล่าวนอนร้องขอความเป็นธรรม ตัวเองซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น จึงพยายามหาทางช่วยเหลือเท่าที่ทำได้
ทีมข่าวเดินทางพา นายโชคชัย ผู้เสียหาย มาที่สำนักงานขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของ ขสมก. ติดต่อมา
นายสุชาติ พลายงาม หัวหน้ากลุ่มงานประชาสัมพันธ์ ขสมก. เปิดเผยว่า ขสมก. โดยผู้บริหารได้เห็นข่าวของนายโชคชัยผ่านสื่อฯ และไม่นิ่งนอนใจ ก่อนหน้านี้ทางเขตการเดินรถเขต 1 ซึ่งเป็นต้นสังกัดของผู้ขับรถคันเกิดเหตุ ได้ให้พนักงานขับรถคันดังกล่าวไปขอขมาศพ ซึ่งก็รู้สึกผิดกับเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่ล่าช้าในการเยียวยาได้ทำประกันภัยไว้ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปทางคดีเอกสารของตำรวจยังไม่ครบ จุดนี้ตนเองไม่มั่นใจในรายละเอียด หากตำรวจยังไม่ชี้ชัดว่าใครผิดถูก ประกันภัยก็ยังไม่สามารถจ่ายเยียวยาได้
โดยวันนี้ผู้บริหารของ ขสมก. ได้มอบหมายให้ตนมาจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้น 10,000 บาท เพราะทาง ขสมก.ก็ไม่สบายใจ หลังจากนี้ทางตำรวจได้นัดหมายวันที่ 8 ธ.ค. 63 เวลา 10.00 น. เพื่อให้คู่กรณี ทั้งประกัน ขสมก. และผู้เสียหาน เข้าไปพูดคุยที่ สน.พหลโยธิน อย่างไรก็ตาม นายสุชาติได้ยกมือไหว้ทิ้งท้าย และระบุกับผู้เสียหายว่า "ต้องขออภัยให้การล่าช้า" พร้อมยื่นซองเงินให้
นายโชคชัย ระบุว่า ตนเองพอใจในระดับหนึ่ง เพียงแต่ตนเองติดใจวันที่เกิดเหตุที่มีพนักงานของ ขสมก. สัญญาว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ให้ตนจัดการงานศพไปได้เลย แต่สุดท้ายผ่านมา 2 เดือนตนต้องเป็นหนี้ อย่าง พ.ร.บ.ภาคบังคับ ที่จะจ่ายค่าปลงศพก็ไม่มี ส่วนนายสุชาติ เป็น ขสมก. คนแรกที่ติดต่อหาตนหลังจากที่เรื่องเงียบมานาน ตนเองต้องขอบคุณสื่อมวลชน และจะเก็บเงิน 10,000 นี้ไปใช้หนี้ แต่หนี้ตนก็ยังเหลืออีก 40,000 บาท