จากกรณีเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 63 เวลา 19.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หมูสี จังหวัดนครราชสีมา ได้รับมีแจ้งเหตุยิงกันด้วยอาวุธปืน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย บริเวณแยกวงเวียนบ้านไร่ หมู่ 7 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นร้านขายส่งหมูกระทะ ขณะที่ผู้ถูกยิงทั้ง 4 คน กำลังล้อมวงกินหมูกระทะกันอยู่
ขณะเกิดเหตุ นายดนัย การสมบัติ อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน, นางสาวธนาทิพย์ ไทยยิ่งยงค์ หรือ อ้อย อายุ 52 ปี ภรรยา พร้อมนายทศวรรษ การสมบัติ หรือ อั๋น อายุ 25 ปี บุตรชาย และนางสาวนภทรัพย์ ไทยยิ่งยงค์ หรือ เล็ก อายุ 50 ปี น้องสาวของนางธนาทิพย์ กำลังปูเสื่อนั่งล้อมวงปิ้งย่างกินหมูกระทะกันอยู่กับญาติ รวม 8 คน มีนายลือ นางสาวไล นางสาวลี นางสาวฟ้าใส ด้วยนั้น
ขณะนั้น นายสุรพล สุริยันต์ หรือ เก๋ อายุ 39 ปี อาศัยอยู่บ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม มีศักดิ์เป็นน้องเขยของนายดนัย เดินเข้ามาข้างบ้าน ถือปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อซีแซด 75 จ่อยิงนางสาวนภทรัพย์ มีบาดแผลที่หน้าอกทะลุสีข้าง และต้นขาขวา
จากนั้นได้ทำการยิงแต่กระสุนพลาดไปถูกนางสาวธนาทิพย์ กระสุนเข้าที่ต้นแขนขวาและต้นขาขวา เมื่อนายทศวรรษลูกชายเห็นแม่ถูกยิง จึงลุกขึ้นเดินเข้าหามือปืน จึงถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด ล้มลงเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จากนั้นนายดนัยได้ลุกขึ้นยื้อแย่งปืนจากนายสุรพล แต่ถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด ที่ต้นแขนซ้าย และศอกขวาจนล้มลง เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่เสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล
จากนั้น นายสุรพลก็ได้เดินถือปืนมารอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณริมถนน จังหวะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังกินอาหารอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ นายสุรพลจึงเดินเข้าไปมอบตัวพร้อมส่งปืนให้ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบปลอกกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ปลอก พร้อมหัวกระสุนอีก 1 หัว
นายสุรพล ผู้ต้องหา บอกว่า นางสาวนภทรัพย์ชอบดูถูกเหยียดหยามตนว่าไม่มีเงินทองและเกาะภรรยากิน เวลาอีกฝ่ายซื้อของใช้หรือรถยนต์ใหม่ ก็มักจะนำมาอวดและดูถูก ทำให้ตนโมโหและเก็บกดมาเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยในวันเกิดเหตุ ตนได้เตรียมปืน ซึ่งเป็นปืนที่มีใบอนุญาตของนางสาวบุญตา การสมบัติ หรือ ตา อายุ 45 ปี ภรรยา ตั้งแต่ช่วงกลางวัน แต่ไม่มีสบโอกาส จนกระทั่งช่วงหัวค่ำ ตนได้หนีภรรยาออกมาก่อเหตุ ซึ่งภรรยาของตนได้ตามหลังออกมาห้ามตน แต่ตามมาไม่ทัน
ในตอนแรก ตนตั้งใจจะยิงนางสาวนภทรัพย์ น้องสาวของนางสาวธนาทิพย์ เพียงคนเดียว แต่คนอื่นนั้นนั่งอยู่ด้วย ทำให้ถูกลูกหลง ส่วนนายดนัยและนายทศวรรษ สองพ่อลูก ตนไม่ได้ตั้งใจจะยิง แต่เมื่อมีการยื้อแย่งปืน ตนจึงยิงออกไปโดยไม่ตั้งใจ
นางสาวบุญตา การสมบัติ หรือ ตา อายุ 45 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากนางสาวนภทรัพย์ หรือ เล็ก ซึ่งเป็นน้องสาวของนางสาวธนาทิพย์ พี่สะใภ้ ถือเป็นคนนอก ที่ชอบพูดจาแขวะสามีของตนอยู่ตลอดว่าเกาะเมียกิน ทั้ง ๆ ที่สามีของตนที่แต่งงานอยู่กินกันมา 2 ปี ก็ช่วยเหลือตนขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ตลอด นางสาวนภทรัพย์นั้นมักจะช่วยนางสาวธนาทิพย์ขายผลไม้ที่หน้าบ้าน โดยเมื่อมาแล้วก็มักจะส่งเสียงดังโวย พูดจากระทบมาถึงสามีของตนที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ตลอด
นอกจากสามีของตนที่ต้องทนกับปากของนางสาวนภทรัพย์มาประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว ชาวบ้านหลายคนต่างก็รู้จักนิสัยของนางสาวนภทรัพย์ดี จนไม่อยากจะยุ่งด้วย โดยสามีของตนมักจะบ่นให้ตนฟังว่ารำคาญนางสาวนภทรัพย์ แต่ก็ไม่เคยมีท่าทีว่าจะก่อเหตุ ซึ่งตนก็ได้แนะนำอยู่ตลอดว่าอย่าถือสา ซึ่งปืนดังกล่าวเป็นปืนของตนที่ตนซื้อมาเก็บไว้ใต้หมอนเพื่อป้องกันตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในราคาประมาณ 90,000 บาท
โดยก่อนเกิดเหตุ สามีของตนได้นำปืนออกมาขัดล้าง ตนไม่ได้เอะใจว่าสามีจะนำไปใช้ก่อเหตุ ถึงแม้สามีของตนจะเป็นคนเงียบ ๆ และอารมณ์ร้อนก็ตาม จนกระทั่งช่วงเที่ยง ตนได้มีปากเสียงกับนางสาวนภทรัพย์ เนื่องจากนางสาวนภทรัพย์พูดจาแขวะตน สามีของตนได้เข้ามาห้ามตน และได้ขับรถออกไปหาเพื่อนนอกบ้าน เพื่อสงบสติอารมณ์
จากนั้น ในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. เมื่อสามีของตนกลับมาก็ได้กลับเข้าบ้านแล้วกลับออกมาพร้อมปืน ซึ่งตนได้พยายามห้ามสามีว่าอย่าทำ สามีของตนผลักตนออก โดยตนได้วิ่งตามไป เมื่อสามีของตนวิ่งไปถึงบ้านของพี่ชาย ตนได้ยินสามีตนพูดว่า "ใครไม่เกี่ยวก็หลบไป" จากนั้นก็กระหน่ำยิงหลายนัด ตนไม่มั่นใจว่าสามีของตนยิงใครก่อน
จากนั้นตนจึงถูกนางสาวนภทรัพย์, นางสาวธนาทิพย์, นางสาวลี และนางสาวฟ้าใส รุมตบและกระทืบ โดยนางสาวนภทรัพย์ได้กระชากสร้อยทองหลวงพ่อคูณหนัก 5 บาทของตน จับศีรษะของตนกดลงพื้น และทำร้ายตนจนตาขวาแตก ตาซ้ายช้ำ ใบหน้าปูดบวม กระดูกสันหลักข้อที่สามจากล่างแตก ม้ามกระทบกระเทือน ร่างกายถลอก
ขณะนี้ตนยังคิดอะไรไม่ออก ตนไม่โกธรสามี เพราะที่ผ่านมาสามีทำงานในร้าน ทั้งทำกับข้าวล้างจานทุกอย่าง หลังจากนี้ต้องสอบถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งว่าตนจะสามารถประกันตัวสามีได้หรือไม่ อีกทั้งตนกำลังพิจารณาว่าจะแจ้งความกลับคนที่ทำร้ายร่างกายตน
นางสาวสมบูรณ์ การสมบัติ อายุ 50 ปี น้องสาวของผู้ตาย และพี่สาวของภรรยาผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนไม่โกธรผู้ก่อเหตุ วันเกิดเหตุ นางสาวบุญตา น้องสาวตน และนายสุรพล ผู้ก่อเหตุ ได้มีปากเสียงกับนางสาวนภทรัพย์ ซึ่งตนได้มาห้ามเหตุไปแล้ว นายสุรพลพูดกับตนว่า "ผมทนไม่ไหวแล้ว" ตนไม่คิดว่านายสุรพลจะก่อเหตุในช่วงค่ำอีกถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่นายสุรพลย้ายเข้ามาอยู่กินกับนางสาวบุญตา นางสาวนภทรัพย์ที่มักจะมาช่วยนางธนาทิพย์ขายผลไม้ที่หน้าบ้าน ก็จะคอยพูดจาแขวะนายสุรพลอยู่ทุกวัน ทั้งที่ตัวเองเป็นคนนอก ทำให้นายสุรพลทนไม่ไหว ตัดปัญหาด้วยการก่อกำแพงกั้นระหว่างบ้านของนายดนัยกับบ้านตัวเองเมื่อ 2 เดือนก่อน แต่นางสาวนภทรัพย์ก็ยังคงพูดจาเสียงดังกระทบจิตใจนายสุรพลข้ามกำแพงจนเป็นเหตุให้เกิดเหตุสลดในวันนี้
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาแก่นายสุรพล ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่า รวมถึงข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน จากนั้น ในเวลาประมาณ 14.50 น. ร่างของนายดนัยพร้อมร่างของนายทศวรรษ ได้เดินทางมาถึงวัดศรีบุญญาราม ครอบครัวได้ประกอบพิธีรดน้ำศพในเวลา 17.00 น. แขกที่มาร่วมงานทุกคนต่างอยู่ในสภาวะโศกเศร้าเสียใจ ซึ่งแม่ของนายดนัย วัย 85 ปี ที่ป่วยหลายโรครุมเร้า หัวใจ และความดัน มารดน้ำศพลูกชายและหลานชาย