ญาติแฉ! หนุ่มคลั่งเผารถ อดีตรวยอู้ฟู่ ถูกหญิงหลอกสูญ 30 ล้านจนคลั่ง (คลิป)

27 มี.ค. 61
จากกรณีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ ตระเวนเผารถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เสียหายรวม 7 คัน ในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว ทราบชื่อ คือ นายวสิทธิ์ นันทิวัชวิภา อายุ 29 ปี โดยเจ้าตัวให้การวกวน คาดว่าสติไม่สมประกอบ วันนี้ (26 มี.ค.) ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นายวสิทธิ์ ผู้ก่อเหตุเผารถยนต์ ในพื้นที่ ม.6 ต.มอบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี พบว่าเป็นบ้านทรงไทย 2 ชั้น ซึ่งขณะนี้ปิดไฟเงียบ
เพื่อนบ้านของนายวสิทธิ์ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว
จากการสอบถามเพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า นายวสิทธิ์ เป็นคนดี ก่อนหน้านี้เคยมีเงินเพราะขายที่มรดกได้กว่า 30 ล้านบาท จากนั้นก็ใช้จ่ายไม่ถึง 1 ปี เงินหมด เพราะถูกผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาใหม่หลอก ต้องรับจ้างและทำขนมขาย คาดว่าที่ก่อเหตุเพราะเครียด ส่วนเรื่องยาเสพติดตนคิดว่านายวสิทธิ์ เคยเสพจริง แต่ช่วงหลังคิดว่าไม่น่าจะมีเงินซื้อ ส่วนตัวรู้สึกสงสาร เพราะนายวสิทธิ์เป็นเด็กดี ไม่น่าจะไปก่อเหตุได้
ญาติของนายวสิทธิ์ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว
ด้านญาติของ นายวสิทธิ์ ซึ่งอยู่บ้านใกล้กัน เปิดเผยว่า นายวสิทธิ์เป็นลูกคนเดียวหลังจากที่แม่เสียชีวิต ก็ทิ้งมรดกเป็นที่ดินไว้ให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะนำไปขายได้เงินมากว่า 30 ล้านบาท จากนั้นเจ้าตัวก็ใช้เงินในการกิน เที่ยว และซื้อรถหรูมาขับ ซึ่งเงินได้หมดไปภายใน 1 ปี โดยก่อนหน้านั้นได้เลิกกับภรรยา และมีภรรยาใหม่ ส่วนตัวไม่ทราบว่าถูกภรรยาใหม่หลอกเอาเงินไปหรือไม่ แต่ช่วงที่เงินหมด นายวสิทธิ์ก็อยู่คนเดียว และรับจ้างทำงานไปทั่ว จากนั้นก็เริ่มกลายเป็นคน 2 บุคลิก พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเทพ ซึ่งที่ก่อเหตุก็น่าจะเป็นเพราะสติไม่ค่อยดี ส่วนเรื่องยาเสพติดเจ้าตัวเคยเสพจริง แต่หลังเงินหมดก็ไม่ได้เสพอีก เพราะไม่มีเงินซื้อ
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ
ทางด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ให้ข้อมูลว่า การกระทำดังกล่าว ผู้ต้องหามีความผิดข้อหาวางเพลิง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 217 ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 1 หมื่นบาท ถึง 1 แสน 4 หมื่นบาท และคดีนี้ยอมความไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ต้องมีการตรวจสอบผู้กระทำผิด จากจิตเวชเสียก่อน หากแพทย์ตรวจพบว่า ผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิต ไม่ต้องรับโทษ เพราะระหว่างทำ ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่ญาติหรือผู้ดูแล ที่ปล่อยให้ผู้ต้องหามาก่อเหตุ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ขณะเดียวกันหากป่วยทางจิตเป็นครั้งคราว แต่ขณะลงมือทำผิด มีสติ ทางศาลจะพิจารณาลดโทษให้ ทั้งนี้แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล คดีนี้โดยส่วนตัวของ ทนายรณณรงค์ มองว่า ผู้ลงมือก่อเหตุน่าจะเป็นผู้มีอาการป่วยทางจิตมากกว่า เนื่องจากลงมือเผารถหลายคัน หากเป็นคนปกติ มีความขัดแย้งกับเจ้าของรถ ก็น่าจะเผาเพียงคันเดียว

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ