เปิดใจคนท้า “ไบร์ท” โดดตึกสภา ปัดสนิท ส.ว. ไม่ห่วงโซเชียลถล่มเพราะเพื่อนใหม่เพียบ (คลิป)

กรณีนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบร์ท แกนนำนนทบุรีและเพื่อน กระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมแกนนำอีก 1 คน เพื่อว่ายจากท่าน้ำเกียกกายไปขึ้นฝั่งที่ท่ารัฐสภา ต่อมาทั้งคู่เดินลัดเลาะไปยืนชูป้าย “หยุดคุกคามประชาชน” ที่ข้างอาคารรัฐสภา พร้อมขอพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตำรวจหยุดยิงแก๊สน้ำตาและหยุดทำร้ายประชาชน

แต่ในระหว่างนั้นมีชายติดบัตร “ผู้ติดตาม ส.ว.” สีส้ม ตะโกนท้าให้นายชินวัตร และเพื่อนกระโดดลงชั้นใต้ดินรัฐสภาหลายครั้ง อีกทั้งยังถามว่าจะมาเรียกร้องจากรัฐบาล เสียภาษีปีละกี่ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดเป็นกระแสวิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ เพราะไม่เห็นด้วยกับคำยุยงของผู้ติดตาม ส.ว.คนดังกล่าว บางความคิดเห็นก็มีการโต้กลับว่า “ทำไมไม่โดดเอง”

ล่าสุดวันที่ 18 พ.ย.63 ทีมข่าวเดินทางไปพบกับ นายชินวัตร กล่าวว่า การยุยงดังกล่าวหากมีกระโดด ก็จะตกลงสู่ชั้นใต้ดินของอาคารรัฐสภา ซึ่งคนที่กระโดดก็ต้องตาย ดังนั้นประชาชนที่จ่ายภาษีให้กับคนเหล่านี้ แต่กลับถูกคนเหล่านี้ดูถูกเหยียดหยาม โดยเฉพาะการย้อนถามกลับว่าตนและเพื่อนเสียภาษีปีละเท่าไร นั่นเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนมีสิทธิ์เสียภาษีทุกคนอยู่แล้ว แต่อยู่ที่วาระหน้าที่ แต่สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นนั่นคือ คำพูดจากปากบุคคลดังกล่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นการกระทำที่ย่ำแย่ที่สุด ไม่มีใครในประเทศไหนของโลกนี้ทำกันแบบนี้

ทั้งนี้หลังจากนี้จะมีการปรึกษาหารือพร้อมกับทีมทนาย ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เบื้องต้นจะช่วยกันสืบว่าบุคคลดังกล่าวคือใครกันแน่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าเป็นผู้ติดตามหรือว่า ส.ว. แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลดังกล่าวถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแน่นอน และมีการใช้วาจาแบบนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง แต่หากเป็นผู้ติดตามจริง ๆ อย่างที่ปรากฏตามข่าว ตนก็ขอฝากไปถึงสมาชิกวุฒิสภาที่เป็นเจ้านายของบุคคลดังกล่าวด้วยว่า จะต้องออกมารับผิดชอบแทนลูกน้อง

ดังนั้นจึงขอฝากไปถึงผู้แทนในรัฐสภาว่า วันนี้ประเทศถึงทางตัน ก่อนจะโหวตขอให้คิดอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ เพราะตนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้สามารถแก้ไขได้ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยนายสมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ หรืออ.โบบิ CEO ร้านแว่นตาแห่งหนึ่งย่านรัชดา เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า ตนเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ชอบการบังคับให้ใครต้องทำอะไรตามใจ โดยไม่ฟังเสียงข้างมาก และไม่ยึดถือความเป็นประชาธิปไตย

ในวันที่ 17 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ตนไปประชุมหารือในการสร้างโปรเจกต์คลองไทย ที่อาคารสัปปายะสภาสถาน รัฐสภา (เกียกกาย) แต่แล้วก็ไม่สามารถเดินทางออกจากรัฐสภาได้ ตนจึงรู้สึกหมดความอดทนกับคณะราษฎรที่ชอบบังคับให้คนอื่นทำตามใจ โดยมีการขู่ ส.ว. ว่าจะปิดล้อมรอบรัฐสภา หากไม่มีรับร่างรัฐธรรมนูญของไอลอร์ แล้วมีการว่ายน้ำปีนเข้ามายังพื้นที่ของอาคารรัฐสภา ถือว่าเป็นการบุกรุก อีกทั้งยังชูป้ายหยุดคุกคามประชาชน และร้องขอพบ นายชวน หลีกภัย เพื่อให้ออกคำสั่งหยุดใช้แก๊สน้ำตา

ส่วนตัวมองว่าคณะราษฎรทำผิดกฎหมาย แล้วมีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำตามหน้าที่ในการป้องกันความปลอดภัยให้กับรัฐสภา ทั้งนี้ตนยกตัวอย่างต่างประเทศ หากมีการบุกรุกรัฐสภาเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างประเทศมีการใช้กระสุนยาง ใช้กระบองและโล่กำบังสลายการชุมนุมไปแล้ว

การที่ตนตะโกนคำว่า "โดด ๆ ๆ" เกิดจากความบันดาลโทสะของตน ซึ่งตนมองว่าชายผู้นั้นเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้ากระโดดจริง ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุการณ์ขณะนั้นตนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งต่อมาก็ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา ที่เข้าไปเจรจากับนายนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง

ส่วนประเด็นที่นายชินวัตร ถามตนว่าเสียภาษีเท่าไร ตนมองว่านายชินวัตร อาจจะเข้าใจว่าตนเป็นหนึ่งในวุฒิสภา ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนยอมรับว่ามีทั้งกระแสบวก และกระแสลบ แต่ก็ยังรู้สึกสบายใจ เพราะว่าได้เพื่อนเพิ่ม ได้คนเข้าใจเพิ่ม และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับตน สิ่งที่ตนทำไปทั้งหมดเพียงแค่จะสอน